พบผลลัพธ์ทั้งหมด 299 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514-1515/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการให้โดยเสน่หาจากเหตุประพฤติเนรคุณและการฉ้อฉลของผู้รับ
ผู้ให้ซึ่งเป็นมารดาผู้รับพูดกับผู้รับว่า อย่าขายที่นาพิพาทเลย ผู้รับกลับเถียงว่านาของกู จะขาย จะทำไม มึงยกให้กูแล้ว อีแม่หมาๆ อีดอกทอง เมื่อไหร่มึงจะตาย ดังนี้ถือได้ว่าผู้รับได้ประพฤติเนรคุณ โดยหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้ผู้ให้มีสิทธิเรียกถอนคืนการให้จากผู้รับได้แล้ว
การเพิกถอนการให้ด้วยเหตุประพฤติเนรคุณนั้น ผู้ให้ชอบที่จะเรียกถอนการให้ได้นับแต่วันทราบเหตุเนรคุณ ภายในกำหนดอายุความตามมาตรา 533 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หากผู้รับได้โอนกรรมสิทธิ์ ที่นาพิพาทให้บุคคลอื่นซึ่งได้รับโอนโดยไม่สุจริต ผู้ให้มีสิทธิขอเพิกถอนนิติกรรมอันเกิดจากการฉ้อฉลนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา237 โดยถือว่าผู้ให้อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้และเป็นฝ่ายต้องเสียเปรียบจากการที่ผู้รับผู้เป็นลูกหนี้ทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่นาพิพาทนั้นไป
การเพิกถอนการให้ด้วยเหตุประพฤติเนรคุณนั้น ผู้ให้ชอบที่จะเรียกถอนการให้ได้นับแต่วันทราบเหตุเนรคุณ ภายในกำหนดอายุความตามมาตรา 533 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หากผู้รับได้โอนกรรมสิทธิ์ ที่นาพิพาทให้บุคคลอื่นซึ่งได้รับโอนโดยไม่สุจริต ผู้ให้มีสิทธิขอเพิกถอนนิติกรรมอันเกิดจากการฉ้อฉลนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา237 โดยถือว่าผู้ให้อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้และเป็นฝ่ายต้องเสียเปรียบจากการที่ผู้รับผู้เป็นลูกหนี้ทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่นาพิพาทนั้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายทำสัญญาประนีประนอมยอมความและการฉ้อฉล: ข้อจำกัดในการอุทธรณ์ตามมาตรา 138
โจทก์ตั้งให้ทนายโจทก์มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยได้ และทนายโจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลย ศาลได้พิพากษาไปตามยอมแล้ว คำพิพากษานั้นย่อมผูกมัดโจทก์ไม่ให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 138 เว้นแต่กรณีจะต้องด้วยข้อยกเว้นตามมาตรา138(1)เมื่อมีข้อกล่าวอ้างว่าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฉ้อฉล
ขณะทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ทนายโจทก์ย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจเกี่ยวกับข้อความและจำนวนเงินที่จะตกลงกับจำเลยได้เต็มที่และเมื่อได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว จะมาอ้างว่าจำเลยบอกเล่ากับทนายโจทก์ไม่ตรงความจริงเป็นการฉ้อฉลทนายโจทก์หาได้ไม่
ขณะทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ทนายโจทก์ย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจเกี่ยวกับข้อความและจำนวนเงินที่จะตกลงกับจำเลยได้เต็มที่และเมื่อได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว จะมาอ้างว่าจำเลยบอกเล่ากับทนายโจทก์ไม่ตรงความจริงเป็นการฉ้อฉลทนายโจทก์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และข้อยกเว้นการห้ามอุทธรณ์กรณีฉ้อฉล
โจทก์ตั้งให้ทนายโจทก์มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยได้ และทนายโจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลย ศาลได้พิพากษาไปตามยอมแล้ว คำพิพากษานั้นย่อมผูกมัดโจทก์ไม่ให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 138 เว้นแต่กรณีจะต้องด้วยข้อยกเว้นตามมาตรา138(1) เมื่อมีข้อกล่าวอ้างว่าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฉ้อฉล
ขณะทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ทนายโจทก์ย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจเกี่ยวกับข้อความและจำนวนเงินที่จะตกลงกับจำเลยได้เต็มที่ และเมื่อได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว จะมาอ้างว่าจำเลยบอกเล่ากับทนายโจทก์ไม่ตรงความจริงเป็นการฉ้อฉลทนายโจทก์หาได้ไม่
ขณะทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ทนายโจทก์ย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจเกี่ยวกับข้อความและจำนวนเงินที่จะตกลงกับจำเลยได้เต็มที่ และเมื่อได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว จะมาอ้างว่าจำเลยบอกเล่ากับทนายโจทก์ไม่ตรงความจริงเป็นการฉ้อฉลทนายโจทก์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิไถ่คืนการขายฝาก & เพิกถอนนิติกรรมฉ้อฉล: ผู้ขายใช้สิทธิไถ่ได้แม้จำเลยไม่ไปตามนัด และจำเลยที่ 1 ฉ้อฉลด้วยการโอนให้ภริยา
ก่อนครบกำหนดไถ่คืนการขายฝาก ผู้ขายได้ติดต่อขอไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากคืนจากผู้ซื้อและนัดวันที่จะไปจดทะเบียนไถ่ถอนกันแล้ว แต่ผู้ซื้อไม่ไปตามนัด หลังจากนั้นผู้ขายได้พยายามติดต่อกับผู้ซื้ออีก แต่ไม่สามารถติดต่อได้ผู้ขายจึงไปยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินไว้เป็นหลักฐานว่าผู้ขายพร้อมแล้วที่จะไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากคืนภายในกำหนดดังนี้ ถือได้ว่าผู้ขายได้ใช้สิทธิไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากคืนภายในกำหนดแล้วโดยชอบ ผู้ซื้อมีหน้าที่ต้องรับไถ่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 899/2495)
ผู้ซื้อนำทรัพย์ที่รับขายฝากไปโอนให้แก่ภริยาโดยเสน่หาทั้งๆ ที่ผู้ซื้อรู้อยู่ว่าผู้ขายยังมีสิทธิไถ่คืน ดังนี้ เป็นการฉ้อฉลอันทำให้ผู้ขายเสียเปรียบ ผู้ขายชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการโอนให้นั้นเสียได้
ผู้ซื้อนำทรัพย์ที่รับขายฝากไปโอนให้แก่ภริยาโดยเสน่หาทั้งๆ ที่ผู้ซื้อรู้อยู่ว่าผู้ขายยังมีสิทธิไถ่คืน ดังนี้ เป็นการฉ้อฉลอันทำให้ผู้ขายเสียเปรียบ ผู้ขายชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการโอนให้นั้นเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้เรื่องการโอนเช็คโดยเจตนาทุจริตและการสมคบคิดฉ้อฉล ผู้รับโอนมีอำนาจฟ้องหรือไม่
จำเลยให้การว่าออกเช็คให้ผู้อื่นเพื่อไปซื้อของให้จำเลย แล้วผู้นั้นพาเช็คหลบหนีไป ต่อมาโจทก์ได้รับเช็คดังกล่าวจากผู้พาเช็คหลบหนีไปโดยสมคบกันเพื่อมาเรียกร้องเอาเงินจากจำเลย ด้วยเจตนาทุจริตและปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ ถือได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับเช็ครายพิพาทจากผู้ที่พาเช็คหลบหนีไป โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยฉะนั้นจำเลยชอบที่จะนำพยานสืบปฏิเสธความรับผิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ว่าผู้รับเช็คสมคบกันฉ้อฉล จำเลยมีสิทธิสืบพยานเพื่อปฏิเสธความรับผิด
จำเลยให้การว่าออกเช็คให้ผู้อื่นเพื่อไปซื้อของให้จำเลยแล้วผู้นั้นพาเช็คหลบหนีไป ต่อมาโจทก์ได้รับเช็คดังกล่าวจากผู้พาเช็คหลบหนีไปโดยสมคบกันเพื่อมาเรียกร้องเอาเงินจากจำเลย ด้วยเจตนาทุจริตและปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ ถือได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับเช็ครายพิพาทจากผู้ที่พาเช็คหลบหนีไป โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยฉะนั้นจำเลยชอบที่จะนำพยานสืบปฏิเสธความรับผิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คโดยฉ้อฉลและการยืมมือฟ้อง ผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด
