พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: คดีอาญาที่เกินอำนาจศาลแขวงแต่โจทก์ไม่โต้แย้ง จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์และฎีกา
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 223,304 นั้นอยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม แม้หนังสือที่ปลอมจะเป็นหนังสือสำคัญอันจะเป็นความผิดตามมาตรา 224,225 ซึ่งมีอัตราโทษเกินอำนาจศาลแขวงก็ดีก็เป็นเรื่องนอกฟ้องนอกความประสงค์ของโจทก์จึงเป็นคดีที่ศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้อยู่นั่นเอง
ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า คดีเกินอำนาจศาลแขวงโจทก์พอใจมิได้อุทธรณ์ แต่จำเลยกลับอุทธรณ์ว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวงขอให้ศาลแขวงพิจารณาต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวงจึงให้ศาลแขวงพิจารณาพิพากษาต่อไป ดังนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิฎีกาขอให้ยกฟ้องตามคำวินิจฉัยของศาลแขวงได้
ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า คดีเกินอำนาจศาลแขวงโจทก์พอใจมิได้อุทธรณ์ แต่จำเลยกลับอุทธรณ์ว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวงขอให้ศาลแขวงพิจารณาต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวงจึงให้ศาลแขวงพิจารณาพิพากษาต่อไป ดังนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิฎีกาขอให้ยกฟ้องตามคำวินิจฉัยของศาลแขวงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องดำเนินคดีฐานเบิกความเท็จ แม้คดีอาญาที่เกี่ยวข้องยกฟ้องแล้ว โจทก์ก็ยังเป็นผู้เสียหายและมีสิทธิฟ้องได้
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยเอาความรู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จมาเบิกความเป็นพยานในข้อสำคัญในคดีอาญาที่โจทก์ถูกฟ้องว่ากระทำความผิด แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องในคดีนั้นจนถึงที่สุดไปแล้ว ก็ย่อมเห็นได้ชัดว่า โจทก์เป็นผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยเบิกความเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยเบิกความเป็นพยานเท็จนั้นเพราะโจทก์อาจถูกศาลพิพากษาลงโทษได้ ถ้าหากศาลเชื่อคำเบิกความเท็จของจำเลย โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 28
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเบิกความเท็จแม้คดีอาญาจบแล้ว ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องได้
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยเอาความที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จมาเบิกความเป็นพยานในข้อสำคัญในคดีอาญาที่โจทก์ถูกฟ้องว่ากระทำความผิด แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องในคดีนั้นจนถึงที่สุดไปแล้ว ก็ย่อมเห็นได้ชัดว่า โจทก์เป็นผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยเบิกความเป็นพยานเท็จนั้นเพราะโจทก์อาจถูกศาลพิพากษาลงโทษได้ถ้าหากศาลเชื่อคำเบิกความเท็จของจำเลย โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 28
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอแก้ฟ้องคดีอาญาต้องมีเหตุอันควร ศาลไม่อนุญาตแก้ฟ้องหากไม่มีเหตุผลรองรับ
เดิมโจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยลักทรัพย์ จำเลยให้การรับแต่เพียงรับของโจร โจทก์จึงมายื่นคำร้องขอแก้ฟ้องเป็นว่า จำเลยรับของโจรโดยมิได้แสดงว่า "มีเหตุอันสมควร" ที่โจทก์จะขอแก้ฟ้องแต่ประการใดเลย ดังนี้ เป็นการไม่ชอบด้วย ป.ม.วิ.อาญามาตรา 163 จึงไม่มีทางที่ศาลจะพิจารณาอนุญาตได้ จึงต้อถือว่าคดีเป็นอันไม่มีข้อหาว่าจำเลยรับของโจรจะพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานรับของโจรไม่ได้ และข้อหาฐานลักทรัพย์ตามคำฟ้องเดิมโจทก์ก็สละเสียแล้ว ไม่มีทางจะลงโทษจำเลยได้เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ฟ้องคดีอาญาต้องมีเหตุสมควร ศาลไม่อนุญาตแก้ฟ้องหากไม่มีเหตุผลเพียงพอ ทำให้คดีไม่มีข้อหา
เดิมโจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยลักทรัพย์ จำเลยให้การรับแต่เพียงรับของโจร โจทก์จึงมายื่นคำร้องขอแก้ฟ้องเป็นว่า จำเลยรับของโจรโดยมิได้แสดงว่า 'มีเหตุอันสมควร'ที่โจทก์จะขอแก้ฟ้องแต่ประการใดเลยดังนี้ เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163จึงไม่มีทางที่ศาลจะพิจารณาอนุญาตได้ จึงต้องถือว่าคดีเป็นอันไม่มีข้อหาว่าจำเลยรับของโจรจะพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานรับของโจรไม่ได้ และข้อหาฐานลักทรัพย์ตามคำฟ้องเดิมโจทก์ก็สละเสียแล้วไม่มีทางจะลงโทษจำเลยได้เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีอาญา: สิทธิระงับการฟ้องเกิดขึ้นเมื่อยอมความถูกต้องตามกฎหมาย ไม่รอผลสัญญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2) บัญญัติให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปเมื่อได้ยอมความกัน โดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว มิใช่ให้ระงับไปต่อเมื่อได้ผลตามสัญญายอมความแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1788/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งคืนของกลางในคดีอาญาที่ไม่มีคดีแพ่งพ่วง: ศาลไม่รับฎีกาเฉพาะเรื่องของกลาง
อัยการโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทางอาญา คือฐานลักทรัพย์ ไม่มีคำขอทางแพ่ง ปนมาด้วย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องแต่ให้คืนของกลางแก่ผู้เสียหายโดยอาศัยอำนาจตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 49 แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเรื่องของกลาง จำเลยยังเถียงกรรมสิทธิอยู่ ควรให้ไปว่ากล่าวกันในทางแพ่ง ส่วนในข้อหาฐานลักทรัพย์คงยกฟ้อง ดังนี้คดีอาญาที่ได้ฟ้อง ได้ถึงที่สุดแล้วโจทก์จำเลยจะฎีกาเฉพาะให้สั่งในเรื่องของกลาง ไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1788/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการสั่งคืนของกลางหลังยกฟ้องคดีอาญา และการระงับข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิในทางแพ่ง
อัยการโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทางอาญา คือฐานลักทรัพย์ไม่มีคำขอทางแพ่ง ปนมาด้วย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องแต่ให้คืนของกลางแก่ผู้เสียหายโดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 49 แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเรื่องของกลาง จำเลยยังเถียงกรรมสิทธิอยู่ ควรให้ไปว่ากล่าวกันในทางแพ่ง ส่วนในข้อหาฐานลักทรัพย์คงยกฟ้อง ดังนี้คดีอาญาที่ได้ฟ้อง ได้ถึงที่สุดแล้วโจทก์จำเลยจะฎีกาเฉพาะให้สั่งในเรื่องของกลาง ไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีอาญา: สิทธิระงับคดีเมื่อยอมความถูกต้องตามกฎหมาย ไม่รอผลสัญญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) บัญญัติให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปเมื่อได้ยอมความกัน โดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว มิใช่ให้ระงับไปต่อเมื่อได้ผลตามสัญญายอมความแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1742/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดียังคงอยู่แม้คดีอาญาเดียวกันยกฟ้อง
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ ฟ้องหาว่าจำเลยบุกรุกและทำร้ายร่างกายโจทก์ ต่อมาอัยการฟ้องโจทก์กับจำเลยหาว่าวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันในที่สาธารณสถาน เนื่องจากกรณีเดียวกันนี้โจทก์จึงร้องขอต่อศาลให้งดการพิจารณาคดีของโจทก์ไว้รอผลคดีที่อัยการเป็นโจทก์ จนศาลพิพากษายกฟ้องคดีที่อัยการเป็นโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์จึงขอให้ศาลดำเนินคดีของโจทก์ที่รอไว้ต่อไป ดังนี้คดีไม่ต้องด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) สิทธิฟ้องร้องของโจทก์ที่ฟ้องไว้แล้ว ยังคงมีอยู่ หาได้หมดไปไม่ (อ้างฎีกาที่ 149/2483)