พบผลลัพธ์ทั้งหมด 361 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2312/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณะ: การคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์
จำเลยคัดค้านการที่โจทก์ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของหนองน้ำสาธารณะซึ่งชาวบ้านในหมู่บ้านจำเลยใช้ประโยชน์ร่วมกัน ดังนี้ หากเป็นดังจำเลยต่อสู้ จำเลยย่อมมีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่พิพาทได้ จำเลยจึงมีสิทธิคัดค้านการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ดังกล่าว ตลอดจนต่อสู้คดีกับโจทก์ในชั้นศาลได้ และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) สาธารณสมบัติของแผ่นดินได้แก่ทรัพย์สินของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันเป็นต้นว่า ที่ชายตลิ่ง ทางน้ำ ฯลฯ มิได้มีบทบัญญัติว่าต้องมีหลักฐานทางทะเบียนของทางราชการ เพื่อแสดงว่าเป็นที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน การที่จะวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือหนองน้ำสาธารณะจึงอาศัยเหตุแห่งเพียงว่า หนองน้ำดังกล่าวไม่มีหลักฐานทางทะเบียนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบ: โจทก์ฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงแทนการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอให้มีการพิจารณาใหม่ของจำเลย แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี โจทก์ฎีกาว่าข้อเท็จจริงควรฟังว่าที่พิพาทเป็นที่ไม่มีโฉนด โจทก์ซื้อและครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 20 ปี โจทก์ฟ้องคดีโดยสุจริต ดังนี้ โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่ามีเหตุผลประการใดที่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้หยิบยกขึ้นวินิจฉัย จึงเป็นฎีกาไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2206/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารประกอบพยานหลักฐาน: ศาลมีอำนาจพิจารณาความจริงตามเอกสาร แม้ไม่คัดค้าน
แม้คู่ความฝ่ายหนึ่งจะมิได้คัดค้านการอ้างเอกสารเป็นพยานของคู่ความอีกฝ่ายเสียก่อนวันนัดสืบพยานทราบ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 125 ก็เพียงแต่ห้ามมิให้คู่ความฝ่ายนั้นคัดค้านการมีอยู่และความแท้จริงของเอกสารหรือความถูกต้องของสำเนาเอกสารนั้นเมื่อพ้นกำหนดเวลาเท่านั้น หาใช่เป็นการบังคับให้ศาลยอมรับว่าความจริงเป็นดังที่ปรากฏในเอกสารนั้นไม่เพราะความจริงเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ศาลจะต้องฟังจากพยานหลักฐานทั้งปวงอีกชั้นหนึ่งต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2172/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินของผู้ร้อง แม้มีคำพิพากษาค้างอยู่ ผู้ร้องยังมีสิทธิคัดค้านการอายัดได้ หากสิทธิถูกโต้แย้ง
ปัญหาที่ว่าผู้ร้องไม่ใช่เจ้าของที่ดิน ไม่มีอำนาจคัดค้านขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งอายัดที่ดินนั้น เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้โจทก์จะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ก็ตาม โจทก์ชอบที่จะยกขึ้นว่าในชั้นฎีกาได้
ที่ดินมีโฉนดมีชื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของอยู่ในขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้อายัดแม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าที่ดินนี้ยังคงเป็นของ ป. ตามผลของคำพิพากษาอีกคดีหนึ่งอยู่ก็ตาม ตราบใดยังไม่มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาคดีนั้นผู้ร้องก็ยังมีสิทธิในที่ดินนั้นอยู่เมื่อสิทธิเช่นว่านี้ถูกโต้แย้งโดยการที่โจทก์ขอให้อายัดที่ดินดังกล่าวไว้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งอายัดนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
