พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1143/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดทุนทรัพย์ในคดีซื้อขายฝากและการมีสิทธิฎีกาเมื่อมีการตีราคาที่ดินใหม่
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยไถ่ถอนการขายฝากที่ดินซึ่งโจทก์ขายฝากไว้กับจำเลยเป็นเงิน 5,000 บาท และเสียค่าขึ้นศาลโดยคำนวณจากราคาขายฝากนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ก็เสียค่าขึ้นศาลมาเท่าเดิมอีก ครั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาและยื่นคำร้องขอเสียค่าธรรมเนียมในอัตราทุนทรัพย์ 5,300 บาท ตามที่จำเลยให้การว่ารับซื้อฝากไว้ในราคานี้ ศาลชั้นต้นสั่งให้ตีราคาที่ดินแล้วให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาล โดยคำนวณจากราคาที่ดิน 21,105 บาท ที่คู่ความตีราคาได้ และเมื่อโจทก์เสียค่าขึ้นศาลตามคำสั่งศาลแล้ว โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1098/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ส่งสำเนาฎีกาและการทิ้งฟ้อง: ศาลสั่งซ้ำความในกฎหมายไม่ได้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง
ตามปกติในคดีแพ่ง เมื่อศาลสั่งรับอุทธรณ์หรือฎีกาแล้ว ก็สั่งไว้ด้วยว่าให้คู่ความที่ยื่นอุทธรณ์หรือฎีกานั้นนำส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งแก้ภายในกี่วันก็ตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนด หมายความว่า คู่ความฝ่ายนั้นจะต้องมานำส่งสำเนาภายในกำหนดเวลานั้นนับแต่วันทราบคำสั่งศาล ถ้าไม่ปฏิบัติตามและไม่สามารถชี้แจงเหตุขัดข้อง ศาลก็อาจวินิจฉัยสั่งว่าเป็นการทิ้งฟ้องได้
เมื่อศาลสั่งว่า "ให้รับฎีกาและนำส่งสำเนาให้จำเลยแก้ภายใน 15 วันนับแต่วันรับสำเนาฎีกา" เป็นการสั่งซ้ำความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 237, 247 และมิได้สั่งกำหนดวันให้โจทก์นำส่งสำเนาฎีกา ครบกำหนด 15 วันแล้ว โจทก์ยังไม่ติดต่อนำส่งสำเนาฎีกา ศาลก็จะสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกาไม่ได้
เมื่อศาลสั่งว่า "ให้รับฎีกาและนำส่งสำเนาให้จำเลยแก้ภายใน 15 วันนับแต่วันรับสำเนาฎีกา" เป็นการสั่งซ้ำความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 237, 247 และมิได้สั่งกำหนดวันให้โจทก์นำส่งสำเนาฎีกา ครบกำหนด 15 วันแล้ว โจทก์ยังไม่ติดต่อนำส่งสำเนาฎีกา ศาลก็จะสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การที่จำเลยปฏิเสธความเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองไม้แปรรูป ทำให้จำเลยไม่มีสิทธิอ้างฎีกาขอคืนของกลาง
จำเลยให้การต่อสู้ว่า ไม้แปรรูปของกลางไม่ใช่ของจำเลยและจำเลยไม่ใช่ผู้ครอบครอง เมื่อศาลฟังดังนั้นและพิพากษาให้ริบไม้ของกลาง จำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับของกลางที่จะยกขึ้นอ้างเป็นข้อฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คดีว่าไม่ใช่เจ้าของ/ผู้ครอบครอง ทำให้จำเลยไม่มีสิทธิอ้างฎีกาเกี่ยวกับของกลาง
จำเลยให้การต่อสู้ว่า ไม้แปรรูปของกลางไม่ใช่ของจำเลยและจำเลยไม่ใช่ผู้ครอบครอง เมื่อศาลฟังดังนั้นและพิพากษาให้ริบไม้ของกลาง จำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับของกลางที่จะยกขึ้นอ้างเป็นข้อฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 276/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลาฎีกา: การอ่านคำพิพากษาต่อหน้า/หลังจำเลย และผลต่ออายุความฎีกา
ออกหมายจับจำเลยเพื่อให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เกินเดือนแล้ว ไม่ได้ตัวจำเลยมา ศาลจึงอ่านคำพิพากษานั้นให้โจทก์ฟังถือว่าได้อ่านคำพิพากษาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วจำเลยยื่นฎีกาเกินหนึ่งเดือนนับแต่วันศาลอ่านดังกล่าวฎีกาของจำเลยย่อมขาดอายุฎีกา แม้ว่าศาลจะได้อ่านคำพิพากษานั้นให้จำเลยฟังอีก เมื่อได้ตัวจำเลยมาแล้วหลังจากวันอ่านดังกล่าวข้างต้น 5 เดือนเศษ ก็เป็นแต่เพียงให้จำเลยได้ทราบคำพิพากษาตามที่จำเลยต้องการเท่านั้นหามีผลทำให้ยืดอายุฎีกาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งฟ้องเคลือบคลุมและการอุทธรณ์ฎีกาในระหว่างพิจารณา
