คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ละเมิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,780 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1794-1795/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความละเมิด: เริ่มนับเมื่อรู้ผู้รับผิด และการยกประเด็นใหม่ในชั้นฎีกา
การนับอายุความ 1 ปี เรื่องละเมิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 ต้องเริ่มนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ว่าใครควรรับผิดอย่างใด เมื่อมาฟ้องคดีเกินกว่าหนึ่งปี นับแต่ได้ทราบเรื่อง ก็ขาดอายุความ (ฎีกา 243/2497)
เมื่อโจทก์จำเลยกะประเด็นกันมาแต่ศาลชั้นต้นว่ามีประเด็นข้อสืบเป็นเรื่องละเมิดแล้ว ในชั้นฎีกาจะโต้เถียงว่าควรปรับอายุความเข้าตามบทมาตรา 164,165 ย่อมเป็นการแปรเรื่องเป็นอื่นซึ่งไม่ตรงกับคดี และจะโต้เถียงว่า หากจะมิใช่เป็นความผิดเรื่องละเมิดก็ต้องรับผิดในฐานเป็นตัวแทนผู้เสียหายด้วย ดังนี้เป็นเรื่องยกประเด็นขึ้นมาใหม่ มิใช่ข้อที่ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในเครื่องหมายการค้า: การสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศที่มีเครื่องหมายคล้ายกัน ไม่ถือเป็นการละเมิด หากไม่ใช่เจ้าของเครื่องหมาย
โจทก์จำเลยสั่งสินค้าชนิดเดียวกันจากบริษัทในต่างประเทศแห่งเดียวกันและบริษัทติดเครื่องหมาย "ฮิท" (Hit) ในสินค้านั้นมา แต่เครื่องหมายไม่เหมือนกับที่จำเลยจดทะเบียนไว้ในประเทศไทยและสินค้าที่จำเลยสั่งมา จำเลยให้บริษัททำเครื่องหมายแตกต่างจากเดิมเล็กน้อย ดังนี้ การที่โจทก์สั่งสินค้าเครื่องหมาย "ฮิท" (Hit) ตามธรรมดา (ซึ่งไม่เหมือนกับที่จำเลยสั่ง) เข้ามาจำหน่ายไม่เป็นการละเมิดต่อกิจการจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดเครื่องหมายการค้า: ผู้สั่งซื้อสินค้าติดเครื่องหมายการค้าไม่ใช่เจ้าของสิทธิ ไม่ถือว่าละเมิด
โจทก์จำเลยสั่งสินค้าชนิดเดียวกันจากบริษัทในต่างประเทศแห่งเดียวกันและบริษัทติดเครื่องหมาย "ฮิท"(HIT) ในสินค้านั้นมา แต่เครื่องหมายไม่เหมือนกับที่จำเลยจดทะเบียนไว้ในประเทศไทยและสินค้าที่จำเลยสั่งมา จำเลยให้บริษัททำเครื่องหมายแตกต่างจากเดิมเล็กน้อย ดังนี้การที่โจทก์สั่งสินค้าเครื่องหมาย "ฮิท"(HIT) ตามธรรมดา (ซึ่งไม่เหมือนกับที่จำเลยสั่ง) เข้ามาจำหน่ายไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617-1618/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนทรัพย์สินในที่เช่าเพื่อขุดคลอง แม้มิมีเจตนาทำลายทรัพย์สิน แต่ยังต้องรับผิดในละเมิด
จำเลยเป็นเวยยยาวัจจกรของวัด ได้บอกกล่าวให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งต้นไม้ที่ปลูกล้ำที่เข่าวัดออกมา เพื่อทางวัดจะได้ขุดคูไปให้ทะลุคลอง ตามที่ได้ตกลงจ้างเขาไว้ โจทก์รับทราบและว่าจะจัดการ แล้วต่อมาไม่จัดการ ประวิงเวลาไว้จนสัญญาที่ทางวัดจ้างผู้ขุดจะหมด จำเลยจึงได้เข้าจัดการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและตัดต้นไม้ที่ล้ำนอกเขตเช่า โดยระมัดระวังพยายามให้เกิดการเสียหายน้อยที่สุด เพื่อขุดคลองแล้วนำไปกองไว้ให้โจทก์ เช่นนี้จำเลยยังไม่มีผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เพราะมิได้มีเจตนาทำให้เสียทรัพย์ แต่จำเลยต้องรับผิดในการละเมิดที่ทำแก่ทรัพย์ของโจทก์ ไม่ได้รับการยกเว้นตามประมวลแพ่ง มาตรา 451 นอกจากค่าเสียหายธรรมดาแล้วศาลยังคิดค่าเสียหายให้ตามประมวลแพ่งฯ มาตรา 446 อีกโสดหนึ่งด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617-1618/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนทรัพย์สินในที่เช่า: เจตนาทำให้เสียทรัพย์ vs. ละเมิดและการชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยเป็นไวยาวัจกรของวัด ได้บอกกล่าวให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งต้นไม้ที่ปลูกล้ำที่เช่าวัดออกมา เพื่อทางวัดจะได้ขุดคูไปให้ทะลุคลอง ตามที่ได้ตกลงจ้างเขาไว้ โจทก์รับทราบและว่าจะจัดการแล้วต่อมาไม่จัดการ ประวิงเวลาไว้จนสัญญาที่ทางวัดจ้างผู้ขุดจะหมดจำเลยจึงได้เข้าจัดการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและตัดต้นไม้ที่ล้ำนอกเขตเช่า โดยระมัดระวังพยายามให้เกิดการเสียหายน้อยที่สุด เพื่อขุดคลองแล้วนำไปกองไว้ให้โจทก์เช่นนี้ จำเลยยังไม่มีผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เพราะมิได้มีเจตนาทำให้เสียทรัพย์แต่จำเลยต้องรับผิดในการละเมิดที่ทำแก่ทรัพย์ของโจทก์ ไม่ได้รับการยกเว้นตามประมวลแพ่งมาตรา 451 นอกจากค่าเสียหายธรรมดาแล้วศาลยังคิดค่าเสียหายให้ตามประมวลแพ่งฯ มาตรา 446 อีกโสดหนึ่งด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1568/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิด: การโต้แย้งอายุความของจำเลยตัดสิทธิการอ้างเหตุเพิ่งรู้เรื่องละเมิดของโจทก์
ในฟ้องโจทก์บรรยายว่าโจทก์เพิ่งทราบเหตุละเมิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2498 คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความในคำให้การจำเลยตัดฟ้องว่าโจทก์ทราบเหตุเรื่องนี้แล้วไม่ฟ้องเกิน 1 ปีแล้วคดีขาดอายุความ ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้โต้แย้งไว้แล้ว จะถือว่ารับตามฟ้องโจทก์ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1568/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิด: จำเลยโต้แย้งการฟ้องเกินกำหนดอายุความได้ แม้โจทก์บรรยายวันที่ทราบเหตุ
ในฟ้องโจทก์บรรยายว่าโจทก์เพิ่งทราบเหตุละเมิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2498 คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ ในคำให้การจำเลยตัดฟ้องว่าโจทก์ทราบเหตุเรื่องนี้แล้วไม่ฟ้องเกิน 1 ปีแล้วคดีขาดอายุความ ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้โต้แย้งไว้แล้ว จะถือว่ารับตามฟ้องโจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าอาวาสฟ้องคดี, การกำหนดค่าเสียหายจากการละเมิด, และการแก้ไขคำพิพากษา
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและให้รื้อถอนบ้านเรือนออกไปจากที่พิพาทและไม่บังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามที่โจทก์ขอ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 100 บาทและเดือนต่อ ๆ ไปอีกเดือนละ 2 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนเรือนออกไปจากที่พิพาท ดังนี้เป็นแก้น้อยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
ตาม พ.ร.บ. ปกครองคณะสงฆ์ ม. 43 เจ้าอาวาสมีหน้าที่บำรุงรักษาจัดการวัดและสมบัติของวัด จึงมีอำนาจฟ้องคดีได้เอง หรือจะมอบอำนาจให้ผู้ใดฟ้องความแทนก็ได้
ใบมอบอำนาจท้ายฟ้องถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง การวินิจฉัยเกี่ยวกับใบมอบอำนาจจึงไม่เป็นการวินิจฉัยคลาดเคลื่อนไปจากฟ้อง (นอกฟ้อง)
เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิด แม้โจทก์จะนำสืบความเสียหายไม่ได้ว่ามีจำนวนแค่ใดแน่นอน ศาลก็มีอำนาจกำหนดค่าเสียหายให้ได้ตามที่เห็นสมควรตาม ป.พ.พ. ม. 438.
(ฎีกาที่ 1499/2498 และ 1494/2498)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินบริคณห์ โมฆียะ การครอบครองทำประโยชน์ และความรับผิดทางละเมิด
ภริยาโจทก์นำที่พิพาทซึ่งเป็นสินบริคณห์ระหว่างโจทก์กับภริยาไปแลกเปลี่ยนกับที่นาของจำเลย นิติกรรมแลกเปลี่ยนนี้เป็นแต่เพียงโมฆียะ ซึ่งถ้าโจทก์ผู้เป็นสามีไม่บอกล้าง นิติกรรมนี้ย่อมสมบูรณ์ตามกฏหมาย การที่จำเลยเข้าครอบครองทำนาพิพาทย่อมไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือภริยาโจทก์แต่ประการใด จนกว่าโจทก์จะบอกล้างนิติกรรมดังกล่าวและศาลชี้ขาดว่านิติกรรมนั้นเป็นโมฆะ ให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมแล้ว
ม. 420 บัญญัติถึงว่า ผู้ละเมิดต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นแต่เมื่อฟังว่าจำเลยมิได้ละเมิดต่อโจทก์ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษา: ความเข้าใจโดยวิญญูชน, เจ้าของที่แท้จริง, ความรับผิดทางละเมิด
ถ้าตามพฤติการณ์ที่ปรากฎทำให้วิญญูชนธรรมดาเข้าใจว่าทรัพย์ที่จะนำยึดเป็นของลูกหนี้ แม้เป็นการยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษา หากความปรากฏภายหลังว่าแท้ที่จริงนั้นทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นของบุคคลอื่น เมื่อศาลสั่งปล่อยทรัพย์นั้นให้พ้นจากการยึดแล้ว เจ้าของทรัพย์อันแท้จริงจะมาฟ้องผู้นำยึดว่าละเมิดไม่ได้ เพราะฟังไม่ได้ว่าผู้นำยึดกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออันจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น.
of 278