คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความรับผิดชอบ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 323 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อ: การส่งมอบรถคืน การวินิจฉัยนอกประเด็น และความรับผิดชอบของผู้เช่าซื้อ
ประเด็นในคดีนี้มีว่า จำเลยได้คืนรถจักรยานยนต์ให้โจทก์รับไปแล้วหรือไม่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยวานน้องชายผู้จัดการโจทก์เอารถไปไว้ที่บ้านจำเลย แต่น้องชายผู้จัดการโจทก์มีธุระจึงเอาไว้ที่ร้านโจทก์ รถได้หายไปในขณะที่อยู่ที่ร้านโจทก์และอู่ในความครอบครองของโจทก์ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ราคารถให้โจทก์ เป็นการวินิจฉัยว่าโจทก์ได้รับคืนรถจากจำเลยแล้ว แต่กลับไปวินิจฉัยว่ารถหายไประหว่างอยู่ในความครอบครองของโจทก์ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดชอบต่อการซื้อขายที่ดินร่วมกัน แม้ไม่ได้ยินยอมโดยตรง
การที่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันซื้อที่ดินมาจัดสรรแบ่งขายเป็นแปลง ๆ ด้วยความประสงค์ที่จะหากำไรมาแบ่งปันกัน เป็นการกระทำที่เป็นหุ้นส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012
การที่หุ้นส่วนของจำเลยยอมให้โจทก์ขายช่วงที่ดินและยอมรับเงินนั้นไว้ เมื่อได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาของการค้าของห้างหุ้นส่วน จำเลยย่อมจะต้องมีความผูกพันและรับผิดชอบร่วมด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดชอบในสัญญาซื้อขายที่ดินช่วง และผลผูกพันตามกฎหมาย
การที่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันซื้อที่ดินมาจัดสรรแบ่งขายเป็นแปลง ๆ ด้วยความประสงค์ที่จะหากำไรมาแบ่งปันกันเป็นการกระทำที่เป็นหุ้นส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012
การที่หุ้นส่วนของจำเลยยอมให้โจทก์ขายช่วงที่ดินและยอมรับเงินนั้นไว้เมื่อได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาของการค้าของห้างหุ้นส่วนจำเลยย่อมจะต้องมีความผูกพันและรับผิดชอบร่วมด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดชอบต่อความเสียหายจากอุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มเติม: ผู้ใช้ต้องระมัดระวังควบคุมอุปกรณ์เอง
โจทก์ซื้อกระแสไฟฟ้า 220 โวลท์จากจำเลย จำเลยส่งกระแสไฟฟ้าตกลงมากรับโทรทัศน์ไม่ได้ โจทก์จึงต้องเพิ่มไฟโดยหม้อเพิ่มไฟเพื่อให้ได้รับภาพได้ตามปกติ แล้วไฟฟ้าดับลง ต่อมาไฟจึงติดขึ้นใหม่ แรงขึ้นสูงในทันทีทันใด ทำให้เครื่องปรับอัตโนมัติโทรทัศน์ของโจทก์เสีย ระหว่างที่ไฟฟ้าดับนั้น โจทก์ไม่ได้ลดหรือปลดหม้อเพิ่มไฟและไม่ได้ปิดเครื่องรับโทรทัศน์ ดังนี้ เห็นว่าโจทก์เป็นผู้นำเอาหม้อเพิ่มไฟมาใช้เองเป็นพิเศษ โจทก์ต้องมีหน้าที่ระมัดระวังควบคุมหม้อเพิ่มไฟนั้น จะถือว่าจำเลยกระทำผิดหน้าที่หรือขาดความระมัดระวังเป็นการประมาทเลินเล่อไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างต้องรับผิดชอบความเสียหายจากลูกจ้างกระทำผิดในหน้าที่ แม้เกิดจากความประมาท
ลูกจ้างมีหน้าที่เดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าตลอดจนการใช้เครื่องอุปกรณ์ต่างๆเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ลูกจ้างเดินเครื่องกำเนิดไฟเพื่อทดลองเครื่อง อันเป็นการกระทำเพื่อจะติดเครื่องไฟฟ้าใช้ตามปกติ ได้เกิดไฟชอร์ทเพราะสายไฟชำรุด ไฟได้ลุกลามไหม้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย นายจ้างจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายซึ่งลูกจ้างเป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะเป็นการกระทำในทางการที่จ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทของเจ้าพนักงานคุมขัง ทำให้นักโทษหลบหนี การแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบ
จำเลยที่ 1 เป็นเวรควบคุมนักโทษในแดน 1 ตั้งแต่ 12.00 - 18.00 นาฬิกา ก่อนจะออกเวรพ้นหน้าที่จะต้องมอบหน้าที่ให้จำเลยที่ 2 เข้าเป็นยามภายในแดน 1 มอบหน้าที่ยามภายนอกและลูกกุญแจตึกขังให้นายสุดใจผู้จะมารับหน้าที่ต่อ แต่เมื่อใกล้ 18.00 นาฬิกา จำเลยที่ 2 มารับหน้าที่คนเดียว จำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 เข้าเป็นยามภายในห้องขังใส่กุญแจตึกขังแล้ว ฝากลูกกุญแจตึกขังไว้กับจำเลยที่ 2 แล้วละทิ้งหน้าที่ไป เป็นช่องทางให้นักโทษใช้อุบายออกจากห้องขังแล้วจับหรือบังคับจำเลยที่ 2 ให้มอบลูกกุญแจไขตึกขังหลบหนีการควบคุมไปได้ ดังนี้ เป็นเพราะความประมาทปราศจากความระมัดระวังอย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 1 ผิดตามมาตรา 205
จำเลยที่ 2 รู้ดีว่า นายสุดใจจะต้องมารับยามภายนอกและรักษาลูกกุญแจตึกขัง ตามวิสัยและพฤติการณ์ไม่สมควรรับฝากลูกกุญแจตึกขังไว้เพราะนักโทษอาจออกจากห้องขังมาบังคับเอาลูกกุญแจตึกขังหนีไปได้ และน่าจะรู้ดีว่า ทางเรือนจำวางระเบียบให้มียามภายนอก ในเวลากลางคืน ก็เนื่องจากจะให้มีเจ้าหน้าที่ช่วยกันดูแลเป็นชั้นๆ เมื่อมีเหตุร้ายจะได้ช่วยกันระงับได้ทันท่วงที การยอมรับฝากลูกกุญแจจึงเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ละทิ้งหน้าที่ เป็นเหตุให้นักโทษหลบหนีที่คุมขังออกไป ฉะนั้นการที่จำเลยที่ 2 ยอมรับฝากลูกกุญแจตึกขังไว้จากจำเลยที่ 1 นับว่าเป็นความประมาทอย่างร้ายแรง นักโทษได้ลูกกุญแจจากจำเลยที่ 2 ไขประตูตึกขังหลบหนีไปได้ จึงเป็นเพราะความประมาทปราศจากความระมัดระวังอย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 2 ด้วย
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 205 วรรคท้ายเป็นเรื่องให้งดการลงโทษผู้กระทำผิด ในเมื่อผู้กระทำผิดสามารถจัดให้ได้ตัวผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังคืนมาภายใน 3 เดือน จะจัดโดยวิธีใดก็ได้ มิใช่จะต้องให้โอกาสผู้กระทำผิดไปติดตามผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังเสียก่อนแล้วจึงจะสอบสวนฟ้องร้องลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113-1114/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการฆ่าผู้อื่นและความรับผิดชอบของผู้ร่วมกระทำ
จำเลยเอาผู้ตายไปกดไว้กับเสาและเอามือรัดคอผู้ตาย จนผู้ตายล้มลงแล้วผลักผู้ตายให้ตกลงไปในคู แล้วเข้าบีบคอผู้ตายอีก แล้วเอาผู้ตายไปโยนลงที่หัวคันนา และบีบคอผู้ตายจนผู้ตายคอหักถึงแก่ความตาย เป็นการกระทำเพื่อจะให้ตายต่อเนื่องกัน ซึ่งก็เป็นลักษณะการกระทำที่จะให้ตายอย่างหนึ่งเท่านั้น จึงยังไม่เข้าลักษณะกระทำโดยทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(5)
จำเลยเห็นผู้ตายกำลังถูกทำร้ายไม่ได้เข้าขัดขวางแต่อย่างใด และไล่ลูก ๆ ให้ออกไป ทั้งสั่งห้ามไม่ให้ไปบอกใครด้วย เมื่อมีหญิงอีกคนหนึ่งมายังที่เกิดเหตุ จำเลยวิ่งไปรับหน้า ห้ามมิให้เข้าไป โดยกล่าวเท็จว่า ผัวเมียตีกันไม่ใช่ธุระ เป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยตั้งใจเพื่อจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ตายถูกฆ่าโดยไม่ต้องถูกผู้ใดขัดขวาง จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงหลักประกันในชั้นทุเลาการบังคับคดีทำให้ผู้ค้ำประกันเดิมหลุดพ้นจากความรับผิดชอบ
ในการสั่งคำร้องของจำเลยในชั้นขอทุเลาการบังคับคดีชั้นฎีกาศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้ทุเลาการบังคับได้ในเมื่อจำเลยสามารถหาประกันที่มั่นคงและเป็นที่พอใจของศาลชั้นต้น เห็นได้ว่าศาลฎีกามิได้ให้ถือประกันเดิมที่ผู้ประกันได้ทำไว้ในการที่จำเลยขอทุเลาการบังคับในชั้นอุทธรณ์แล้วฉะนั้น การค้ำประกันในชั้นอุทธรณ์จึงเป็นอันเพิกถอนไปในตัว จะบังคับการชำระหนี้อีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 778/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารสิทธิ และการพิสูจน์หน้าที่ความรับผิดชอบ
