คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ชอบด้วยกฎหมาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 507 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 477/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียก ณ ภูมิลำเนาที่เปลี่ยนแปลง การส่งทางประกาศชอบด้วยกฎหมายเมื่อไม่สามารถส่งตามภูมิลำเนาเดิมได้
โจทก์ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยตามภูมิลำเนาในคำฟ้องตามที่จำเลยระบุไว้ในสัญญากู้เงิน แต่การส่ง ณสถานที่ดังกล่าวไม่อาจกระทำได้เพราะจำเลยย้ายภูมิลำเนาและโจทก์ไม่อาจค้นหาภูมิลำเนาใหม่ได้ เพราะไม่ปรากฎว่าจำเลยได้แจ้งย้ายเข้าและย้ายออกจากบ้านที่แจ้งไว้โดยทางทะเบียนจึงเป็นกรณีที่ไม่อาจส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยได้ การที่ศาลมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตลอดจนแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลย โดยวิธีประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ตามที่โจทก์ขอ จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4352/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายนัดพิจารณาคดีผ่านทนาย แม้จำเลยขัดแย้งกับทนาย ก็ยังถือเป็นการส่งโดยชอบ
เจ้าหน้าที่ศาลส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่ทนายจำเลยโดยชอบแล้วจำเลยจะอ้างเหตุว่าจำเลยขัดแย้งในการดำเนินคดีกับทนายจำเลย และทนายจำเลยไม่ได้แจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยทราบ ขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่โดยที่จำเลยมิได้จำกัดอำนาจของทนายหรือถอนทนายจำเลยในขณะเกิดเหตุขัดแย้งกัน คงปล่อยให้ทนายจำเลยทำหน้าที่ทนายต่อไปย่อมไม่อาจรับฟังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3766/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกที่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้จำเลยไม่ได้อยู่ที่ภูมิลำเนา แต่ทราบที่อยู่ปัจจุบัน
ขณะที่โจทก์นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องส่งให้แก่จำเลยณ ภูมิลำเนาตามหลักฐานทางทะเบียน โจทก์ทราบดีว่าจำเลยพักอยู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งแม้จะมิใช่ภูมิลำเนาทางทะเบียน แต่ถือได้ว่าเป็นสำนักทำการงานของจำเลยได้ การที่โจทก์แถลงต่อศาลชั้นต้นว่าไม่ทราบว่าจำเลยอยู่ ณ ที่ใดในราชอาณาจักร ขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทราบโดยวิธีประกาศทางหนังสือพิมพ์จึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3475/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมายจากผู้มีภาวะวิกลจริตที่คุกคาม
ขณะที่จำเลยกับ ส. บุตรของจำเลยนั่งรับประทานอาหารอยู่ในครัวของจำเลย ผู้เสียหายซึ่งอยู่ในภาวะของโรคจิตมีอาการคลุ้มคลั่งจะทำร้ายผู้อื่น ได้บุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านของจำเลยเรียก ส.ออกมาพูดและกล่าวหาว่า ส. ลักน้ำมันของผู้เสียหายไป เมื่อ ส. ปฏิเสธ ผู้เสียหายก็ควักปืนสั้นออกมายิง 1 นัด จากนั้นผู้เสียหายยังถือปืนและมีดบุกรุกขึ้นไปบนบ้านจำเลยด้วยกิริยาอาการขู่เข็ญคุกคามจะยิงจำเลยและบุตรของจำเลยซึ่งในภาวะเช่นนั้นจำเลยย่อมเข้าใจว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นคนวิกลจริตอาจยิงทำร้ายจำเลยภริยาและบุตรของจำเลยได้ การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายไป6 นัด โดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายล้มลงหรือหยุดการคุกคามเมื่อใดและผู้เสียหายยังสามารถหลบหนีออกไปจากบ้านของจำเลยได้เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำไปเพื่อป้องกันตน และเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3475/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมายในกรณีผู้ป่วยจิตเวชบุกรุกทำร้ายด้วยอาวุธ
