คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่เป็นธรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 476 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2296/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: พิจารณาเหตุผลความร้ายแรงและการกระทำที่ไม่สมควร
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปลดโจทก์ออกจากงานเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์กระทำผิดระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยอย่างร้ายแรง คำให้การของจำเลยจึงเท่ากับต่อสู้ว่า เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมศาลแรงงานกลางได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ ฉะนั้นการจะวินิจฉัยว่าเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมหรือไม่ จึงต้องพิเคราะห์ว่ามีเหตุสมควรที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ได้หรือไม่ การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าการกระทำของโจทก์แม้จะไม่ผิดต่อระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยอย่างร้ายแรง แต่ก็เป็นการกระทำที่ไม่สมควรการเลิกจ้างโจทก์จึงไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ดังนี้เป็นการวินิจฉัยตามคำฟ้อง คำให้การและประเด็นพิพาทที่กำหนดไว้หาเป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกคำให้การไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2295/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ค่าชดเชย และดอกเบี้ยผิดนัด การพิจารณาเหตุผลการเลิกจ้างและการคำนวณค่าชดเชย
ค่าชดเชยเป็นหนี้ที่กฎหมายกำหนดให้นายจ้างจะต้องชำระให้แก่ลูกจ้างในวันเลิกจ้าง ดังนั้นการที่จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างไม่ชำระค่าชดเชยให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างในวันเลิกจ้าง จำเลยจึงตกเป็นลูกหนี้ผู้ผิดนัด โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยได้ในระหว่างผิดนัดในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 224.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2216/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: การลงโทษซ้ำซ้อนทางวินัยและการพักงานโดยจ่ายค่าจ้าง
ระเบียบข้อบังคับของจำเลยที่ระบุการลงโทษทางวินัยแก่พนักงานที่กระทำความผิดฯ ว่า..."(3) ให้พักงานชั่วคราว โดยไม่จ่ายค่าจ้างในระหว่างนั้น" การให้พักงานที่จะเป็นการลงโทษทางวินัยตามระเบียบข้อบังคับดังกล่าว jจะต้องเป็นการให้พักงานชั่วคราวโดยไม่จ่ายค่าจ้างในระหว่างนั้น จำเลยให้โจทก์พักงานชั่วคราวเพื่อสอบสวน โดยจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ตามปกติ จึงไม่ถือเป็นการลงโทษในความผิดที่โจทก์ได้กระทำไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2216/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: การลงโทษซ้ำซ้อนทางวินัย การพักงานโดยจ่ายค่าจ้างไม่ถือเป็นการลงโทษ
ระเบียบข้อบังคับของจำเลยที่ระบุการลงโทษทางวินัยแก่พนักงานที่กระทำความผิดฯ ว่า..."(3) ให้พักงานชั่วคราว โดยไม่จ่ายค่าจ้างในระหว่างนั้น" การให้พักงานที่จะเป็นการลงโทษทางวินัยตามระเบียบข้อบังคับดังกล่าว จะต้องเป็นการให้พักงานชั่วคราวโดยไม่จ่ายค่าจ้างในระหว่างนั้น จำเลยให้โจทก์พักงานชั่วคราวเพื่อสอบสวน โดยจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ตามปกติ จึงไม่ถือเป็นการลงโทษในความผิดที่โจทก์ได้กระทำไปแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2036/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากพฤติการณ์ส่อไปในทางไม่สุจริต ไม่ถือเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม และลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จ
การที่จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะมีพฤติการณ์ส่อไปในทางไม่สุจริตโดยหวังผลประโยชน์อันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง แสดงว่าจำเลยได้ เลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุไม่ไว้วางใจโดยมีพฤติการณ์ส่อไปในทางไม่สุจริต มิใช่เลิกจ้างเพราะโจทก์กระทำทุจริตโดยตรง จำเลยจึงไม่ต้องนำสืบพยานถึงการกระทำทุจริตโดยตรงของโจทก์ เมื่อฟังได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุไม่ไว้วางใจจึงมิใช่การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
ข้อบังคับของจำเลยกำหนดว่าพนักงานที่ถูก ปลดออกจากงานจะไม่มีสิทธิได้ รับเงินบำเหน็จเพราะมีความผิด เมื่อจำเลยมีคำสั่งปลดโจทก์ออกจากงานเพราะมีพฤติการณ์ส่อไปในทางไม่สุจริต ไม่ได้ปลดออกเพราะกระทำผิด โจทก์จึงมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2036/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: เหตุผลความน่าไว้วางใจ vs. การกระทำทุจริตโดยตรง และสิทธิค่าชดเชย/บำเหน็จ
จำเลยมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์มีพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจส่อไปในทางทุจริตโดย หวัง ผลประโยชน์อันได้ ชื่อ ว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วร้ายแรง มิใช่เลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์กระทำการทุจริตโดยตรง ดังนี้จำเลยจึงไม่ต้องนำสืบถึง การกระทำทุจริตโดยตรงของโจทก์ จำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์หาเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ไม่ ส่วนข้อกล่าวหาของจำเลยที่ว่าโจทก์ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงจะเป็นเหตุให้โจทก์ไม่มีสิทธิได้ รับค่าชดเชยตาม ข้อบังคับหรือไม่นั้นย่อมอยู่ในดุลพินิจ ของศาลที่จะวินิจฉัยให้ตาม รูปคดี ดังนี้เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจ แต่ ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ กระทำผิดประการใด จำเลยจึงต้อง จ่ายค่าชดเชยให้โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2036/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม พิจารณาจากเหตุผลที่จำเลยให้การต่อสู้คดี และสิทธิการรับเงินบำเหน็จ
