คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาจำเลยในคดีอาญา: การไต่สวนมูลฟ้องและการยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องกันเอง ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องต่อไปแล้ว มีคำสั่งหรือพิพากษาใหม่นั้น จำเลยยังไม่มีสิทธิฎีกา เพราะเป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 498/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานจากคดีอาญามาใช้ในคดีแพ่ง: ศาลต้องพิจารณาข้อเท็จจริงด้วยตนเอง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ไม่ใช่หนองสาธารณะ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นหนองสาธารณะ คู่ความต่างไม่ติดในสืบพยาน โดยตกลงกันว่าให้ศาลฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่สืบมาแล้วในคดีอาญาคดี
หนึ่ง ซึ่งอัยการเป็นโจทก์ ฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทดังนี้ เมื่อศาลฎีกาพิพากษาคดีอาญาเรื่องนั้นว่า ที่พิพาทจะเป็นหนองสาธารณะหรือไม ไม่วินิจฉัยให้คู่ความชอบที่จะโต้แย้งกันในทางแพ่ง ดังนี้ ข้อที่คู่ความร้องขอให้ฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญา จึงเป็นอันไร้ผล ชอบที่คู่ความจะต้องนำสืบข้อเท็จจริงกันในคดีแพ่งนี้ต่อไป./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 498/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ข้อเท็จจริงจากคดีอาญาในคดีแพ่ง: ศาลต้องพิจารณาข้อเท็จจริงใหม่ในคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ไม่ใช่หนองสาธารณะจำเลยต่อสู้ว่าเป็นหนองสาธารณะคู่ความต่างไม่ติดใจสืบพยานโดยตกลงกันว่าให้ศาลฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่สืบมาแล้วในคดีอาญาคดีหนึ่งซึ่งอัยการเป็นโจทก์ ฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทดังนี้เมื่อศาลฎีกาพิพากษาคดีอาญาเรื่องนั้นว่าที่พิพาทจะเป็นหนองสาธารณะหรือไม่ ไม่วินิจฉัยให้คู่ความชอบที่จะโต้แย้งกันในทางแพ่งดังนี้ ข้อที่คู่ความร้องขอให้ฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญา จึงเป็นอันไร้ผลชอบที่คู่ความจะต้องนำสืบข้อเท็จจริงกันในคดีแพ่งนี้ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีขัดขวางเจ้าพนักงาน: ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ถูกกระทำโดยตรง
ความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 119 นั้นไม่ถือว่าเอกชนเป็นผู้เสียหายโดยตรง เอกชนจึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
ราษฎรพาเจ้าพนักงานที่ดินไปทำแผนที่ในคดีแพ่งเรื่องหนึ่ง จำเลยขัดขวางไม่ยอมให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดจนเจ้าพนักงานที่ดินต้องงดทำแผนที่ไว้ ดังนี้ แม้ราษฎรผู้นั้นจะเสียหาย ก็ไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยตามก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 119./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักกลบลบโทษเพิ่มลดในคดีอาญา แม้โทษประหารชีวิตก็ใช้ได้ตามมาตรา 39
กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 39 ที่ว่า ถ้าโทษที่ควรเพิ่มและที่ควรลดมีกำหนดเสมอกัน ก็ให้หักกลบลบกันไป ไม่ต้องเพิ่มและไม่ต้องลดนั้น แม้ในคดีที่จำเลยต้องโทษประหารชีวิต ก็ย่อมนำมาตรา 39 นี้มาใช้ได้(อ้างฎีกาที่ 752/2483)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอาญาโดยอาศัยพยานหลักฐานที่ไม่มั่นคง และการพิจารณาอุทธรณ์ที่เกินกำหนด
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 และฐานปลอมหนังสือตามมาตรา
230.
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามมาตรา 131 ฐานเดียว แต่ฟังว่าจำเลยยักยอกเงินไม่เต็มตามที่ฟ้องจึงให้คืนเท่าที่จำเลย
ยักยอก.
โจทก์และจำเลยต่างอุทธรณ์คือจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยยักยอกเงินเต็มตามฟ้อง และ
ปลอมหนังสือด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยยักยอกเงินจำนวนมากกว่าที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ จึงพิพากษา
แก้ให้ใช้จำนวนเงินมากขึ้น และแก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา 230 ด้วย ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยศาลอุทธรณ์ไม่รับไว้
พิจารณา เพราะถือว่ายื่นเกินกำหนด ดังนี้เป็นเรื่องที่โจทก์อุทธรณ์ขึ้นมาด้วยและศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษจำเลย
ตามอุทธรณ์ของโจทก์ จำเลยจึงฎีกาขึ้นมาได้ และเมื่อทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจ
ยกฟ้องเสียได้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพในคดีอาญาแล้วมาพิสูจน์สัญชาติใหม่ในคดีแพ่ง ขัดต่อหลักกฎหมาย
จำเลยถูกฟ้องในคดีอาญาว่าเป็นคนต่างด้าว หลบหนี้เข้ามาในประเทศไทย จำเลยรับสารภาพจนศาลพิพากษาไป คดีถึงที่สุดแล้วภายหลังจำเลยจะมาฟ้องเป็นคดีต่อศาลพิศูจน์ว่าจำเลยเป็นคนไทยนั้น เป็นการขัดต่อ ป.ม.วิ.อาญามาตรา 46 ศาลย่อมไม่ยอมให้จำเลยสืบตามข้ออ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดกันระหว่างคำพิพากษาในคดีอาญาและคดีแพ่งเรื่องสัญชาติ การรับสารภาพมีผลผูกพัน
จำเลยถูกฟ้องในคดีอาญาว่าเป็นคนต่างด้าว หลบหนีเข้ามาในประเทศไทย จำเลยรับสารภาพจนศาลพิพากษาไป คดีถึงที่สุดแล้วภายหลังจำเลยจะมาฟ้องเป็นคดีต่อศาลขอพิสูจน์ว่าจำเลยเป็นคนไทยนั้น เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ศาลย่อมไม่ยอมให้จำเลยสืบตามข้ออ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุผู้กระทำผิดกับการพิจารณาคดีในศาลเด็กและเยาวชน หากอายุ 18 ปีขึ้นขณะคดีมาสู่ศาล ต้องขึ้นศาลธรรมดา
ในกรณีที่เด็กกระทำผิดนั้น แม้ขณะกระทำผิดอายุจะยังไม่ถึง 18 ปี ถ้าขณะที่คดีมาสู่ศาลนั้นจำเลยมีอายุ 18 ปี หรือกว่านั้นขึ้นไป จำเลยก็ไม่เป็น "เยาวชน " ตามความหมายของ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน ฯลฯ มาตรา 4 จึงต้องขึ้นศาลธรรมดา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุจำเลยขณะคดีถึงศาลเป็นสำคัญในการพิจารณาอำนาจศาลคดีเด็ก
ในกรณีที่เด็กกระทำผิดนั้น แม้ขณะกระทำผิดอายุจะยังไม่ถึง 18 ปี ถ้าขณะที่คดีมาสู่ศาลนั้นจำเลยมีอายุ 18 ปีหรือกว่านั้นขึ้นไป จำเลยก็ไม่เป็น"เยาวชน"ตามความหมายของ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนฯลฯมาตรา 4 จึงต้องขึ้นศาลธรรมดา
of 312