คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีถึงที่สุด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 334 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้ในการขอรับชำระหนี้หลังคดีบุริมสิทธิ์ถึงที่สุดในคดีล้มละลาย
ในกรณีที่เจ้าหนี้ของผู้ล้มละลายกับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีเป็นการพิพาทในประเด็นว่า เจ้าหนี้จะมีบุริมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้ล้มละลายหรือไม่ ส่วนหนี้ที่เจ้าหนี้มีอยู่แก่ผู้ล้มละลายนั้น เป็นอันรับรองว่าได้มีอยู่จริงนั้น แม้ศาลจะตัดสินว่าเจ้าหนี้ไม่มีบุริมสิทธิ ก็คงถือได้ว่าเจ้าหนี้คงเป็นเจ้าหนี้ธรรมดาผู้ล้มละลายอยู่ คดีจึงเข้าอยู่ใน พ.ร.บ.ล้มละลายมาตรา 93 คือเจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ภายใน 2 เดือนนับแต่วันคดีถึงที่สุด (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/97)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำเรื่องมรดก: การที่โจทก์ไม่ยกเหตุรับรองบุตรเป็นข้อต่อสู้ในคดีก่อน ทำให้ไม่สามารถฟ้องเรียกมรดกโดยอ้างเหตุเดียวกันอีกได้
คดีเดิมจำเลยฟ้องเรียกมรดกผู้ตายจากโจทก์ จึงเป็นกรณีที่พิพาทกันเรื่องมรดกโดยตรงและมีประเด็นชัดแจ้งว่าโจทก์มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายได้อย่างไร แต่โจทก์ให้การสู้คดีเฉพาะเรื่องพินัยกรรมอย่างเดียว มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้เลยว่าผู้ตายได้รับรองโจทก์เป็นบุตร ดังนี้เมื่อศาลพิพากษาชี้ขาดว่าพินัยกรรมนั้นใช้ไม่ได้ คดีถึงที่สุด ฉะนั้นโจทก์จะรื้อฟื้นกล่าวหาเรียกมรดกรายเดียวกันขึ้นมาอีกโดยกล่าวอ้างว่าผู้ตายได้รับรองโจทก์เป็นบุตรไว้แล้วโจทก์จึงมีสิทธิได้รับมรดกเช่นนี้หาได้ไม่ เพราะมิใช่คนละประเด็นกับคดีก่อน ย่อมถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2498)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสะดุดหยุดเมื่อมีการฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิ และเริ่มนับใหม่เมื่อคดีถึงที่สุด
โจทก์เช่าเครื่องฉายภาพยนต์จากนายลิขิต มาฉายโรงภาพยนต์ของจำเลย ต่อมานายลิขิตบอกเลิกสัญญากับโจทก์ ๆ เรียกคืนจากจำเลย ๆ ไม่ยอมคืนนายลิขิตจึงฟ้องโจทก์ ๆ ได้ขอให้ศาลเรียกจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยร่วม เพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องให้เสร็จสิ้นไป คดีถึงที่สุดชั้นฎีกาพิพากษาให้โจทก์และจำเลยส่งคืนแก่นายลิขิต โดยไม่ชี้ขาดสิทธิและหน้าที่ระหว่างโจทก์และจำเลย แต่ไม่ตัดสิทธิของโจทก์ที่จะว่ากล่าวแก่จำเลย ดังนี้ อายุความฟ้องคดีย่อมสดุดหยุดลง จนกว่าคดีจะถึงที่สุดตาม ป.พ.พ.ม.173,175,และ 181 และเมื่อโจทก์มาฟ้องคดีนี้หลังคดีก่อนถึงที่สุดเพียง 3-4 เดือนคดีจึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อเมื่อจำเลยต้องโทษในคดีอื่นอยู่ก่อนแล้ว แม้คดีนั้นยังไม่ถึงที่สุด
การนับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีที่ศาลตัดสินลงโทษจำคุกจำเลยในคดีก่อนนั้น คดีใดเกิดก่อนคดีใดเกิดหลัง ก็ดี คดียังไม่ถึงที่สุด ก็ดี ย่อมไม่ขัดข้องในการที่ให้นับโทษต่อเมื่อขณะศาลพิพากษาคดี ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษอยู่แล้ว ศาลก็ชอบที่จะให้นับโทษต่อ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การกระทำเป็นกรรมเดียวกัน แม้เปลี่ยนฐานความผิด
การกระทำของจำเลยเป็นกรรมและวาระเดียวกัน เมื่ออัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษและศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกาย คดีถึงที่สุดแล้วผู้เสียหายจะมาฟ้องจำเลยหาว่าชิงทรัพย์ โดยใช้กำลังทำร้ายร่างกายอีกไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา39(4)(อ้างฎีกาที่ 168/2489)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้จะซื้อที่ดินเมื่อคดีถึงที่สุดช้า การเพิกถอนนิติกรรมโอนขายที่ดินที่ไม่สุจริต