(1) เมื่อโจทก์บรรยายว่า จำเลยเป็นเสมียนตรา มีหน้าที่จัดทำ รักษา และรับผิดชอบเกี่ยวกับการเงิน การบัญชีและการเบิกจ่ายเงินและมีเจตนาทุจริตเบียดบังยักยอกเอาเงินไป มีรายการต่างๆ ซึ่งพอเข้าใจได้ว่าเงินนั้นอยู่ในความรับผิดของจำเลย ทั้งระบุวันเวลาทำผิดแต่ละรายการไว้ด้วย นั้น ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมส่วนที่ว่าจำเลยรับมาจากใครที่ไหน เมื่อใด เป็นรายละเอียดไม่ต้องกล่าวไว้
(2) เมื่อเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายว่ารู้การกระทำของจำเลยเมื่อใด
(3) เมื่อพยานโจทก์และจำเลยเบิกความตรงกันว่าเสมียนตรามีหน้าที่ทำบัญชีเงินรับเงินและจ่ายเงินของแผนกมหาดไทย แม้นายอำเภอจะสั่งให้คนอื่นเป็นหัวหน้าแต่ก็เพื่อช่วยคอยสอดส่องควบคุมอีกชั้นหนึ่งโดยมิได้ให้จำเลยพ้นจากหน้าที่เสมียนตราไป เช่นนี้ จำเลยก็ต้องเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ฯลฯ ที่แก้ไขแล้ว
(4) บัญชีเงินต่างๆ ของทางราชการกระทรวงมหาดไทย เช่นแบบ 2 บัญชีรับจ่ายเงินเบ็ดเตล็ดและแบบ 7 บัญชีเงินการจร มีช่องที่ผู้รับเงินจะต้องลงชื่อ เมื่อลงแล้วและรับเงินไปแล้ว ย่อมเป็นหลักฐานแห่งการระงับไปซึ่งสิทธิทำให้ผู้นั้นหมดสิทธิเรียกร้องเอาเงินจากทางราชการอีกซึ่งตรงตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1(9) จึงเป็นเอกสารสิทธิทางราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266
(5) ผู้ไม่มีสิทธิ แต่ได้ลงชื่อของผู้มีสิทธิในช่องบัญชีของผู้มีสิทธิรับเงินตามแบบ 2 แบบ 7 ย่อมเป็นการปลอมเอกสาร และเป็นข้อสารสำคัญแห่งคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 441/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าช่วง vs. สัญญามอบอำนาจ: ความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและหน้าที่นำสืบ
โจทก์ทำสัญญาเช่าโรงมหรสพจากเจ้าของเพื่อจัดการแสดงมหรสพและการบันเทิงต่างๆ โดยมีข้อห้ามมิให้เช่าช่วงแต่โจทก์มาทำสัญญากับจำเลยยินยอมมอบอำนาจให้จำเลยดำเนินการฉายภาพยนต์หรือจัดรายการบันเทิงอื่นในโรงมหรสพนี้ โดยจำเลยต้องให้เงินโจทก์เป็นเดือน สัญญานี้ใช้บังคับได้ระหว่างโจทก์กับจำเลย ส่วนข้อที่ว่าเป็นการให้เช่าช่วงหรือไม่ นั้นเป็นเรื่องที่เจ้าของจะว่ากล่าวแก่โจทก์ จำเลยจะยกขึ้นปัดความรับผิดของตนไม่ได้
เมื่อสัญญามอบอำนาจนั้นมีข้อตกลงให้จำเลยรับภาระค่าเช่าโทรศัพท์ด้วยถ้าจำเลยยังไม่ได้ชำระ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกเอาแก่จำเลยได้มิใช่ต้องให้องค์การโทรศัพท์เป็นผู้ฟ้องเพราะองค์การนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจำเลย ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับจำเลย
ค่าโทรศัพท์นี้ จำเลยมีหน้าที่จ่ายให้แก่โจทก์เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระแก่โจทก์ตามสัญญาจำเลยก็ต้องรับผิดในดอกเบี้ยด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 ถึงแม้ว่าโจทก์เองจะยังไม่ได้ชำระให้องค์การโทรศัพท์ก็ตาม
เมื่อจำเลยยอมรับว่าได้ทำสัญญากับโจทก์จริงตามฟ้องแต่ต่อสู้ว่าได้ชำระหนี้ค่าภาระติดพันต่างๆ แก่โจทก์ตามข้อสัญญาครบถ้วนแล้วก็เป็นหน้าที่ของจำเลยต้องนำสืบก่อน
คดีที่มีการสืบพยานเสร็จสิ้นไปแล้วทั้งสองฝ่าย และในฎีกาของจำเลยก็มิได้ขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานกันใหม่ ทั้งพยานหลักฐานที่ได้สืบกันมาก็ไม่ทำให้การวินิจฉัยข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปดังนี้ จำเลยจะฎีกาคัดค้านการกำหนดหน้าที่นำสืบอีกย่อมฟังไม่ขึ้น
of 33