คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กระบวนพิจารณา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 344 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาอุทธรณ์ไม่ครบถ้วน ศาลฎีกาย้อนสำนวนเพื่อให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยตามกระบวนการ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยไม่เต็มตามฟ้องโจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นแต่ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาเฉพาะอุทธรณ์ของโจทก์เพียงฝ่ายเดียวมิได้พิจารณาพิพากษาอุทธรณ์ของจำเลยซึ่งไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณาและเพื่อให้การวินิจฉัยความผิดของจำเลยเป็นตามลำดับศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา208(2),225.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3551/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคำร้องแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การก่อนมีคำพิพากษา ศาลต้องวินิจฉัยก่อนพิพากษา
ศาลแรงงานกลางซึ่งพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดสกลนครมีคำสั่งให้งดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 14 เมษายน 2529 จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การต่อศาลจังหวัดสกลนครเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2529 ศาลจังหวัดสกลนครส่งคำร้องดังกล่าวไปยังศาลแรงงานกลางเพื่อพิจารณาสั่ง ศาลแรงงานกลางได้รับคำร้องเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2529 จึงสั่งว่า 'ศาลพิพากษาคดีแล้ว รวม' ดังนี้ คดีไม่มีการชี้สองสถานหรือสืบพยาน แม้ศาลแรงงานกลางจะมีคำสั่งงดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษาแล้วก็ตาม แต่เมื่อศาลแรงงานกลางยังมิได้พิพากษา ย่อมถือว่าอยู่ในระยะเวลาที่จำเลยอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การได้ จึงชอบที่จะได้วินิจฉัยสั่งคำร้องดังกล่าวว่าสมควรอนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การหรือไม่ ศาลแรงงานกลางพิพากษาคดีไปโดยมิได้วินิจฉัยสั่งคำร้องของจำเลย จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาสั่งคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลย แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3551/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นแก้ไขคำให้การก่อนมีคำพิพากษา ศาลต้องพิจารณาคำร้องก่อนพิพากษา
ศาลแรงงานกลางซึ่งพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดสกลนครมีคำสั่งให้งดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษาวันที่14เมษายน2529จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การต่อศาลจังหวัดสกลนครเมื่อวันที่10เมษายน2529ศาลจังหวัดสกลนครส่งคำร้องดังกล่าวไปยังศาลแรงงานกลางเพื่อพิจารณาสั่งศาลแรงงานกลางได้รับคำร้องเมื่อวันที่22เมษายน2529จึงสั่งว่า'ศาลพิพากษาคดีแล้วรวม'ดังนี้คดีไม่มีการชี้สองสถานหรือสืบพยานแม้ศาลแรงงานกลางจะมีคำสั่งงดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษาแล้วก็ตามแต่เมื่อศาลแรงงานกลางยังมิได้พิพากษาย่อมถือว่าอยู่ในระยะเวลาที่จำเลยอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การได้จึงชอบที่จะได้วินิจฉัยสั่งคำร้องดังกล่าวว่าสมควรอนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การหรือไม่ศาลแรงงานกลางพิพากษาคดีไปโดยมิได้วินิจฉัยสั่งคำร้องของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาสั่งคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2939/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อไม่สามารถยืนยันได้ ศาลต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
เมื่อผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อในเช็คพิพาทตามคำท้าของโจทก์จำเลยแล้วไม่อาจลงความเห็นยืนยันให้เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใดได้ศาลก็ไม่อาจวินิจฉัยชี้ขาดให้ฝ่ายใดชนะหรือแพ้คดีตามคำท้าต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแม้ตามรายงานกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นจดบันทึกคำท้าของโจทก์จำเลยไว้จะมีข้อความว่าคู่ความไม่ติดใจสืบพยานก็มีความหมายว่าหากผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่งตามคำท้าแล้วคู่ความจะไม่ติดใจสืบพยานจะถือว่าในกรณีที่ผู้เชี่ยวชาญไม่ลงความเห็นคู่ความก็ไม่ติดใจสืบพยานด้วยไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1596/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างต้องพิจารณาจากเหตุตามคำร้องเท่านั้น ศาลมิอาจนำเหตุอื่นนอกคำร้องมาวินิจฉัยได้ และประเด็นเรื่องอำนาจมอบอำนาจต้องยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้น
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านเพียงว่า ผู้ร้องไม่มีอำนาจฟ้องเพราะผู้ร้องไม่เคยมอบอำนาจให้ ส. หรือ อ. เป็นผู้มีอำนาจดำเนินคดีแทนผู้ร้อง ดังนี้ประเด็นในคำคัดค้านจึงมีเพียงว่า ผู้ร้องมอบอำนาจให้บุคคลทั้งสองเป็นผู้ดำเนินคดีนี้หรือไม่เท่านั้น ข้อที่ผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่าหนังสือมอบอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะตราที่ประทับในหนังสือนั้นมิใช่ตราของผู้ร้องและมิใช่ตราที่จดทะเบียนไว้ต่อกระทรวงพาณิชย์ จึงเป็นการอุทธรณ์ในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลางศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.
