พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,432 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องร้องซ้ำเรื่องเครื่องหมายการค้าเดิมที่ยังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ถือเป็นการฟ้องซ้ำที่ต้องห้ามตามกฎหมาย
คดีเรื่องก่อน โดยเฉพาะคดีแดงที่ 4475/2506 เป็นเรื่องที่โจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า HIPEX สำหรับใช้สินค้าจำพวก 8 คือ เครื่องรับวิทยุ ฯลฯ. และได้ฟ้องจำเลยขอให้แสดงว่าโจทก์มีสิทธิจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวนี้. เพราะจำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าHYPEX สำหรับใช้กับสินค้าจำพวก 8 คือ เครื่องรับวิทยุฯลฯ. ศาลพิพากษายกฟ้อง. โจทก์กลับยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า HIPEX สำหรับใช้กับสินค้าจำพวก 8 ซ้ำอีก. ครั้นนายทะเบียนไม่รับจด. โจทก์ก็มาฟ้องจำเลยเป็นคดีขึ้นอีก. เห็นว่าคดีหลังนี้กับคดีแดงที่4475/2506 เป็นเรื่องเดียวกันโดยมีประเด็นข้อพิพาทเป็นอย่างเดียวกันว่า โจทก์มีสิทธิจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าHIPEX สำหรับใช้กับสินค้าจำพวก 8 หรือไม่. ในเมื่อจำเลยได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า HYPEX สำหรับใช้กับสินค้าจำพวกเดียวกันไว้แล้ว. ซึ่งต้องพิจารณาเรื่องที่กระทำ ไม่ใช่ครั้งของการกระทำ. แม้โจทก์จะประดิษฐ์รูปลักษณะของตัวอักษรให้ผิดเพี้ยนไปบ้าง. แต่ตัวอักษรก็ยังเป็นอย่างเดิม และเรียกขานเหมือนเดิม คือ HIPEX. ส่วนลวดลายส่วนประกอบโดยรอบตัวอักษร แม้จะมีเพิ่มขึ้นก็ไม่ใช่ส่วนสำคัญเพราะเป็นเพียงส่วนประกอบของลักษณะบ่งเฉพาะแห่งเครื่องหมายเท่านั้น. ไม่ทำให้เครื่องหมาย HIPEX ที่โจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนครั้งหลังอันเป็นมูลฟ้องคดีนี้กลายเป็นคนละเครื่องหมายคนละเรื่องกับเรื่องก่อนไปได้. เมื่อคดีหลังกับคดีก่อนคือคดีแดงที่ 4475/2506 ของศาลชั้นต้นเป็นเรื่องเดียวกัน และขณะโจทก์ฟ้องคดีหลังนี้ คดีแดงที่ 4475/2506 ยังอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา. โจทก์จึงฟ้องคดีหลังนี้ไม่ได้. ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการรับจำนองและการสืบพยานแก้ข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยประเด็นที่ไม่ได้ยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์
ที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกเป็นประเด็นเบื้องต้นขึ้นวินิจฉัยว่าเมื่อเอกสารที่โจทก์นำมาแสดงปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับจำนอง โจทก์จึงต้องห้ามมิให้นำพยานบุคคลมาสืบแก้ไขเอกสารว่าจำเลยที่ 1 คือผู้รับจำนอง ส่วนจำเลยที่2 เป็นแต่เพียงตัวแทนนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นข้อกฎหมายนี้ จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้และมิได้ยกขึ้นอ้างอิงในฟ้องอุทธรณ์ และมิใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองที่ดินเพื่อค้ำประกันค่าซื้อเรือน: ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยประเด็นที่ไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้
ที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกเป็นประเด็นเบื้องต้นขึ้นวินิจฉัยว่าเมื่อเอกสารที่โจทก์นำมาแสดงปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับจำนอง. โจทก์จึงต้องห้ามมิให้นำพยานบุคคลมาสืบแก้ไขเอกสารว่าจำเลยที่ 1 คือผู้รับจำนอง ส่วนจำเลยที่2 เป็นแต่เพียงตัวแทนนั้น. ศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นข้อกฎหมายนี้. จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้และมิได้ยกขึ้นอ้างอิงในฟ้องอุทธรณ์ และมิใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำคู่ความไม่ถูกต้อง ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้แก้ไขก่อนรับฟ้อง
