พบผลลัพธ์ทั้งหมด 277 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 915/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจ่ายสินบนนำจับต้องมีคำขอชัดเจนจากอัยการ หากไม่มี ศาลไม่จำเป็นต้องบังคับให้จำเลยจ่าย
ในเรื่องเงินค่าสินบนนำจับนี้เมื่อมิได้มีคำขอมาด้วยโดยแจ้งชัดเป็นแต่เพียงบรรยายฟ้องมาลอย ๆ ว่ามีผู้ขอรับค่าสินบนนำจับ จะประสงค์อย่างไรมิได้ว่าไว้ดังนี้ ก็ชอบที่ศาลจะไม่ให้จำเลยจ่ายสินบนแก่ผู้นำจับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 915/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจ่ายสินบนนำจับ: ต้องมีคำขอชัดเจนจากพนักงานอัยการ
ในเรื่องเงินค่าสินบนนำจับนี้เมื่อมิได้มีคำขอมาด้วยโดยแจ้งชัดเป็นแต่เพียงบรรยายฟ้องมาลอยๆ ว่ามีผู้ขอรับค่าสินบนนำจับ จะประสงค์อย่างไรมิได้ว่าไว้ดังนี้ก็ชอบที่ศาลจะไม่ให้จำเลยจ่ายสินบนแก่ผู้นำจับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831-1833/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษจำคุกต่อจากคดีอื่น ต้องมีคำขอในฟ้องหรือก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้น
เกี่ยวกับกำหนดเวลาจำคุกผู้กระทำผิดตามคำพิพากษานั้น ก.ม.อาญา ม.32 บัญญัตินับแต่วันต้องคุมขัง เว้นแต่ในคำพิพากษาจะสั่งเป็นอย่างอื่น เช่นสั่งให้นับแต่วันคดีถึงที่สุดเป็นต้น
แต่ถ้าจะสั่งให้นับต่อจากคดีเรื่องอื่นก็จำต้องมีคำขอเช่นนั้น ซึ่งโดยปกติโจทก์ต้องขอมาในฟ้อง ถ้าจะขอภายหลังก็ต้องขอก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นก็ตาม ป.วิ.อาญา ม.163 แม้ ม.215 จะให้นำบทบัญญัติที่ว่าด้วยการพิจารณาและว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้นมาบังคับในชั้นศาลอุทธรณ์ด้วยโดยอนุโลมก็ดี ม.163 ก็อยู่ในลักษณะฟ้องคดีอาญาและไต่สวนมูลฟ้องหาได้อยู่ในลักษณะการพิจารณาไม่ จึงอาศัยความในมาตรานี้นับโทษต่อให้ไม่ได้.
แต่ถ้าจะสั่งให้นับต่อจากคดีเรื่องอื่นก็จำต้องมีคำขอเช่นนั้น ซึ่งโดยปกติโจทก์ต้องขอมาในฟ้อง ถ้าจะขอภายหลังก็ต้องขอก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นก็ตาม ป.วิ.อาญา ม.163 แม้ ม.215 จะให้นำบทบัญญัติที่ว่าด้วยการพิจารณาและว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้นมาบังคับในชั้นศาลอุทธรณ์ด้วยโดยอนุโลมก็ดี ม.163 ก็อยู่ในลักษณะฟ้องคดีอาญาและไต่สวนมูลฟ้องหาได้อยู่ในลักษณะการพิจารณาไม่ จึงอาศัยความในมาตรานี้นับโทษต่อให้ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831-1833/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษจำคุกต่อจากคดีอื่น ต้องมีคำขอตั้งแต่ในฟ้อง หรือก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้น
เกี่ยวกับกำหนดเวลาจำคุกผู้กระทำผิดตามคำพิพากษานั้นกฎหมายอาญา มาตรา 72 บัญญัตินับแต่วันต้องคุมขัง เว้นแต่ในคำพิพากษาจะสั่งเป็นอย่างอื่น เช่นสั่งให้นับแต่วันคดีถึงที่สุดเป็นต้น
แต่ถ้าจะสั่งให้นับต่อจากคดีเรื่องอื่นก็จำต้องมีคำขอเช่นนั้น ซึ่งโดยปกติโจทก์ต้องขอมาในฟ้อง ถ้าจะขอภายหลังก็ต้องขอก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 แม้ มาตรา 215 จะให้นำบทบัญญัติที่ว่าด้วยการพิจารณาและว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้นมาบังคับในชั้นศาลอุทธรณ์ด้วยโดยอนุโลมก็ดี มาตรา 163 ก็อยู่ในลักษณะฟ้องคดีอาญาและไต่สวนมูลฟ้องหาได้อยู่ในลักษณะการพิจารณาไม่ จึงอาศัยความในมาตรานี้นับโทษต่อให้ไม่ได้
แต่ถ้าจะสั่งให้นับต่อจากคดีเรื่องอื่นก็จำต้องมีคำขอเช่นนั้น ซึ่งโดยปกติโจทก์ต้องขอมาในฟ้อง ถ้าจะขอภายหลังก็ต้องขอก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 แม้ มาตรา 215 จะให้นำบทบัญญัติที่ว่าด้วยการพิจารณาและว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้นมาบังคับในชั้นศาลอุทธรณ์ด้วยโดยอนุโลมก็ดี มาตรา 163 ก็อยู่ในลักษณะฟ้องคดีอาญาและไต่สวนมูลฟ้องหาได้อยู่ในลักษณะการพิจารณาไม่ จึงอาศัยความในมาตรานี้นับโทษต่อให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจศาลในการเพิ่มโทษจำเลยเกินคำขอเดิม โดยอ้างเจตนาของผู้ฟ้อง
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม ม. 256 ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม ม. 256 วางกำหนดโทษจำคุก 6 เดือน