เหตุขออนุญาตเลิกจ้างลูกจ้างตามคำร้องของนายจ้างเป็นประการใด ศาลแรงงานชอบที่จะพิจารณาแต่เหตุนั้นโดยเฉพาะ เมื่อเหตุตามคำร้องรับฟังไม่ได้ศาลก็ชอบที่จะยกคำร้องเสีย จะนำเหตุที่มิใช่ข้ออ้างไว้อันเป็นเหตุนอกคำร้องนอกประเด็นมาพิจารณาแล้วยกเอาเหตุนั้นมาเป็นข้อเลิกจ้างหาชอบด้วยกระบวนพิจารณาไม่.
นายจ้างขออนุญาตเลิกจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างโดยอ้างเหตุว่าสินค้าของนายจ้างสูญหายเกิดจากลูกจ้างทุจริตหรือเกิดจากการร่วมทุจริตกับผู้อื่นหรือเกิดจากการประมาทเลินเล่อของลูกจ้าง เมื่อเหตุตามคำร้องฟังไม่ได้ศาลแรงงานกลางจะยกเอาเหตุที่ลูกจ้างเคยทำคำแถลงการณ์ในลักษณะชักชวนให้พนักงานกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชามาเป็นเหตุเลิกจ้างไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลอุทธรณ์ต้องพิจารณาอุทธรณ์ก่อนวินิจฉัยคดีตามมาตรา 245 หากไม่ทำ ถือไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา
ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 ก่อนแล้วต่อมาศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย และส่งอุทธรณ์มายังศาลอุทธรณ์ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะทำคำพิพากษาแต่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย แต่กลับวินิจฉัยคดีตามมาตรา 245 ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ต้องพิจารณาพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1444/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องจำเลยผิดตัวในคดีเช็ค ศาลไม่ถือว่าเป็นการพิจารณาคดีโดยไม่ชอบ
เดิมโจทก์ระบุในคำฟ้องทั้งสองสำนวนว่า นายพรเทพ คันตะปุระ เป็นจำเลยแล้ว โจทก์ขอแก้ชื่อจำเลย 2 ครั้ง ครั้งแรกขอแก้จาก "นายพรเทพ" เป็น "นายพลเทพ" ครั้งที่สองขอแก้เป็น "นายพรเทพหรือนายพลเทพ" โดยอ้างว่า จำเลยใช้ชื่อดังกล่าวทั้งสองชื่อ ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้แก้ทั้งสองครั้ง แล้วศาลชั้นต้นก็ได้สืบพยานโจทก์ต่อหน้าจำเลยคนนี้ตลอดมา ซึ่งจำเลยก็เป็นนายพรเทพตัวจริง ตามที่โจทก์ฟ้อง มิใช่ผู้อื่นมาสมอ้างว่าเป็นนายพรเทพแต่อย่างใดไม่ จึงถือไม่ได้ว่า ศาลชั้นต้นมิได้พิจารณาคดีต่อหน้าจำเลยอันเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดพลาด
โจทก์ยอมรับว่าโจทก์ฟ้องจำเลยผิดตัว เท่ากับยอมรับว่า จำเลยมิใช่ผู้กระทำผิด ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1353/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ร่วมกันของจำเลยหลายคน ศาลอุทธรณ์ต้องวินิจฉัยทั้งหมด
จำเลยอุทธรณ์โดยในแผ่นแรกของอุทธรณ์ระบุว่าจำเลยที่3เป็นผู้ยื่นอุทธรณ์และในท้ายอุทธรณ์ก็ลงลายมือชื่อจำเลยที่3เพียงผู้เดียวในช่องผู้อุทธรณ์แต่ในคำบรรยายฟ้องอุทธรณ์กล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสี่ไม่ได้กระทำความผิดและจำเลยทั้งสี่ได้ลงลายมือชื่อไว้ด้วยกันในตอนท้ายเมื่อสิ้นข้อความที่อุทธรณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันอุทธรณ์การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีเฉพาะจำเลยที่3จึงเป็นการไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณาแม้คู่ความมิได้ฎีกาในปัญหานี้ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องใหม่หลังศาลสั่งไม่รับฟ้อง ถือเป็นการนำคดีเข้าสู่การพิจารณาใหม่ ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ศาลแรงงานกลางตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 8 (5) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 ไม่รับฟ้อง กรณีเช่นนี้การพิจารณาของศาลแรงงานกลางเป็นอันสิ้นสุดไปแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยตามมาตรา 9 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวอีก ย่อมมีผลเท่ากับว่าได้นำคดีมาสู่การพิจารณาของศาลแรงงานกลางใหม่อีกครั้งหนึ่ง จึงหาชอบด้วยกระบวนพิจารณาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องใหม่หลังศาลสั่งไม่รับฟ้อง ถือเป็นการพิจารณาคดีซ้ำซ้อนไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยศาลแรงงานกลางตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่ากรณีไม่ต้องด้วย พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 8(5)ไม่รับฟ้อง ดังนี้ การพิจารณาของศาลแรงงานกลางเป็นอันสิ้นสุดไปแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยตามมาตรา 9 วรรคสองอีกย่อมมีผลเท่ากับว่าให้นำคดีมาสู่ การพิจารณาของศาลแรงงานกลางใหม่อีกครั้งหนึ่งจึงหาชอบด้วยกระบวนพิจารณาไม่
of 35