คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อเท็จจริง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,082 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีแพ่งต้องพิจารณาประเด็นข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้ตัดสินในคดีอาญา
ในคดีอาญาศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานบุกรุกโดยจำเลยขึงลวดหนามรุกล้ำเข้าไปในบริเวณที่ดินบางส่วนของโจทก์ ต่อมาโจทก์มาฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่จำเลยบุกรุกและให้ออกจากที่ดินส่วนเลยขึ้นไปทางด้านเหนืออีก ซึ่งในคดีอาญาเดิมนั้นศาลฎีกายังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เลยขึ้นไปทางด้านเหนือ เช่นนี้ ศาลจะงดสืบพยานทั้งสองฝ่าย โดยถือเอาข้อเท็จจริงในสำนวนคดีอาญาและเอกสารที่คู่ความส่งอ้างในคดีแพ่งเท่านั้นมาเป็นข้อเท็จจริงในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งหาเพียงพอไม่ เพราะในคดีอาญาศาลยังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินพิพาทส่วนที่เลยขึ้นไปทางด้านเหนือนั้นเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 909/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจำคุกโดยศาลอุทธรณ์: ข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริง
คดีที่ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายบทเดียวกัน เป็นแต่ใช้ดุลพินิจในการลงโทษหนักขึ้นและลดโทษฐานปราณีน้อยลง แต่ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 909/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษที่หนักขึ้นโดยศาลอุทธรณ์ถือเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ไม่อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
คดีที่ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายบทเดียวกันเป็นแต่ใช้ดุลพินิจในการลงโทษหนักขึ้นและลดโทษฐานปราณีน้อยลงแต่ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปีดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความคลาดเคลื่อนของสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง ไม่ถือเป็นข้อเท็จจริงต่างกัน หากยังอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
โจทก์ระบุตำบลเกิดเหตุในฟ้องว่าเกิดที่ตำบลท่ายาง แต่ปรากฎเหตุเกิดอีกตำบลหนึ่ง ซึ่งอยู่อีกฝั่งของคลอง ซึ่งมีฝั่งอีกฝั่งอยู่ในตำบลท่ายาง เพราะความสำคัญผิดหรือพลั้งเผลอ เพียงเท่านี้จะให้ถือฟ้องยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความแตกต่างของสถานที่เกิดเหตุในฟ้องคดีอาญา: ความเข้าใจผิดหรือพลั้งเผลอไม่ถือว่าเป็นข้อเท็จจริงต่างกัน
โจทก์ระบุตำบลเกิดเหตุในฟ้องว่าเกิดที่ตำบลท่ายางแต่ปรากฏเหตุเกิดอีกตำบลหนึ่ง ซึ่งอยู่อีกฝั่งของคลองซึ่งมีฝั่งอีกฝั่งอยู่ในตำบลท่ายางเพราะความสำคัญผิดหรือพลั้งเผลอเพียงเท่านี้จะให้ถือว่าแตกต่างกับฟ้องยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีทุนทรัพย์น้อยกว่า 5,000 บาท และการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลอุทธรณ์
โจทก์ตั้งทุนทรัพย์ ไว้ในฟ้อง 2,500 บาท มาในชั้นฎีกามี ป.วิ.แพ่ง แก้ไขใหม่ว่าทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ ดั่งนี้ กฎหมายที่แก้ใหม่เป็นวิธีสบัญญัติ ใช้บังคับได้ทันที โจทก์จึงฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