ผู้สั่งจ่ายเช็คจะต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนหาได้ไม่เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล
จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ทรงคนก่อนเพื่อเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญา เมื่อผู้ทรงคนก่อนยังไม่ปฏิบัติตามสัญญา และจำเลยสั่งห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็ค ผู้ทรงคนก่อนจึงสลักหลังโอนเช็คให้โจทก์มาฟ้อง เป็นการยืมมือโจทก์ฟ้อง ดังนี้ ย่อมถือว่าคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด
จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ทรงคนก่อนเพื่อเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญา เมื่อผู้ทรงคนก่อนยังไม่ปฏิบัติตามสัญญา และจำเลยสั่งห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็ค ผู้ทรงคนก่อนจึงสลักหลังโอนเช็คให้โจทก์มาฟ้อง เป็นการยืมมือโจทก์ฟ้อง ดังนี้ ย่อมถือว่าคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คโดยเจตนาฉ้อฉลและการยืมมือฟ้อง ผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด
ผู้สั่งจ่ายเช็คจะต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนหาได้ไม่.เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล.
จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ทรงคนก่อนเพื่อเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญา. เมื่อผู้ทรงคนก่อนยังไม่ปฏิบัติตามสัญญา. และจำเลยสั่งห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็ค. ผู้ทรงคนก่อนจึงสลักหลังโอนเช็คให้โจทก์มาฟ้อง. เป็นการยืมมือโจทก์ฟ้อง. ดังนี้ ย่อมถือว่าคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด.
จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ทรงคนก่อนเพื่อเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญา. เมื่อผู้ทรงคนก่อนยังไม่ปฏิบัติตามสัญญา. และจำเลยสั่งห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็ค. ผู้ทรงคนก่อนจึงสลักหลังโอนเช็คให้โจทก์มาฟ้อง. เป็นการยืมมือโจทก์ฟ้อง. ดังนี้ ย่อมถือว่าคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฉ้อฉลเจ้าหนี้โดยการโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงชำระหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์สินได้
หลังจากที่ศาลพิพากษาให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ให้โจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีทรัพย์สินอื่นอีก ดังนี้ การที่จำเลยซื้อที่พิพาทแล้วยกให้ผู้ร้องจึงเป็นการกระทำที่จำเลยผู้เป็นลูกหนี้โจทก์กระทำลงโดยรู้ว่าเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบเป็นการฉ้อฉลโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 โจทก์มีสิทธินำยึดที่พิพาทมาบังคับคดีชำระหนี้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฉ้อฉลเจ้าหนี้หลังมีคำพิพากษา: การยึดที่ดินเพื่อบังคับชำระหนี้
หลังจากที่ศาลพิพากษาให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ให้โจทก์.ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีทรัพย์สินอื่นอีก. ดังนี้ การที่จำเลยซื้อที่พิพาทแล้วยกให้ผู้ร้อง. จึงเป็นการกระทำที่จำเลยผู้เป็นลูกหนี้โจทก์กระทำลงโดยรู้ว่าเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ. เป็นการฉ้อฉลโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237. โจทก์มีสิทธินำยึดที่พิพาทมาบังคับคดีชำระหนี้แก่โจทก์.