คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กรรมเดียว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 846 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9165/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เมทแอมเฟตามีนครอบครอง-ขายกรรมเดียว: ศาลฎีกายกวินิจฉัยประเด็นความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฎีกา
หลังจากสายลับได้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจำนวน 8 เม็ด จากจำเลยแล้ว เจ้าพนักงานตำรวจได้เข้าไปตรวจค้นบ้านจำเลยพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 3 เม็ด ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่ต่อเนื่องกันมาโดยตลอด ทั้งเมทแอมเฟตามีนจำนวน 8 เม็ด และ 3 เม็ด ไม่ปรากฏว่าต่างชนิดกัน และมีน้ำหนักใกล้เคียงกันจึงฟังได้ว่า เมทแอมเฟตามีนทั้ง 11 เม็ดเป็นจำนวนเดียวกัน การที่จำเลยมีเมทแอม-เฟตามีนจำนวน 3 เม็ด ในวันเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกับที่จำเลยขายเมทแอม-เฟตามีนจำนวน 8 เม็ดไปนั้น ตามพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน3 เม็ดไว้ในครอบครองเพื่อขายนั่นเอง ซึ่งการขายหรือมีไว้เพื่อขายเป็นความผิดอย่างเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวคือการขาย ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9165/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายและครอบครองยาเสพติดเป็นกรรมเดียว ศาลฎีกายกประเด็นกฎหมายเพื่อวินิจฉัยเอง
หลังจากสายลับได้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจำนวน8เม็ดจากจำเลยแล้วเจ้าพนักงานตำรวจได้เข้าไปตรวจค้นบ้านจำเลยพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน3เม็ดซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่ต่อเนื่องกันมาโดยตลอดทั้งเมทแอมเฟตามีนจำนวน8เม็ดและ3เม็ดไม่ปรากฏว่าต่างชนิดกันและมีน้ำหนักใกล้เคียงกันจึงฟังได้ว่าเมทแอมเฟตามีนทั้ง11เม็ดเป็นจำนวนเดียวกันการที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน3เม็ดในวันเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกับที่จำเลยขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน8เม็ดไปนั้นตามพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน3เม็ดไว้ในครอบครองเพื่อขายนั่นเองซึ่งการขายหรือมีไว้เพื่อขายเป็นความผิดอย่างเดียวกันการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวคือการขายปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาศาลฎีกามีอำนาจเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195วรรคสองประกอบด้วยมาตรา225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9029/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท-การนับโทษ-ความผิดฐานมีและเสพยาเสพติด
จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ความผิดของจำเลยฐานมีเฮโรอีนและฐานเสพเฮโรอีนเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทและศาลชั้นต้นนับโทษจำเลยไม่ถูกต้องนั้น แม้ฎีกาข้อนี้จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่เป็นข้อที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างได้ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
ฟ้องโจทก์ได้บรรยายไว้ชัดเจนว่าจำเลยได้เสพกัญชาผสมเฮโรอีน และจำเลยได้ร่วมกันมีเฮโรอีนซึ่งเหลือจากการเสพจำนวน 1 หลอดน้ำหนัก 0.03 กรัม ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต จำเลยให้การรับสารภาพย่อมเป็นการยอมรับข้อกล่าวหาของโจทก์ว่า จำเลยเสพเฮโรอีนและมีเฮโรอีนที่เหลือจากการเสพไว้ในครอบครองจริง ความผิดดังกล่าวเป็นความผิดที่แยกกันได้เป็น 2 กระทง เพราะข้อหาฐานมีเฮโรอีนนั้นโจทก์มุ่งถึงเฮโรอีนซึ่งจำเลยมีเหลืออยู่หลังจากได้เสพไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดเดียว: การขายและมีไว้เพื่อขายยาเสพติด เมทแอมเฟตามีน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายและฐานขายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ในประเภท 2ซึ่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 13 ทวิบัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดผลิต ขาย นำเข้า หรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 89 กับมาตรา 62 วรรคหนึ่ง บัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ใด ๆ ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภท และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 106 ทวิ และมาตรา 4 ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า"ขาย" ว่า หมายความรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบหรือมีไว้เพื่อขาย ฉะนั้นการขายหรือมีไว้เพื่อขายจึงเป็นความผิดอย่างเดียวกัน
การที่จำเลยขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับจำนวน 4 เม็ดต่อมาในเวลาใกล้เคียงกันค้นพบได้ในตัวจำเลยจำนวน 60 เม็ด และค้นได้ในห้องพักของจำเลยอีกจำนวน 1,100 เม็ด เมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งสามจำนวนจึงเป็นจำนวนเดียวกับที่จำเลยขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายในเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นความผิดกรรมเดียว คือการขายนั่นเอง จำเลยหาได้มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1,160 เม็ดไว้ในครอบครองเพื่อขายอีกกรรมหนึ่งแต่อย่างใดไม่ แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้องว่าขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายเมทแอมเฟตามีนเป็น 2 กรรม ก็ตามแต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225 ประกอบมาตรา 195วรรคสอง ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยเป็นอีกกรรมหนึ่งจึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