ศาลอุทธรณ์ไม่จำต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาเสมอไป หากพยานหลักฐานมีอย่างไรในสำนวน ศาลอุทธรณ์ก็วินิจฉัยตามนั้นได้เมื่อมีประเด็น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากทุนทรัพย์ไม่เกินเกณฑ์ และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงตามสำนวนได้
โจทก์ตั้งทุนทรัพย์ ไว้ในฟ้อง 2,500 บาทมาในชั้นฎีกามีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แก้ไขใหม่ว่าทุนทรัพย์ไม่เกิน5,000 บาท ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ดั่งนี้ กฎหมายที่แก้ใหม่เป็นวิธีสบัญญัติ ใช้บังคับได้ทันที โจทก์จึงฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
ศาลอุทธรณ์ไม่จำต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาเสมอไป หากพยานหลักฐานมีอย่างไรในสำนวนศาลอุทธรณ์ก็วินิจฉัยตามนั้นได้เมื่อมีประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยคดี: ศาลมิได้จำกัดการพิพากษาเฉพาะประเด็นที่คู่ความจำกัดขอบเขตไว้ แต่ต้องวินิจฉัยตามบทกฎหมายและข้อเท็จจริง
โจทก์จำเลยเป็นพี่น้องร่วมบิดาแต่ต่างมารดากันโจทก์ฟ้องขอแบ่งส่วนมรดกของบิดาครึ่งหนึ่ง จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์มีส่วนไม่ถึงครึ่ง เพราะควรตกเป็นของมารดาจำเลย 2 ใน 3 ที่เหลืออีก 1 ใน 3 จึงเป็นของโจทก์เพียง 1 ใน 3
ในวันชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาเรื่องฟ้องและคำให้การโดยย่อ ข้อที่คู่ความรับกัน และต่างไม่ติดใจสืบพยาน แล้วศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาต่อไปว่า 'ประเด็นมีเฉพาะข้อที่ว่าโจทก์ควรได้ส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งตามฟ้องหรือควรได้ส่วนแต่เท่าที่จำเลยต่อสู้'
ดังนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ไม่ใช่เรื่องที่คู่ความท้ากันโดยจำกัดให้ศาลชี้ขาดเพียง 2 ทางว่าส่วนแบ่งนั้นถ้าโจทก์ไม่ได้ครึ่งหนึ่งตามฟ้องแล้ว จักต้องเป็นไปดังจำเลยให้การต่อสู้หากแต่เป็นเรื่องที่คู่ความขอให้ศาลวินิจฉัยไปตามประเด็นที่ฟ้องและต่อสู้ซึ่งศาลจะต้องพิพากษาไปตามบทกฎหมายและรูปคดี ฉะนั้นศาลมีอำนาจพิพากษาแบ่งส่วนเป็นอย่างอื่นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสินบนเจ้าพนักงาน: การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากเดิมเล็กน้อยและการพิจารณาความแตกต่างของข้อเท็จจริงในฟ้อง
เพียงแต่พยานโจทก์ผู้เสียเงินให้จำเลยประมาณวันเวลาที่จำเลยไปตรวจที่จับจองและเรียกร้องเอาเงิน และจำเลยก็ รับว่าได้ไปตรวจที่ดินจริง ทั้งมีสมุดลงเวลาทำงานเป็นหลักฐานต้องตามวันที่โจทก์ฟ้อง ดังนี้ยังฟังไม่ได้ว่าข้อเท็จจริง เกี่ยวกับวันเวลาตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 136 ลงโทษจำคุก 2 ปี ลดตามมาตรา 59 ให้ 1 ใน 3 คงจำไว้ 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะบทเป็นว่าจำเลยผิดตามมาตรา 138 นอกนั้นยืน ดังนี้ เป็นการแก้น้อย จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในข้อเท็จจริงและการป้องกันทรัพย์สิน: เหตุยกฟ้องจำเลย
จำเลยเป็นลูกเลี้ยงผู้ตายอยู่เรือนเดียวกับผู้ตายคืนเกิดเหตุจำเลยนอนเฝ้าเรือนอยู่คนเดียวที่ระเบียงส่วนผู้ตายไปเที่ยวสัก 4 น.มีคนจะขึ้นมาบนเรือนจำเลยได้ร้องถามไปคนนั้นก็ไม่ตอบจำเลยสำคัญว่าเป็นคนร้ายจะขึ้นมาลักทรัพย์บนเรือนจึงตีไป 2-3 ทีคนนั้นตกบันไดไป เอาตะเกียงมาส่องดูจึงรู้ว่าเป็นนายทองบิดาเลี้ยงซึ่งเป็นที่รักของจำเลย จำเลยว่าถ้ารู้ว่าเป็นนายทองก็จะไม่ตีดั่งนี้เป็นการสำคัญผิดในข้อเท็จจริงและเป็นการป้องกันตัวและทรัพย์สมควรแก่เหตุ ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องไม่ลงโทษจำเลย
of 309