การที่จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะมีพฤติการณ์ส่อไปในทางไม่สุจริตโดย หวังผลประโยชน์อันได้ชื่อ ว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง แสดงว่าจำเลยได้ เลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุไม่ไว้วางใจโดย มีพฤติการณ์ส่อไปในทางไม่สุจริต มิใช่เลิกจ้างเพราะโจทก์กระทำทุจริตโดยตรง จำเลยจึงไม่ต้องนำสืบพยานถึง การกระทำทุจริตโดยตรงของโจทก์ เมื่อฟังได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุไม่ไว้วางใจจึงมิใช่การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ข้อบังคับของจำเลยกำหนดว่าพนักงานที่ถูก ปลดออกจากงานจะไม่มีสิทธิได้ รับเงินบำเหน็จเพราะมีความผิด เมื่อจำเลยมีคำสั่งปลดโจทก์ออกจากงานเพราะมีพฤติการณ์ส่อไปในทางไม่สุจริต ไม่ได้ปลดออกเพราะกระทำผิด โจทก์จึงมีสิทธิได้ รับเงินบำเหน็จ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 172/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม เหตุผลลากิจ/ลาป่วย ต้องปรับปรุงแก้ไขก่อน
เหตุเลิกจ้างที่ นายจ้าง อ้างว่าลูกจ้างลากิจ ลาป่วยเป็นจำนวนมากมิใช่เหตุจำเป็นนอกเหนือจากข้อยกเว้น 5 ประการ ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123ลูกจ้างซึ่งเป็นกรรมการสหภาพแรงงานขาดสมรรถภาพในการทำงานเพราะลากิจ ลาป่วยหรือขาดงานบ่อย ๆ นายจ้างจะต้องหาวิธีการปรับปรุงแก้ไขด้วยหลักการบริหารงานบุคคลหรือตักเตือนให้ถูกต้องตามกฎหมายก่อน หาก่อให้เกิดสิทธิแก่นายจ้างที่จะเลิกจ้างลูกจ้างนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518มาตรา 123(1) ถึง (5) ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 681/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการสอบสวนของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ และการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
กรณีที่มีการฝ่าฝืนมาตรา 121 มาตรา 122 หรือมาตรา 123 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 เมื่อผู้เสียหายได้ยื่นคำร้องกล่าวหาผู้ฝ่าฝืนต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ตามมาตรา124 แล้ว การที่จะวินิจฉัยชี้ขาดและออกคำสั่งตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 41(4) และมาตรา 125 คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแรงงานสัมพันธ์เพื่อหาข้อเท็จจริงและเสนอความเห็นในเรื่องที่ได้รับมอบหมายตามมาตรา 42 รวมทั้งมีอำนาจดำเนินการในการสอบสวนหาข้อเท็จจริงตามที่ระบุไว้ในมาตรา 43และมาตรา 44 แต่บทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้บัญญัติว่าต้องส่งสำเนาคำร้องกล่าวหาให้แก่ผู้ฝ่าฝืน และต้องให้สิทธิแก่นายจ้างหรือลูกจ้างที่จะเข้าฟังและซักถามพยานของอีกฝ่ายหนึ่งดังเช่นการพิจารณาคดีของศาล ดังนั้นการสอบสวนหาข้อเท็จจริงก่อนวินิจฉัยชี้ขาดจึงเป็นอำนาจของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์หรือคณะอนุกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่จะใช้ดุลพินิจดำเนินการไปตามที่เห็นสมควรโดยคำนึงถึงความเหมาะสมและความเป็นธรรมแก่คู่กรณี การที่จำเลยที่ 14 ขอเพิ่มเติมข้อกล่าวหาว่า โจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ 14 ในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับ โดยจำเลยที่ 14 เป็นกรรมการสหภาพแรงงานสหโมเสคสระบุรี ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง แล้วคณะอนุกรรมการแรงงานสัมพันธ์ได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมให้โจทก์ทราบโดยไม่ส่งสำเนาให้นั้น เป็นการเหมาะสมแก่พฤติการณ์แล้ว.ส่วนกรณีที่คณะอนุกรรมการแรงงานสัมพันธ์ไม่อนุญาตให้โจทก์เข้าฟังการสอบสวนพยานของจำเลยที่ 14 ก็เป็นการใช้อำนาจโดยชอบของคณะอนุกรรมการแรงงานสัมพันธ์ จะถือว่าคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์หรือคณะอนุกรรมการแรงงานสัมพันธ์ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่
กรณีที่โจทก์ได้ลงโทษภาคทัณฑ์จำเลยที่ 14 มาก่อนแล้ว โจทก์จะนำความผิดที่เคยลงโทษแล้วนั้นมาเป็นเหตุเลิกจ้างจำเลยที่ 14 โดยไม่ได้กระทำความผิดขึ้นใหม่อีกหาได้ไม่ และแม้โจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ 14 โดยไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง ก็ไม่ใช่เหตุที่จะทำให้เป็นการเลิกจ้างที่ชอบด้วยพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3837/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ศาลไม่ผูกพันตามคำพิพากษาคดีอาญา เหตุต่างกรรมต่างวาระ
คดีที่ลูกจ้างฟ้องนายจ้างเรียกค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมเพราะถูกไล่ออกจากงานเนื่องจากนายจ้างกล่าวหาลูกจ้างเป็นคดีอาญาว่า ปลอมและใช้เอกสารปลอม ฉ้อโกงและพยายามฉ้อโกงซึ่งศาลอาญาพิพากษายกฟ้องไปแล้วนั้น ไม่ใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา.
of 48