โจทก์ดอุทธรณ์ต่อมาขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ตาม ม. 256 เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าบาดเจ็บไม่สาหัสก็มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บไม่สาหัสตาม ม. 254 และเห็นสมควรจะวางอัตราโทษเท่าใดตามมาตรานี้ก็ได้ แม้จะเพิ่มกำหนดโทษเป็น 1 ปี 6 เดือนสูงกว่าศาลชั้นต้นก็ได้ เพราะไม่เป็นการเกินคำขอตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256
โจทก์ดอุทธรณ์ต่อมาขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ตาม ม. 256 เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าบาดเจ็บไม่สาหัสก็มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บไม่สาหัสตาม ม. 254 และเห็นสมควรจะวางอัตราโทษเท่าใดตามมาตรานี้ก็ได้ แม้จะเพิ่มกำหนดโทษเป็น 1 ปี 6 เดือนสูงกว่าศาลชั้นต้นก็ได้ เพราะไม่เป็นการเกินคำขอตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การที่ศาลพิพากษานอกเหนือคำขอ และอายุความที่ไม่ได้รับการยกขึ้นต่อสู้ในชั้นศาล
คู่ความฎีกาว่าศาลพิพากษาเกินจากคำขอของโจทก์ แต่มิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นศาลอุทธรณ์ในชั้นฎีกาแม้โจทก์จะอ้างว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ดี เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นในข้อนี้ ศาลฎีกาก็อาจเห็นว่าคดีไม่มีเหตุอันสมควรที่จะยกขึ้นวินิจฉัยแก้ไข คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ได้
เรื่องอายุความนั้น ถ้าหากมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ตั้งแต่ศาลชั้นต้นแล้ว ศาลจะอ้างเอามาเป็นเหตุยกฟ้องหาได้ไม่
เรื่องอายุความนั้น ถ้าหากมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ตั้งแต่ศาลชั้นต้นแล้ว ศาลจะอ้างเอามาเป็นเหตุยกฟ้องหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การที่ศาลพิพากษาเกินคำขอและอายุความที่ไม่ได้รับการยกขึ้นต่อสู้ในชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา
คู่ความฎีกาว่าศาลพิพากษาเกินจากคำขอของโจทก์แต่มิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นศาลอุทธรณ์ในชั้นฎีกาแม้โจทก์จะอ้างว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ดี เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นในข้อนี้ศาลฎีกาก็อาจเห็นว่าคดีไม่มีเหตุอันสมควรที่จะยกขึ้นวินิจฉัยแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ได้
เรื่องอายุความนั้น ถ้าหากมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ตั้งแต่ศาลชั้นต้นแล้วศาลจะอ้างเอามาเป็นเหตุยกฟ้องหาได้ไม่
เรื่องอายุความนั้น ถ้าหากมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ตั้งแต่ศาลชั้นต้นแล้วศาลจะอ้างเอามาเป็นเหตุยกฟ้องหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการลงโทษเกินคำขอในฟ้องอาญา: แม้ฟ้องขอลงโทษตามมาตราหนึ่ง แต่ศาลลงโทษตามมาตราอื่นที่อัตราโทษสูงกว่าได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายบาดเจ็บโดยเจตนาขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249,60 ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยทำร้ายร่างกายบาดเจ็บศาลก็ลงโทษจำเลยตามมาตรา 254 ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา192 วรรคท้าย ไม่เกินคำขอ (อ้างฎีกาที่ 971/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกตราจองที่ดิน: สิทธิในการครอบครองทำประโยชน์เป็นหลักเกณฑ์สำคัญ หากไม่มีสิทธิ ผู้ยื่นคำขอไม่อาจได้ตราจอง แม้ไม่มีการคัดค้าน
โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่า เจ้าพนักงานไม่ออกตราจองที่ดินให้โจทก์เพราะจำเลยไปร้องคัดค้านแต่ทางพิจารณาได้ความว่าเจ้าพนักงานไม่ออกตราจองให้โจทก์เพราะโจทก์ยังไม่เคยเข้าครอบครองที่ดินนั้นเลย จำเลยจะคัดค้านหรือไม่ก็ไม่อาจทำให้โจทก์ได้ตราจองตามขอได้ดังนี้ จำเลยจึงไม่ได้เป็นผู้ทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำขอของอัยการและผู้เสียหายในคดีอาญา: ศาลใช้ดุลพินิจลงโทษตามคำขอที่หนักกว่าได้
อัยการและผู้เสียหายต่างอุทธรณ์ด้วยกัน โดยผู้เสียหายขอให้ศาลอุทธรณ์อย่ารอการลงโทษแก่จำเลย อัยการขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษให้หนักขึ้น ดังนี้ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาตามคำขอของอัยการได้ ไม่เป็นการเกินคำขอ