กรณีที่ศาลพิพากษาให้ ป. โอนขายที่ดินให้จำเลยนั้นจะถือว่าเป็นทรัพย์สินของบุคคลภายนอกซึ่งถึงกำหนดชำระแก่จำเลยยังไม่ได้ เพราะ ป. จะชำระหนี้ส่วนของตนคือโอนที่ดินให้จำเลยก็ต่อเมื่อจำเลยชำระหนี้ตอบแทนคือชำระราคาที่ดินให้ ป. ด้วย ฉะนั้นตราบใดที่จำเลยยังมิได้เสนอที่จะชำระราคาที่ดินและกำหนดเวลาให้ ป. โอนที่ดินนั้นให้ตนแล้ว จะถือว่าหนี้ที่ ป. จะต้องโอนที่ดินให้จำเลยถึงกำหนดชำระยังมิได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจขอให้อายัดที่ดินดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(1)
ที่ดินมีโฉนดมีชื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของอยู่ในขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้อายัดแม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าที่ดินนี้ยังคงเป็นของ ป. ตามผลของคำพิพากษาอีกคดีหนึ่งอยู่ก็ตาม ตราบใดยังไม่มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาคดีนั้นผู้ร้องก็ยังมีสิทธิในที่ดินนั้นอยู่เมื่อสิทธิเช่นว่านี้ถูกโต้แย้งโดยการที่โจทก์ขอให้อายัดที่ดินดังกล่าวไว้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งอายัดนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
กรณีที่ศาลพิพากษาให้ ป. โอนขายที่ดินให้จำเลยนั้นจะถือว่าเป็นทรัพย์สินของบุคคลภายนอกซึ่งถึงกำหนดชำระแก่จำเลยยังไม่ได้ เพราะ ป. จะชำระหนี้ส่วนของตนคือโอนที่ดินให้จำเลยก็ต่อเมื่อจำเลยชำระหนี้ตอบแทนคือชำระราคาที่ดินให้ ป. ด้วย ฉะนั้นตราบใดที่จำเลยยังมิได้เสนอที่จะชำระราคาที่ดินและกำหนดเวลาให้ ป. โอนที่ดินนั้นให้ตนแล้ว จะถือว่าหนี้ที่ ป. จะต้องโอนที่ดินให้จำเลยถึงกำหนดชำระยังมิได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจขอให้อายัดที่ดินดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1574/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการอายัดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษา และสิทธิของจำเลยในการคัดค้าน
เมื่อโจทก์มีสิทธิที่จะร้องขอต่อศาลเพื่อใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ได้ขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน อายัดเงินที่จ้างที่จำเลยได้จะได้รับจากบุคคลอื่น และศาลได้มีคำสั่งอายัดเงินค่าจ้างที่จำเลยจะได้รับจากบุคคลอื่นแล้ว จำเลยย่อมไม่มีสิทธิฟ้องแย้งขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการอายัดดังกล่าวได้ จำเลยมีสิทธิพียงแต่จะขอให้ศาลสั่งยกเลิกคำสั่งหรือหมายอายัดทรัพย์ชั่วคราว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 267 วรรค 2 ได้เท่านั้น จึงไม่มีสิทธิฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1574/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการอายัดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษา และขอบเขตสิทธิของจำเลยในการคัดค้าน
เมื่อโจทก์มีสิทธิที่จะร้องขอต่อศาลเพื่อใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ได้ขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน อายัดเงินค่าจ้างที่จำเลยจะได้รับจากบุคคลอื่น และศาลได้มีคำสั่งอายัดเงินค่าจ้างที่จำเลยจะได้รับจากบุคคลอื่นแล้ว จำเลยย่อมไม่มีสิทธิฟ้องแย้งขอให้ศาลเพิกถอนการอายัดดังกล่าวได้ จำเลยมีสิทธิเพียงแต่จะขอให้ศาลสั่งยกเลิกคำสั่งหนือหมายอายัดทรัพย์ชั่วคราวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 267 วรรคสอง ได้เท่านั้น จึงไม่มีสิทธิฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2695/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคัดค้านการเพิกถอนโฉนดที่ดินยังไม่ถึงขั้นโต้แย้งสิทธิโจทก์ จึงยังไม่มีอำนาจฟ้อง