จำเลยขอให้ศาลชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นว่า ฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ ถ้าศาลชั้นต้นสั่งว่า ฟ้องไม่เคลือบคลุม คำสั่งเช่นนี้ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาในระหว่างพิจารณาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณา: การไม่อนุญาตสืบพยานเพิ่มเติมและข้อจำกัดในการอุทธรณ์ฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ในคดีที่ผู้ร้องขอสืบพยานต่อไป โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์สั่งว่าผู้ร้องอุทธรณ์ไม่ได้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์เช่นว่านี้เป็นที่สุด ผู้ร้องจะฎีกาอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1159-1160/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตฎีกาในคดีอาญา: ศาลฎีกาพิจารณาจากเหตุผลที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นปัญหาสำคัญ
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งพิจารณาคดีได้อนุญาตให้จำเลยฎีกาในคดีอาญาโดยใช้คำว่า เป็นคดีมีพฤติการณืซับซ้อนหลายประการอันเป็นปัญหาสำคัญควรขึ้นไปสู่ศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดอีกชั้นหนึ่ง จึงอนุญาตให้ฎีกาดังนี้ แม้จะไม่ได้ใช้ถ้อยคำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 แต่ก็เข้าใจได้ว่าผู้อนุญาตให้ฎีกาเห็นว่า ข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกาวินิจฉัย จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 แล้ว
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 30/2504
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 30/2504
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจกรรมการหลังเลิกบริษัท: กรรมการไม่มีอำนาจฟ้องฎีกาแทนบริษัทหลังแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี
เมื่อบริษัทได้จดทะเบียนเลิกบริษัท และตั้งผู้อื่นเป็นผู้ชำระบัญชีแล้ว อำนาจของกรรมการบริษัทย่อมหมดไป กรรมการของบริษัท 2 นาย ซึ่งมิใช่ผู้ชำระบัญชีจึงไม่มีอำนาจลงชื่อในฟ้องฎีกาแทนบริษัทที่ได้เลิกไปก่อนวันยื่นฎีกานั้นได้ และผู้ชำระบัญชีจะให้สัตยาบันแก่ฎีกานั้นภายหลังที่พ้นกำหนดระยะเวลาฎีกาแล้วไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาในคดีอาญา: การฎีกาข้อเท็จจริงเมื่อศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ยังไม่ยกฟ้อง และขอบเขตการฎีกาในความผิดที่เกี่ยวข้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามฐานฆ่าคนและพยายามฆ่าคนโดยทำร้ายผู้เสียหาย 3 คน ในคดีเดียวกัน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษายกฟ้อง คงลงโทษจำเลยที่ 1-2 ฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย 2 คนถึงสาหัส มีกำหนดโทษจำคุก 7 ปี คู่ความย่อมฎีกาข้อเท็จจริงในความผิดฐานฆ่าคนได้ เมื่อฎีกาข้อเท็จจริงได้แล้ว ข้อหาว่าจำเลยพยายามฆ่านายแต้ม ซึ่งเป็นผู้เสียหายคนหนึ่งในคดี โจทก์ย่อมฎีกาได้ด้วย แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยมิได้ใช้ปื่นยิงอันเป็นการพยายามฆ่านายแต้มก็ดีแต่ศาลหาได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ไม่ จึงไม่ต้องห้ามฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัส จำคุก 7 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ จำคุก 2 ปี เป็นการแก้ไขมาก เพราะแก้โทษและแก้บท โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงสำหรับจำเลยนี้ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัส จำคุก 7 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ จำคุก 2 ปี เป็นการแก้ไขมาก เพราะแก้โทษและแก้บท โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงสำหรับจำเลยนี้ได้