พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานของจำเลยและการพิจารณาคดีอาญา ศาลต้องรับฟังพยานจำเลยเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่ามีเหตุลงโทษ
จำเลยในคดีอาญาได้ระบุอ้างพยานไว้แล้ว แต่ศาลสั่งงดสืบพยานของจำเลยเสียแล้ว พิพากษายกฟ้องโดยไม่เชื่อพยานโจทก์ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีฝ่ายโจทก์มั่นคงจะลงโทษจำเลยก็จำจะต้องฟังคำพยานฝ่ายจำเลยให้สิ้นกระแสร์ความก่อน ถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยไปทีเดียวโดยไม่ได้ฟังคำพยานจำเลยแล้วศาลฎีกาย่อมพิพากษา ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยให้สิ้นกระแสร์ความแล้วส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญา: ต้องมีคำสั่งศาลอนุญาตก่อน จึงมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา
การฟ้องคดีอาญานั้น ตามกฎหมายให้อำนาจผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการได้ แต่ศาลต้องมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอของผู้ร้องที่ร้องเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมเสียก่อน จึงจะถือได้ว่าผู้เสียหายเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโจทก์ ฉะนั้นเพียงแต่ผู้เสียหายร้องขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมศาลสั่งเพียงว่า"สำเนาให้ทุกฝ่าย ไว้พูดกันวันนัด" พอถึงวันนัด จำเลยรับสารภาพ ศาลก็ตัดสินคดีไปทีเดียว ถือว่าผู้เสียหายยังมิได้เข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ผู้เสียหายจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในคดีนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการสอบสวนคดีอาญาของทหาร และการแจ้งข้อหา
ประมวลกฎหมายอาญาทหาร มาตรา 430ถึง 33 แสดงให้เห็นว่า"ผู้ซึ่งบังคับบัญชาทหาร" ย่อมออกคำสั่งหรือข้อบังคับให้ใช้บังคับทหาร เช่นกฎหมายของเขาเหล่านั้นได้ ปัญหาเรื่องอำนาจหน้าที่และวิธีการสอบสวนคดีอาญาของฝ่ายทหารศาลต้องพิจารณาแปลความหมายในบรรดาคำสั่งหรือข้อบังคับของฝ่ายทหารประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ข้อบังคับทหารที่ 9/10909/2477 ว่าด้วยระเบียบจัดการทางคดีไม่มีข้อความใดที่บังคับว่าการไต่สวนคดีที่เกิดนอกกรุงเทพที่จะให้ศาลทหารพิจารณานั้น บุคคลอื่นนอกจากอัยการจะกระทำไม่ได้ คำว่า "ไต่สวน" ในข้อบังคับนั้นมุ่งหมายเพียงแต่ว่าจะให้ใครไต่สวนได้ เพราะการฟ้องร้องในสมัยก่อนใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่จำต้องมีการไต่สวนมาก่อน การดำเนินคดีในกรณีที่ทหารเป็นผู้ต้องหาเป็นเรื่องกึ่งวินัยกึ่งอาญาแผ่นดิน การสอบสวนที่ผู้บังคับการมณฑลทหารบกที่ 2 สั่งตั้งกรรมการสอบสวนโดยมิได้สั่งให้อัยการในหน่วยทหารนอกกรุงเทพเป็นผู้สอบสวนตามข้อบังคับนั้น จึงชอบด้วยกฎหมายเพื่อฟ้องคดีต่อศาลทหารแล้ว
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 หมายความเพียงว่ากฎหมายต้องการให้ผู้ต้องหารู้ตัวก่อนว่าตนต้องถูกสอบสวนในคดีอาญาเรื่องใดอันเป็นประธาน มิได้หมายความว่าต้องแจ้งกะทงความผิดทุกกระทง เช่นแจ้งข้อหาฐานลักทรัพย์ ปรากฏว่าผู้ต้องหาทำลายตราและไม่ทำตามข้อบังคับด้วยในการลักทรัพย์นั้น โจทก์ย่อมฟ้องฐานรวมไปได้ทุกฐาน ฎีกา 99/81 เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องฐานอื่นเพิ่มเติมโดยปรากฏขึ้นในการพิจารณาของศาลหาได้อาศัยจากการสอบสวนไม่ จึงฟ้องไม่ได้เพราะไม่มีการสอบสวน
ข้อบังคับทหารที่ 9/10909/2477 ว่าด้วยระเบียบจัดการทางคดีไม่มีข้อความใดที่บังคับว่าการไต่สวนคดีที่เกิดนอกกรุงเทพที่จะให้ศาลทหารพิจารณานั้น บุคคลอื่นนอกจากอัยการจะกระทำไม่ได้ คำว่า "ไต่สวน" ในข้อบังคับนั้นมุ่งหมายเพียงแต่ว่าจะให้ใครไต่สวนได้ เพราะการฟ้องร้องในสมัยก่อนใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่จำต้องมีการไต่สวนมาก่อน การดำเนินคดีในกรณีที่ทหารเป็นผู้ต้องหาเป็นเรื่องกึ่งวินัยกึ่งอาญาแผ่นดิน การสอบสวนที่ผู้บังคับการมณฑลทหารบกที่ 2 สั่งตั้งกรรมการสอบสวนโดยมิได้สั่งให้อัยการในหน่วยทหารนอกกรุงเทพเป็นผู้สอบสวนตามข้อบังคับนั้น จึงชอบด้วยกฎหมายเพื่อฟ้องคดีต่อศาลทหารแล้ว