สิทธิของผู้จะซื้อที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายที่ดิน เมื่อนำคดีมาสู่ศาลจนศาลพิพากษาให้ผู้จะขายโอนขายที่ดินให้แก่ผู้จะซื้อขายนั้นแล้ว แม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุด ก็อยู่ในฐานะเป็นผู้อันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1300 แล้ว ฉะนั้นถ้าผู้จะขาย ที่ดินนั้นแก่ผู้อื่นไปในระหว่างที่คดียังไม่ถึงที่สุด โดยผู้ซื้อไม่สุจริตแล้ว ผู้จะซื้อก็มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมนั้นเสียได้ ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 237, 1300.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 342/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำต้องห้าม: คดีพิพาทเดิมถึงที่สุดแล้วฟ้องใหม่ไม่ได้ และการขอพิจารณาใหม่ต้องทำในคดีเดิม
เจ้าอธิการวัดฟ้องขับไล่โจทก์กับพวกออกจากที่พิพาทจนศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของวัด ให้ขับไล่โจทก์กับพวกออกจากที่พิพาทคดีถึงที่สุดแล้วโจทก์กลับมาฟ้องเจ้าอธิการวัด เป็นจำเลยอีกขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ และให้เพิกถอนคำพิพากษาคดีก่อนนั้นเสียดังนี้ ย่อมเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148
การยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ในกรณีที่ขาดนัดยื่นคำให้การนั้นจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีที่ศาลพิจารณาโดยถือว่าขาดนัดนั้นเองจะมาฟ้องเป็นคดีใหม่ ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีถึงที่สุดสำหรับจำเลยที่ถอนอุทธรณ์แล้ว โจทก์ขอรวมพิจารณาคดีกับจำเลยอื่นไม่ได้
ศาลแขวงพิพากษาฟ้องโดยวินิจฉัยว่า คดีเกินอำนาจโจทก์มิได้อุทธรณ์ แต่จำเลยกลับอุทธรณ์ว่าศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาคดีนั้นได้ แต่ภายหลังจำเลยบางคนขอถอนฟ้องอุทธรณ์เฉพาะตัว ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จำเลยที่ขอถอน ถอนฟ้องอุทธรณ์ไปได้ คงพิจารณาพิพากษาเฉพาะจำเลยคนก่อน แล้วพิพากษาว่าศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนั้น ให้ศาลแขวงดำเนินการพิจารณาต่อไป ศาลฎีกาพิพากษายืน ดังนี้เฉพาะตัวจำเลยที่ถอนอุทธรณ์คดีนั้นถึงที่สุดแล้วตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 202 โจทก์จะขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยที่ถอนอุทธรณ์มาดำเนินการพิจารณารวมเป็นคดีเดียวกันจำเลยอื่นตามคำฟ้อง
เดิมของโจทก์อีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลและผลการถอนอุทธรณ์: คดีถึงที่สุดเฉพาะจำเลยที่ถอนอุทธรณ์
ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า คดีเกินอำนาจโจทก์มิได้อุทธรณ์ แต่จำเลยกลับอุทธรณ์ว่าศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาคดีนั้นได้แต่ภายหลังจำเลยบางคนขอถอนฟ้องอุทธรณ์เฉพาะตัวศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จำเลยที่ขอถอนถอนฟ้องอุทธรณ์ไปได้คงพิจารณาพิพากษาเฉพาะจำเลยคนอื่นแล้วพิพากษาว่าศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนั้น ให้ศาลแขวงดำเนินการพิจารณาต่อไป ศาลฎีกาพิพากษายืน ดังนี้คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ถอนอุทธรณ์นั้นถึงที่สุดแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 202โจทก์จะขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยที่ถอนอุทธรณ์มาดำเนินการพิจารณารวมเป็นคดีเดียวกับจำเลยอื่นตามฟ้องเดิมของโจทก์อีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเงินตราต่างประเทศที่นำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต คดีถึงที่สุดแล้วขอคืนไม่ได้
นำเงินตราต่างประเทศเข้ามาโดยมิได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรนั้น เมื่อศาลพิพากษาลงโทษและริบเงินตราต่างประเทศของกลางทั้งหมดแล้ว จำเลยมิได้อุทธรณ์ ฎีกาโต้แย้งประการใดแล้วภายหลังจะมาร้องขอเงินตราต่างประเทศของกลางคืนบางส่วน โดยอ้างว่าเป็นจำนวนเงินที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอนุญาตให้นำคิดตัวเข้ามาในราชอาณาจักรนั้น ย่อมไม่ได้ เพราะคดีถึงที่สุดแล้ว
of 34