เอกสารที่โจทก์ยื่นต่อศาล โจทก์ได้ใช้แบบพิมพ์ (31) อุทธรณ์ (32) ท้ายอุทธรณ์แล้วมาแก้เป็นฎีกา ในเนื้อหาได้บรรยายเป็นรูปอุทธรณ์คำสั่ง แล้วลงท้ายกลายเป็นขอให้ศาลฎีกาพิพากษา ซึ่งเป็นเรื่องเปะปะปนกันยุ่งไปหมด โดยไม่ทราบแน่ว่าโจทก์ประสงค์จะยื่นเป็นฎีกาเป็นอุทธรณ์หรือเป็นคำร้อง จะว่าเป็นฎีกา แต่แล้วศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งรับหรือไม่รับฎีกา เพียงแต่สั่งรวมสำนวนส่งศาลฎีกาเท่านั้น ดังนี้ อาศัยความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งให้คืนคำคู่ความของโจทก์ไปจัดทำเสียใหม่ให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำคู่ความไม่ถูกต้อง ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้แก้ไขก่อนรับฟ้อง
เอกสารที่โจทก์ยื่นต่อศาล โจทก์ได้ใช้แบบพิมพ์ (31)อุทธรณ์(32) ท้ายอุทธรณ์แล้วมาแก้เป็นฎีกา ในเนื้อหาได้บรรยายเป็นรูปอุทธรณ์คำสั่งแล้วลงท้ายกลายเป็นขอให้ศาลฎีกาพิพากษาซึ่งเป็นเรื่องเปะปะปนกันยุ่งไปหมดโดยไม่ทราบแน่ว่าโจทก์ประสงค์จะยื่นเป็นฎีกาเป็นอุทธรณ์หรือเป็นคำร้องจะว่าเป็นฎีกา แต่แล้วศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งรับหรือไม่รับฎีกาเพียงแต่สั่งรวมสำนวนส่งศาลฎีกาเท่านั้นดังนี้อาศัยความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งให้คืนคำคู่ความของโจทก์ไปจัดทำเสียใหม่ให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำคู่ความไม่ถูกต้อง ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้แก้ไขก่อนรับพิจารณา
เอกสารที่โจทก์ยื่นต่อศาล โจทก์ได้ใช้แบบพิมพ์ (31)อุทธรณ์(32) ท้ายอุทธรณ์แล้วมาแก้เป็นฎีกา. ในเนื้อหาได้บรรยายเป็นรูปอุทธรณ์คำสั่ง. แล้วลงท้ายกลายเป็นขอให้ศาลฎีกาพิพากษา. ซึ่งเป็นเรื่องเปะปะปนกันยุ่งไปหมด. โดยไม่ทราบแน่ว่าโจทก์ประสงค์จะยื่นเป็นฎีกาเป็นอุทธรณ์หรือเป็นคำร้อง. จะว่าเป็นฎีกา แต่แล้วศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งรับหรือไม่รับฎีกา. เพียงแต่สั่งรวมสำนวนส่งศาลฎีกาเท่านั้น. ดังนี้อาศัยความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15. ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งให้คืนคำคู่ความของโจทก์ไปจัดทำเสียใหม่ให้ถูกต้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องคดีอาญาไม่ถูกต้องตามรูปแบบ ฟ้องไม่ลงชื่อโจทก์ ศาลฎีกายกฟ้อง
ฟ้องโจทก์ที่มิได้ลงชื่อ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (7) เป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้อง เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่ถูกต้องตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7) ศาลฎีกายกฟ้อง
ฟ้องโจทก์ที่มิได้ลงชื่อ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(7) เป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้อง เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่ถูกต้องตามรูปแบบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ศาลฎีกายกฟ้อง
ฟ้องโจทก์ที่มิได้ลงชื่อ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7) เป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้อง. เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2102/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากวิ่งราวทรัพย์เป็นลักทรัพย์ โดยศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายได้เอง
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ ทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ศาลลงโทษฐานลักทรัพย์ได้
ปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
ปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลยกขึ้นวินิจฉัยเองได้