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 หมายความเพียงว่ากฎหมายต้องการให้ผู้ต้องหารู้ตัวก่อนว่าตนต้องถูกสอบสวนในคดีอาญาเรื่องใดอันเป็นประธาน มิได้หมายความว่าต้องแจ้งกะทงความผิดทุกกระทง เช่นแจ้งข้อหาฐานลักทรัพย์ ปรากฏว่าผู้ต้องหาทำลายตราและไม่ทำตามข้อบังคับด้วยในการลักทรัพย์นั้น โจทก์ย่อมฟ้องฐานรวมไปได้ทุกฐาน ฎีกา 99/81 เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องฐานอื่นเพิ่มเติมโดยปรากฏขึ้นในการพิจารณาของศาลหาได้อาศัยจากการสอบสวนไม่ จึงฟ้องไม่ได้เพราะไม่มีการสอบสวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญา: การเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเกี่ยวกับความผิดฐานฆ่าคนตายและชิงทรัพย์
โจทย์ฟ้องหาว่าจำเลยชิงทรัพย์และฆ่าคนตาย โดยเจตนา ขอให้ลงโทษ ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยเฉพาะฐานชิงทรัพย์ ส่วนฐานฆ่าคนตายเห็นว่าจำเลยไม่เจตนาฆ่า จึงไม่ลงโทษจำเลยในฐานนี้ โจทก์อุทธรณ์ขอให้ปล่อย แต่ศาลอุทธรณ์กลับเชื่อพยานฐานที่ของจำเลย จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งหมดดังนี้ โจทก์จะฎีกาขอให้ศาลฎีกาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาอีกไม่ได้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเท็จตามมาตรา 158 ต้องเป็นการฟ้องในคดีอาญาเท่านั้น การฟ้องแพ่งไม่ถือว่าเป็นการฟ้องเท็จ
การฟ้องเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 158 นั้น เป็นเรื่องแกล้งเอาความที่รู้อยู่ว่าเป็นความเท็จไปร้องเรียน หรือฟ้องกล่าวโทษผู้อื่นการร้องเรียนหรือฟ้องกล่าวโทษนี้มุ่งหมายถึงการร้องเรียนหรือฟ้องกล่าวโทษในทางอาญา(อ้างฎีกาที่ 434-435/2472 และ38/2491) ถ้าเป็นฟ้องเท็จในทางแพ่ง ยังไม่เป็นผิดตามมาตรานี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 83/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อในคดีอาญา: ความล่าช้าในการขอ และหลักการไม่เปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์
จำเลยถูกฟ้องหลายสำนวน โจทก์เพิ่งจะมาขอให้นับโทษสำนวนแรกต่อกับโทษจำเลยในสำนวนที่ 5 ในชั้นอุทธรณ์ และขอให้เรียกตัวจำเลยมาสอบถามในชั้นศาลฎีกา ดังนี้แม้จำเลยจะเป็นคนเดียวกันจริง ศาลฎีกาก็ไม่นับโทษต่อให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 83/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อในคดีอาญา: ความล่าช้าในการขอ และเจตนาโจทก์มีผลต่อการพิจารณา
จำเลยถูกฟ้องหลายสำนวน โจทก์เพิ่งจะมาขอให้นับโทษสำนวนแรกต่อกับโทษจำเลยในสำนวนที่ 5 ในชั้นอุทธรณ์ และขอให้เรียกตัวจำเลยมาสอบถามในชั้นศาลฎีกาดังนี้ แม้จำเลยจะเป็นคนเดียวกันจริงศาลฎีกาก็ไม่นับโทษต่อให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเท็จต้องเป็นการฟ้องอาญา ไม่ใช่คดีแพ่ง
การฟ้องเท็จตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 158 นั้น ต้องเป็นการฟ้องในคดีอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยืดเวลาอุทธรณ์ในคดีอาญา และสิทธิในการฎีกา แม้ไม่ปฏิบัติตามรูปแบบ
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตจำเลยแล้ว แม้การที่ศาลชั้นต้นยืดเวลาอายุอุทธรณ์ให้จำเลยนั้น จะยึดได้หรือไม่ก็แล้วแต่ อย่างน้อยก็ฟังคำอุทธรณ์เป็นคำแถลงการณ์ของจำเลยในชั้นอุทธรณ์ได้ และไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะฎีกาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องคดีอาญาในประเด็นสถานที่เกิดเหตุ ศาลอนุญาตได้หากไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
โจทก์ของแก้ฟ้องชื่อตำบลที่เกิเหตุ ซึ่งข้อเท็จจริงในทางพิจารณามิได้โต้เถียงกัน ถึงเรื่องสถานที่เกิดเหตุแล้ว แม้โจทก์จะขอแก้เมื่อสืบพยานเสร็จแล้ว ศาลก็อนุญาตให้แก้ได้ โดยเห็นว่าจำเลยไม่หลงหรือเสียเปรียบ