ทางราชการได้ออกโฉนดที่ดินให้โจทก์ ต่อมามีผู้คัดค้านว่าที่ดินที่ออกโฉนดให้โจทก์นั้นเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งประชาชนใช้ร่วมกัน กรมที่ดินจึงได้เรียกให้โจกท์ส่งโฉนดที่ดินดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพื่อส่งให้แก่จำเลย และให้โอกาสโจทก์ยื่นคำคัดค้านภายใน 30 วัน โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ที่ดินดังกล่าวมารดาโจทก์ครอบครองมาและยกกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ ไม่ใช่ที่สาธารณประโยชน์ แต่โจทก์ยังไม่ได้ส่งโฉนดให้จำเลยและจำเลยก็ยังมิได้เพิกถอนโฉนดที่ดินของโจทก์ ดังนี้ โจทก์จะฟ้องขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาสั่งให้จำเลยระงับการเพิกถอนโฉนดของโจทก์ไม่ได้ เพราะยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์อันเป็นเหตุให้โจทก์ใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจาราความแพ่ง มาตรา 55
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193-1195/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคัดค้านผลเลือกตั้ง: การระบุเหตุทุจริตต้องชัดเจนและมีรายละเอียดเพียงพอ
ผู้ร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบรรยายคำร้องว่าเจ้าพนักงานและกรรมการตรวจคะแนนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตทำให้คะแนนของผู้สมัครหมายเลข 3 เลข 4 มากกว่าความเป็นจริงและคะแนนของผู้ร้องน้อยกว่าความเป็นจริงโดยมิได้ระบุไว้ว่าคะแนนที่ผิดจากความเป็นจริงนี้มีจำนวนเท่าใด เช่นนี้เมื่อเหตุทุจริตเกิดในหน่วยเลือกตั้งตามที่ระบุในคำร้องมีหลายสิบหน่วย หากเจ้าหน้าที่ได้กระทำการทุจริตดังกล่าวจริงก็ยากที่ผู้ร้องจะประมาณคะแนนที่เกิดจากความทุจริตได้ การไม่ระบุจำนวนคะแนนในกรณีเช่นนี้จึงไม่ทำให้คำร้องเคลือบคลุม แต่ที่ผู้ร้องคัดค้านระบุในคำร้องว่าผู้สมัครหมายเลข 3 เลข 4 ให้ทรัพย์หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินเช่น เงิน เสื้อผ้า ข้าวสาร ฯลฯ แก่ผู้เลือกตั้งเพื่อจงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนโดยมิได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่าผู้สมัครหมายเลขใดให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินอย่างใดแก่ผู้ใด ย่อมเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
การตรวจนับคะแนนมีผิดพลาดบ้างซึ่งไม่ทำให้ผลการลงคะแนนเลือกตั้งเปลี่ยนแปลง ไม่เป็นเหตุอันควรสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่
การตรวจนับคะแนนมีผิดพลาดบ้างซึ่งไม่ทำให้ผลการลงคะแนนเลือกตั้งเปลี่ยนแปลง ไม่เป็นเหตุอันควรสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 310/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์สินบริคณห์จากหนี้ส่วนตัวของจำเลย ผู้ร้องมีสิทธิคัดค้านได้หากพิสูจน์ได้ว่าหนี้ไม่ผูกพันทรัพย์
ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีของจำเลยร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไว้ โดยอ้างว่าจำเลยก่อหนี้เป็นส่วนตัว ไม่ผูกพันทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นสินบริคณห์ หากข้อเท็จจริงเป็นดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง โจทก์จะยึดทรัพย์พิพาทอันเป็นสินบริคณห์โดยไม่ได้ร้องขอต่อศาลให้แยกสินบริคณห์ออกเป็นส่วนของจำเลยเสียก่อนไม่ได้ เมื่อข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องกล่าวอ้างยังไม่แน่ชัด ศาลจึงต้องรับคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไปก่อนจะสั่งยกคำร้องเสียเลยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2520/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดประเด็นข้อพิพาท: จำเลยต้องคัดค้านในชั้นต้น หากไม่คัดค้านประเด็นข้อพิพาทตามที่ศาลกำหนด ประเด็นนั้นย่อมเป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด
การที่ศาลชั้นต้นชี้สองสถานว่าจำเลยไม่ได้ฟ้องแย้งขอไถ่จึงไม่มีประเด็นในข้อที่ว่าจำเลยได้ใช้สิทธิไถ่ถอนในกำหนดหรือไม่ซึ่งเป็นเรื่องกำหนดประเด็นข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมตรา 183 ถ้าจำเลยเห็นว่าศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไม่ถูกต้องประการใดก็ชอบที่จะคัดค้านขณะนั้น แต่จำเลยมิได้คัดค้านว่าไม่ถูกต้องประการใด ประเด็นข้อพิพาทจึงต้องเป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด จำเลยจะยกขึ้นคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้