พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการต่อสู้คดี: การนำสืบเกินคำให้การ และประเด็นที่มิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้น
คำให้การจำเลยว่า จำเลยไม่เคยทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทสัญญาเช่าซื้อจึงเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยส่งมอบรถยนต์และให้จำเลยชดใช้เงินที่จำเลยอ้างว่าได้ผ่อนส่งเป็นค่าเช่าซื้อรถยนต์จำนวน 192,000 บาท ดังนี้เป็นการปฏิเสธฟ้องโจทก์โดยไม่ชัดแจ้ง ไม่มีประเด็นข้อพิพาทในเรื่องค่าเช่าซื้อ โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่าโจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทจากจำเลยด้วยวาจา และโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อให้จำเลยรวมเป็นเงิน 192,000 บาทจำเลยให้การต่อสู้เพียงว่า โจทก์ไม่เคยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทเป็นหนังสือ การเช่าซื้อรถยนต์พิพาทจึงเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง การที่จำเลยนำสืบต่อสู้ว่าจำเลยให้โจทก์เช่ารถยนต์พิพาทเดือนละ 8,000 บาท จึงเป็นการนำสืบนอกเหนือคำให้การและนอกประเด็น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการนำสืบข้อเท็จจริงนอกคำให้การ และประเด็นที่มิได้ว่ากล่าวกันในศาลชั้นต้น
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากจำเลย และชำระค่าเช่าซื้อแล้ว 192,000 บาท จำเลยผิดสัญญา ขอให้บังคับจำเลย ส่งมอบ รถยนต์หรือคืนค่าเช่าซื้อ การที่จำเลยให้การว่า โจทก์จำเลย ไม่เคยทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ สัญญาเช่าซื้อเป็นโมฆะ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ให้ จำเลยส่งมอบรถยนต์และให้ใช้เงินที่อ้างว่า ได้ผ่อนส่งเป็นค่าเช่าซื้อ เป็นคำให้การที่ไม่ปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ ที่ว่าโจทก์ได้ชำระค่าเช่าซื้อให้แก่จำเลย จึงไม่มีประเด็นเรื่อง ค่าเช่าซื้อ และที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยให้โจทก์เช่ารถยนต์เดือนละ เท่าใด ก็เป็นการนำสืบนอกเหนือคำให้การและนอกประเด็น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4069/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยประเด็นนอกคำให้การและประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดไว้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากไม่ได้รับการฎีกาคัดค้าน
จำเลยให้การต่อสู้คดีแต่เพียงว่า จำเลยมิได้กู้ยืมเงินโจทก์ตามฟ้องและมิได้ทำสัญญากู้ยืมเงินให้โจทก์ไว้ สัญญากู้ยืมเงินที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นเอกสารปลอมจึงไม่มีประเด็นว่าจำเลยค้างชำระหนี้โจทก์อยู่เพียงใด ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นว่า จำเลยค้างชำระหนี้โจทก์อยู่เพียงใดไว้ การที่ศาลอุทธรณ์ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นวินิจฉัย จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความ แต่โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และผลคดีเป็นประโยชน์แก่จำเลยมากแล้ว ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อนี้ให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกไปยังถิ่นที่อยู่หลายแห่งของจำเลย และผลของการขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งและอยู่สับเปลี่ยนกันไป บ้านเลขที่ที่ระบุในคำฟ้องจึงเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งของจำเลย การที่พนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับหมายนัดสืบพยานโจทก์ไปส่งตามที่อยู่ของจำเลยในคำฟ้อง โดยมีภริยาของจำเลยเป็นผู้รับไว้แทน จึงถือได้ว่าส่งหมายให้แก่จำเลยโดยชอบแล้ว จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดและไม่ไปศาลในวันสืบพยานโจทก์ ถือได้ว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ จำเลยไม่อาจขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3904/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้อง, ประเด็นพิพาท, การสละข้อหา, อำนาจไกล่เกลี่ย, และการไม่จำเป็นต้องแก้ไขคำให้การ
โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องภายหลังยื่นคำฟ้อง ศาลแรงงานมีคำสั่งอนุญาต ในวันนัดพิจารณา ศาลแรงงานมีอำนาจไกล่เกลี่ยคู่ความให้ตกลงกันหรือประนีประนอมยอมความกัน และโจทก์แถลงสละข้อหาตามคำฟ้องเพิ่มเติมดังกล่าวในวันนี้ได้การที่ศาลแรงงานกำหนดประเด็นพิพาทแห่งคดีและมีคำสั่งให้โจทก์นำพยานเข้าสืบในวันเดียวกัน จึงชอบด้วยวิธีพิจารณาความแล้ว
เมื่อโจทก์ได้สละข้อหาตามคำฟ้องเพิ่มเติมไปแล้ว จำเลยจึงไม่จำต้องยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การในประเด็นดังกล่าวเข้ามาอีก เพราะไม่เป็นสาระแก่คดี
เมื่อโจทก์ได้สละข้อหาตามคำฟ้องเพิ่มเติมไปแล้ว จำเลยจึงไม่จำต้องยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การในประเด็นดังกล่าวเข้ามาอีก เพราะไม่เป็นสาระแก่คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3849/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ถือจงใจ ทำให้ไม่รับพิจารณาใหม่
