คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จำเลย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,884 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 840/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการใช้เรือนในที่ดินของผู้อื่นตามสัญญาซื้อขาย: สิทธิของจำเลยในการให้เช่า
โจทก์ขายเรือนซึ่งอยู่ในที่ของโจทก์ให้จำเลย โดยมีข้อสัญญากันว่า โจทก์ผู้ขายยอมให้จำเลยผู้ซื้ออยู่ในที่ดินมีกำหนด 3 ปี โดยไม่คิดค่าเช่า นับแต่วันทำสัญญา ดังนี้ ในระยะ 3 ปีนี้จำเลยย่อมเอาเรือนหลังนี้ไปให้คนอื่นเช่าอยู่ได้ เพราะเรือนเป็นของจำเลยผู้ซื้อ จำเลยจะอยู่เองหรือจะให้ใครอยู่ ก็ย่อมมีสิทธิทำได้ เพราะเป็นการใช้สิทธิตามสัญญาซื้อขาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 840/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการใช้เรือนบนที่ดินของผู้อื่นตามสัญญาซื้อขาย: สิทธิในการให้เช่าเป็นสิทธิที่จำเลยมีตามสัญญา
โจทก์ขายเรือนซึ่งอยู่ในที่ของโจทก์ให้จำเลย โดยมีข้อสัญญากันว่าโจทก์ผู้ขายยอมให้จำเลยผู้ซื้ออยู่ในที่ดินมีกำหนด 3 ปี โดยไม่คิดค่าเช่า นับแต่วันทำสัญญาดังนี้ ในระยะ 3 ปีนี้จำเลยย่อมเอาเรือนหลังนี้ไปให้คนอื่นเช่าอยู่ได้ เพราะเรือนเป็นของจำเลยผู้ซื้อ จำเลยจะอยู่เองหรือจะให้ใครอยู่ ก็ย่อมมีสิทธิทำได้ เพราะเป็นการใช้สิทธิตามสัญญาซื้อขาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นฎีกาก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์: ถือว่ายื่นฎีกาแล้วเมื่ออ่านให้จำเลยฟัง
การที่โจทก์ยื่นฎีกาไว้ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ดังนี้ เมื่อใด ได้อ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ให้จำเลยฟังแล้ว เป็นอันถือได้ว่าได้ยื่นฎีกาแล้วตามกฎหมาย
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/92

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 76/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิประทานบัตรเป็นสิทธิเฉพาะตัว การรวมสิทธิมรดกไม่ผูกพันจำเลยในการฟ้องร้องใหม่
สิทธิที่จะยื่นคำขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ ย่อมเป็นสิทธิฉะเพาะตัว
สามีโจทก์ได้ฟ้องจำเลยหาว่าขัดขวางคัดค้านในการที่สามีโจทก์ขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ ในเขตต์ที่สามีโจทก์ได้ขออาชญาบัตรผูกขาดตรวจแร่ไว้แล้ว ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาว่า เป็นที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน จำเลยไม่มีสิทธิจะถืออำนาจเป็นเจ้าของได้ ห้ามไม่ให้จำเลย เข้าไปเกี่ยวข้องขัดขวางในการที่สามีโจทก์ดำเนินการขอประทานบัตร จำเลยฎีกา ในระหว่างฎีกาสามีโจทก์ตาย ศาลฎีกาเห็นว่า สิทธิจะยื่นคำขอในการทำเหมืองเป็นสิทธิฉะเพาะตัวบุคคล คดีย่อมระงับไปด้วยความมรณะของสามีโจทก์ จึงให้จำหน่ายคดี คดีนั้นย่อมถึงที่สุดเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ศาลฎีกาสั่งจำหน่ายตามมาตรา 147 วรรค 2 ป.ม.วิ.แพ่ง ผลแห่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ย่อมผูกพันแก่คู่ความในคดีนั้นเท่านั้นตามมาตรา 145
โจทก์มาฟ้องคดีนี้ โดยอ้างว่าได้รับอนุมัติ การขอรับประทานบัตรทำเหมืองแร่รายเดียวกันนี้แล้วจำเลยมาขัดขวางสิทธิของโจทก์สิทธิโดยฉะเพาะตัวของโจทก์อีกต่างหาก เป็นคดีคนละเรื่องกับคดีที่นายซิ่มจั่นสามีโจทก์ฟ้องร้อง ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดไว้ในคดีก่อน จึงไม่ปิดปากจำเลยในคดีเรื่องนี้
โดยที่สิทธิขอประทานบัตรทำเหมืองแร่เป็นสิทธิฉะเพาะตัว แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฎว่าคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้โจทก์เข้าสรวมสิทธิยื่นขอประทานบัตร แทนนายซิ่มจั่นผู้สามีได้เป็นกรณีย์พิเศษ แม้จะทำได้ก็ต้องหมายความได้แต่เพียงว่าให้ถือว่าโจทก์ตั้งต้นสิทธิของโจทก์ในการขอประทานบัตรได้ตั้งแต่วันที่นายซิ่มจั่นได้ลงมือกระทำการในเรื่องนี้มาเท่านั้น จะหมายความถึงกับว่าเป็นคำสั่งให้โจทก์รับมฤดกสิทธิของนายซิ่มจั่นหาได้ไม่.