การที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อขายจำนวน 1,160 เม็ด นั้น ก็คือการฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในฐานขายเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวให้หนักขึ้นนั่นเอง เมื่อความผิดฐานขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 4 เม็ด ให้แก่สายลับกับความผิดฐานเพื่อขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1,160 เม็ด ที่ยึดได้ในภายหลัง เป็นความผิดกรรมเดียวกัน ศาลฎีกากำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยใหม่เพื่อให้เหมาะสมแก่รูปคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7968-7969/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์และการปลอมเอกสารสิทธิที่เกี่ยวเนื่องกัน ศาลพิจารณาเป็นกรรมเดียว
จำเลยมีหน้าที่จัดเก็บค่าบำรุงสมาชิกและค่าตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำพร้อมทั้งนำเงินดังกล่าวมาฝากธนาคารเข้าบัญชีโจทก์ร่วมในแต่ละวันดังนั้นในแต่ละวันแม้จำเลยจะออกใบเสร็จรับเงินให้แก่สมาชิกไม่ตรงกับจำนวนเงินที่รับจากสมาชิกกี่ฉบับก็ตามแต่การจะตรวจสอบรู้ว่าจำเลยยักยอกเงินไปจำนวนเท่าใดก็ต้องดูจากยอดเงินที่จำเลยนำฝากธนาคารในแต่ละวันว่าขาดหายไปเท่าใดดังนั้นจึงฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานยักยอกในแต่ละวันเพียงกรรมเดียวเท่านั้นเมื่อจำเลยกระทำผิดฐานยักยอก68วันจำเลยจึงมีความผิดฐานยักยอก68กรรมหรือกระทง การปลอมเอกสารสิทธิจำเลยกระทำไปเพื่อปกปิดการกระทำผิดของจำเลยที่ได้ยักยอกเงินของโจทก์ร่วมไปเป็นการกระทำที่เกี่ยวกับการที่จำเลยยักยอกเงินดังกล่าวโดยมีเจตนาจะใช้เอกสารสิทธิปลอมที่ทำขึ้นเป็นหลักฐานเพื่อยักยอกเงินของโจทก์ร่วมนั่นเองความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิกับความผิดฐานยักยอกจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานขายและมีเมทแอมเฟตามีนครอบครองเพื่อขายเป็นกรรมเดียว ศาลฎีกายกเหตุผลที่ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์วินิจฉัยผิด
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายและฐานขาย เมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ในประเภท2ซึ่ง พระราชบัญญัติ วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518มาตรา13ทวิบัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดผลิตขายนำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา89กับมาตรา62วรรคหนึ่งบัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ใดๆซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภทและมีบทกำหนดโทษตามมาตรา106ทวิและมาตรา4ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า"ขาย"ว่าหมายความรวมถึงจำหน่ายจ่ายแจกแลกเปลี่ยนส่งมอบหรือมีไว้เพื่อขายฉะนั้นการขายหรือมีไว้เพื่อขายจึงเป็นความผิดอย่างเดียวกัน การที่จำเลยขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ สายลับจำนวน4เม็ดต่อมาในเวลาใกล้เคียงกันค้นพบได้ในตัวจำเลยจำนวน60เม็ดและค้นได้ในห้องพักของจำเลยอีกจำนวน1,100เม็ดเมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งสามจำนวนจึงเป็นจำนวนเดียวกับที่จำเลยขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายในเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกันการกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นความผิด กรรมเดียว คือการขายนั่นเองจำเลยหาได้มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน1,160เม็ดไว้ในครอบครองเพื่อขายอีกกรรมหนึ่งแต่อย่างใดไม่แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้องว่าขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายเมทแอมเฟตามีนเป็น2กรรมก็ตามแต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา225ประกอบมาตรา195วรรคสองที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยเป็นอีกกรรมหนึ่งจึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา การที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อขายจำนวน1,160เม็ดนั้นก็คือการฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในฐานขายเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวให้หนักขึ้นนั่นเองเมื่อความผิดฐานขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน4เม็ดให้แก่สายลับกับความผิดฐานเพื่อขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน1,160เม็ดที่ยึดได้ในภายหลังเป็นความผิดกรรมเดียวกันศาลฎีกากำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยใหม่เพื่อให้เหมาะสมแก่รูปคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7704/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานครอบครองและจำหน่ายยาเสพติด (เฮโรอีน) เป็นกรรมเดียว ศาลพิพากษาลงโทษฐานจำหน่าย