ชั้นขอให้พิจารณาใหม่ จำเลยที่ 3 และที่ 10 ฎีกาเพียงว่าสัญญาค้ำประกันเป็นเอกสารปลอมนำมาเป็นมูลบังคับคดีกับจำเลยไม่ได้ โดยมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในเหตุขาดนัดแต่ประการใดเลย ฎีกาของจำเลย-ที่ 3 และที่ 10 จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องหรือหมายนัดสืบพยาน-โจทก์เป็นไปโดยชอบแล้ว จำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด และไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยอ้างเพียงว่าผู้รับไว้แทนทำหาย หรือมีอาชีพขับรถรับจ้างไม่ค่อยอยู่บ้านเท่านั้น พฤติการณ์ถือได้ว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จึงไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่
เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องหรือหมายนัดสืบพยาน-โจทก์เป็นไปโดยชอบแล้ว จำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด และไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยอ้างเพียงว่าผู้รับไว้แทนทำหาย หรือมีอาชีพขับรถรับจ้างไม่ค่อยอยู่บ้านเท่านั้น พฤติการณ์ถือได้ว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จึงไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3849/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การและไม่ไปศาล ศาลถือว่าจงใจขาดนัด แม้จะมีเหตุทำเอกสารหาย
ชั้นขอให้พิจารณาใหม่ จำเลยที่ 3 และที่ 10 ฎีกาเพียงว่าสัญญาค้ำประกันเป็นเอกสารปลอมนำมาเป็นมูลบังคับคดีกับจำเลยไม่ได้โดยมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในเหตุขาดนัดแต่ประการใดเลย ฎีกาของจำเลยที่ 3 และที่ 10 จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องหรือหมายนัดสืบพยานโจทก์เป็นไปโดยชอบแล้ว จำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนดและไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยอ้างเพียงว่าผู้รับไว้แทนทำหาย หรือมีอาชีพขับรถรับจ้างไม่ค่อยอยู่บ้านเท่านั้นพฤติการณ์ถือได้ว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาจึงไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3632/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การในชั้นสอบสวนที่ไม่ต้องปรึกษาทนาย: ศาลรับฟังได้ตามกฎหมาย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 เป็นบทบัญญัติที่ใช้ในชั้นที่จำเลยถูกฟ้องต่อศาลแล้ว ไม่ใช้ในชั้นสอบสวนคำให้การผู้ต้องหา ทั้งมาตรา 134 และ 135 ก็มิได้บัญญัติว่าการบันทึกคำให้การผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนจะต้องให้โอกาสผู้ต้องหาได้ปรึกษากับทนายความก่อน จึงจะสมบูรณ์รับฟังเป็นพยานหลักฐานยันผู้ต้องหาในการพิจารณาคดีของศาลได้ ดังนั้น ศาลจึงรับฟังคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นที่ถูกกล่าวหาได้ แม้จำเลยจะไม่มีโอกาสได้ปรึกษากับทนายความก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3345/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกคำให้การ, ความหมายของการครอบครองตาม พ.ร.บ.ป่าไม้, และการกระทำความผิดหลายกรรม
ฎีกาว่าศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกเหนือจากคำให้การของพยานและเสริมแต่งข้อสันนิษฐานพยานหลักฐานให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยโดยไม่ได้บรรยายว่านอกเหนือจากคำให้การของพยานในข้อไหนอย่างไร และได้เสริมแต่งให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยอย่างไรเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งทั้งเป็นฎีกาเพื่อให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงแตกต่างไปจากศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 "การครอบครอง" ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 หาได้มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า "สิทธิครอบครอง" ตาม ป.พ.พ.ไม่ แต่มีความหมายกว้างกว่าโดยหมายความรวมถึงครอบครองเพื่อตนและครอบครองแทนผู้อื่นด้วย ทั้งนี้เพราะไม่มีบทกฎหมายใดจำกัดว่าต้องเป็นการครอบครองเพื่อตนเองเท่านั้น การตัดไม้หวงห้ามและมีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองในคดีก่อนเป็นการกระทำต่างสถานที่กับคดีนี้ และไม้คนละจำนวนกัน จึงเป็นการกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2674/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การหลังพ้นกำหนด แม้มีเหตุผลเรื่องวันรับหมายเรียกที่ไม่ถูกต้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 ซึ่งข้อความในมาตราดังกล่าวมิได้บัญญัติไว้ว่า ศาลจะออกคำสั่งตามคำขอได้ต้องทำการไต่สวนก่อน ดังนั้นจึงเป็นอำนาจของศาลที่จะไต่สวนก่อนออกคำสั่งหรือไม่ตามที่ศาลเห็นสมควรและตามคำร้องของจำเลยได้บรรยายความไว้ว่าภริยาจำเลยเป็นผู้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ในวันที่ 19พฤษภาคม 2531 แต่ได้แจ้งแก่จำเลยว่าได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในวันที่ 20 พฤษภาคม 2531 จำเลยจึงรับทราบวันที่รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องคลาดเคลื่อน โดยตามคำร้องของจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านหรือให้เหตุผลว่าเจ้าพนักงานศาลส่งหมายแก่จำเลยขัดต่อความเป็นจริงหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใด เมื่อข้อเท็จจริงที่ได้จากคำร้องของจำเลยชัดแจ้งพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยก่อนออกคำสั่ง