คดีฎีกาคำสั่งตามมาตรา 228 ป.ม.วิ.แพ่ง เสียค่าขึ้นศาล 20 บาทเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความถูกต้องของสำเนาฟ้อง: ศาลอ่านฟ้องให้จำเลยฟังแล้ว ถือเป็นหลักสำคัญ มิใช่สำเนาฟ้อง
สำเนาฟ้องของโจทก์มีข้อความผิดพลาดไม่ตรงกับข้อความในฟ้องฉะบับที่ยื่นต่อศาล แต่ศาลได้อ่านฟ้องให้จำเลยฟัง และศาลยังบอกให้จำเลยเข้าใจว่า ให้ถือเอาข้อความตามฟ้องที่ศาลอ่าน จำเลยทราบดีว่าตามฟ้องโจทก์กล่าวหามีข้อความเป็นอย่างไร และสำเนาฟ้องที่โจทก์นำส่งให้จำเลยมีข้อความผิดพลาด ไม่ตรงกับฟ้องอย่างไรบ้าง ดังนี้ ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้และไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 626/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจศาลในการลดโทษจำเลยที่ไม่ได้อุทธรณ์ในคดีกระทำผิดร่วมกัน
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันขนย้ายข้าวโดยมิได้รับอนุญาตรายเดียวกัน และเป็นการกระทำผิดร่วมกันในกรณีอันหนึ่งอันเดียวกัน มิใช่เป็นเหตุส่วนตัวของแต่ละคน ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาลดโทษปรับตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้อุทธรณ์ด้วย เพราะเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีตามความหมายใน ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 213.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 626/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลลดโทษจำเลยที่ไม่ได้อุทธรณ์ในคดีร่วมกันกระทำผิด
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันขนย้ายข้าวโดยมิได้รับอนุญาตรายเดียวกัน และเป็นการกระทำผิดร่วมกันในกรณีอันหนึ่งอันเดียวกัน มิใช่เป็นเหตุส่วนตัวของแต่ละคน ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาลดโทษปรับตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้อุทธรณ์ด้วย เพราะเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีตามความหมายใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นลดหย่อนผ่อนโทษ แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในชั้นต้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 249,335(13) กฎหมายลักษณะอาญา จำเลยให้การต่อสู้ว่าทำโดยป้องกันตัวศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 251 จำเลยอุทธรณ์ว่าทำโดยป้องกันไม่เกินสมควรแก่เหตุ ดังนี้ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาชี้ขาดว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันตัวตามกฎหมาย แต่จำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะให้ลงโทษจำเลยเพียงกึ่งหนึ่งตามมาตรา 55 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์กระบือ: ขาดหลักฐานเชื่อมโยงจำเลยกับความผิด
ไม่ปรากฏว่ากระบือของเจ้าทรัพย์หายไปแต่เวลาใด แต่ไปพบจำเลยอยู่กับกระบือเป็นเวลากลางคืนแล้ว ถ้ากระบือหายไปในตอนเช้า ก็เป็นระยะเวลาห่างจากที่พบจำเลยกับกระบือมาก ทั้งระยะทางจากที่กระบือหาย จนถึงที่พบจำเลยกับกระบือห่างกันถึง 150 เส้น จึงยังสันนิษฐานไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ลักกระบือไปจากทำเลเลี้ยง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาจำกัดเฉพาะจำเลยที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดแล้ว และโจทก์ต้องยื่นฎีกาหลังจำเลยฟังคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ไม่อุทธรณ์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้องได้
จำเลยที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาปล่อย แต่ยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โจทก์ไม่มีสิทธิฎีกาสำหรับจำเลยคนนั้น
โจทก์ยื่นฎีกาก่อนวันจำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โจทก์ไม่มีสิทธิฎีกา
of 289