จำเลยนำเฮโรอีนของกลางทั้งหมดไปจำหน่ายให้แก่สายลับใน คราวเดียวกัน ไม่มีเฮโรอีนจำนวนอื่นเหลืออยู่ที่จำเลยอีก การกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนอันเป็นกรรมเดียวเป็น ความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐาน จำหน่ายเฮโรอีน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6668/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดฐานใช้เอกสารปลอม-รับของโจร ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษให้เบาลง
จำเลยทั้งสามได้นำรถยนต์ของกลางออกใช้ขับไปในที่ต่าง ๆโดยมีแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมและแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอมติดอยู่ที่รถยนต์คันเดียวกัน โดยมีเจตนาแสดงเอกสารดังกล่าวต่อผู้อื่นหรือเจ้าพนักงานตำรวจในเวลาเดียวกัน จนกระทั่งถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับ พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามดังกล่าวย่อมเห็นได้ว่าจำเลยทั้งสามมีเจตนาอย่างเดียวคือเพื่อให้ผู้อื่นหรือเจ้าพนักงานตำรวจเห็นว่า รถยนต์คันที่จำเลยทั้งสามใช้ขับเป็นรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงมีความผิดกรรมเดียว
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามในความผิดฐานรับของโจร จำคุกคนละ 4 ปี และลงโทษจำเลยทั้งสามในข้อหาใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมกับใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอม โดยจำคุกกระทงละคนละ 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะในความผิดฐานใช้เอกสารปลอมที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าเป็นความผิดสองกรรมว่าเป็นความผิดกรรมเดียวโดยพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามในข้อหานี้ จำคุกคนละ 3 ปี โดยมิได้เปลี่ยนบทและโทษที่ได้รับก็ต่ำกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนด ซึ่งเป็นผลดีแก่จำเลยทั้งสาม ถือได้ว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำเลยทั้งสามในแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6668/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานใช้เอกสารปลอมและการรับของโจร ศาลพิจารณาเป็นกรรมเดียวและจำกัดโทษตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสามได้นำรถยนต์ของกลางออกใช้ขับไปในที่ต่าง ๆโดยมีแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมและแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอมติดอยู่ที่รถยนต์คันเดียวกัน โดยมีเจตนาแสดงเอกสารดังกล่าวต่อผู้อื่นหรือเจ้าพนักงานตำรวจในเวลาเดียวกันจนกระทั้งถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับ พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามดังกล่าวย่อมเห็นได้ว่าจำเลยทั้งสามมีเจตนาอย่างเดียวคือเพื่อให้ผู้อื่นหรือเจ้าพนักงานตำรวจเห็นว่า รถยนต์คันที่จำเลยทั้งสามใช้ขับเป็นรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้นการกระทำของจำเลยทั้งสามจึงมีความผิดกรรมเดียว ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามในความผิดฐานรับของโจรจำคุกคนละ 4 ปี และลงโทษจำเลยทั้งสามในข้อหาใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมกับใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอม โดยจำคุกกระทงละคนละ 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะในความผิดฐานใช้เอกสารปลอมที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าเป็นความผิดสองกรรมว่าเป็นความผิดกรรมเดียวโดยพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามในข้อหานี้ จำคุกคนละ 3 ปี โดยมิได้เปลี่ยนบทและโทษที่ได้รับก็ต่ำกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนด ซึ่งเป็นผลดีแก่จำเลยทั้งสาม ถือได้ว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำเลยทั้งสามในแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6668/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานใช้เอกสารปลอมและรับของโจร ศาลพิจารณาเป็นกรรมเดียวได้ หากมีเจตนาเดียวกัน
จำเลยทั้งสามได้นำรถยนต์ของกลางออกใช้ขับไปในที่ต่างๆโดยมีแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมและแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอมติดอยู่ที่รถยนต์คันเดียวกันโดยมีเจตนาแสดงเอกสารดังกล่าวต่อผู้อื่นหรือเจ้าพนักงานตำรวจในเวลาเดียวกันจนกระทั่งถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามดังกล่าวย่อมเห็นได้ว่าจำเลยทั้งสามมีเจตนาอย่างเดียวคือเพื่อให้ผู้อื่นหรือเจ้าพนักงานตำรวจเห็นว่ารถยนต์คันที่จำเลยทั้งสามใช้ขับเป็นรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้นการกระทำของจำเลยทั้งสามจึงมีความผิดกรรมเดียว ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามในความผิดฐานรับของโจรจำคุกคนละ4ปีและลงโทษจำเลยทั้งสามในข้อหาใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมกับใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอมโดยจำคุกกระทงละคนละ3ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะในความผิดฐานใช้เอกสารปลอมที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าเป็นความผิดสองกรรมว่าเป็นความผิดกรรมเดียวโดยพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามในข้อหานี้จำคุกคนละ3ปีโดยมิได้เปลี่ยนบทและโทษที่ได้รับก็ต่ำกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดซึ่งเป็นผลดีแก่จำเลยทั้งสามถือได้ว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำเลยทั้งสามในแต่ละกระทงไม่เกิน5ปีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคแรก
of 85