จำเลยกับบุตรนั่งรับประทานอาหารเข้าอยู่ในครัว ผู้เสียหายซึ่งอยู่ในภาวะของโรคจิตมีอาการคลุ้มคลั่งจะทำร้ายผู้อื่นได้บุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านของจำเลย เรียกบุตรของจำเลยออกมาพูดและกล่าวหาว่าบุตรของจำเลยลักน้ำมันของผู้เสียหายไปซึ่งบุตรของจำเลยปฏิเสธ ผู้เสียหายก็ควักปืนสั้นออกมายิงขึ้น 1 นัดและยังถือปืนกับมีดบุกรุกขึ้นไปบนบ้านของจำเลยด้วยกิริยาอาการขู่เข็ญคุกคามจะยิงจำเลยและบุตรของจำเลยซึ่งในภาวะเช่นนั้นจำเลยย่อมเข้าใจว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นคนวิกลจริตอาจยิงทำร้ายจำเลยภริยา และบุตรของจำเลยได้ การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายไป 6 นัด โดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายล้มลงหรือหยุดการคุกคามเมื่อใดและผู้เสียหายยังสามารถหลบหนีออกไปจากบ้านของจำเลยได้เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำไปเพื่อป้องกันตน และเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุจำเลยจึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3004/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายศาลที่ถูกต้อง การส่งหมายปิดหน้าสำนักงานเมื่อผู้รับไม่ยอมรับถือว่าชอบแล้ว
บริษัทจำเลยที่ 2 มีสำนักงานตั้งอยู่ที่ตึกแถวชั้นที่สองตึกแถวชั้นล่างเป็นสำนักงานของอีกบริษัทหนึ่งซึ่งมี ช. เป็นกรรมการของบริษัททั้งสอง เมื่อบริษัททั้งสองถูกฟ้อง เจ้าหน้าที่ศาลจะนำหมายศาลไปปิดไว้ที่ประตูบริษัทชั้นล่าง สำนักงานบริษัททั้งสองตามที่ได้จดทะเบียนต่อ กระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้แบ่งแยกออกจากกันให้เป็นสัดส่วน ป้ายแสดงชื่อสำนักงานบริษัททั้งสองต่างอยู่บริเวณประตูทางเข้าสำนักงาน เช่นนี้ การที่โจทก์นำหมายนัดไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาพร้อมสำเนาคำฟ้อง หมายเรียก หมายนัดสืบพยานโจทก์ส่งให้บริษัทจำเลยที่ 2 โดยการปิดหมายที่หน้าประตูสำนักงานชั้นล่าง เนื่องจากคนในสำนักงานไม่ยอมรับหมาย อ้างว่าผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 2 ไม่อยู่ จึงเป็นการส่งหมายนัดไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถา สำเนาคำฟ้อง หมายเรียก และหมายนัดสืบพยานโจทก์แก่จำเลยที่ 2 โดยชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่จะอ้างได้ว่าจำเลยที่ 2 เพิ่งทราบว่าถูกฟ้องคดีนี้เมื่อรับคำบังคับอันจะให้จำเลยที่ 2 ขอพิจารณาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2893/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการนัดหยุดงานของสมาชิกสหภาพแรงงาน การประกาศของนายจ้างมิอาจลบล้างสิทธิได้
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ กำหนดลำดับขั้นตอนนำไปสู่การนัดหยุดงานได้โดยชอบตามมาตรา 22 วรรคท้าย โดยเริ่มจากการที่นายจ้างหรือลูกจ้างแจ้งข้อเรียกร้องให้อีกฝ่ายหนึ่งเพื่อกำหนดหรือแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเสียก่อน แต่การแจ้งข้อเรียกร้องดังกล่าวหาต้องกระทำด้วยตนเองเสนอไปไม่ อาจให้สมาคมนายจ้างหรือสหภาพแรงงานแล้วแต่กรณีดำเนินการแทนสมาชิกได้ ทั้งมีอำนาจดำเนินการตามขั้นตอนต่อจากนั้นแทนผู้เป็นสมาชิกต่อไปหลังจากนั้นผู้เป็นสมาชิกก็สามารถปิดงานหรือนัดหยุดงานตามแต่กรณีไปโดยชอบ ดังนี้เมื่อสหภาพแรงงานที่โจทก์ทั้งเก้าเป็นสมาชิก ได้แจ้งนัดหยุดงานตามขั้นตอนโดยชอบดังกล่าวแล้ว ถือได้ว่าเป็นการแจ้งนัดหยุดงานแทนสมาชิกด้วย โจทก์ทั้งเก้าจึงไม่ต้องแจ้งนัดหยุดงานต่อจำเลยอีก ส่วนการหยุดงานนั้นมีบทบัญญัติ มาตรา 99 อนุญาตให้สหภาพแรงงานชักชวนสนับสนุนลูกจ้างซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพเข้าร่วมหยุดงานเพิ่มขึ้นภายหลังได้อีก ฉะนั้น การหยุดงานจึงหาจำต้องเข้าสมทบหยุดงานพร้อมกันตั้งแต่เริ่มต้นไม่ ดังนี้ เมื่อโจทก์ทั้งเก้าซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานเข้าร่วมหยุดงานภายหลังที่สหภาพแรงงานได้นัดหยุดงานไปก่อนแล้ว จึงชอบด้วยกฎหมาย มิใช่เป็นการละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุสมควรตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องคดีแรงงานด้วยวาจาชอบด้วยกฎหมายหากจำเลยทราบและคัดค้าน
คดีแรงงานมีลักษณะพิเศษแตกต่างกับคดีแพ่งธรรมดา การดำเนินคดีจะต้องเป็นไปโดยสะดวก ประหยัดและรวดเร็ว ฉะนั้นการที่โจทก์ขอถอนฟ้องโดยแถลงขอถอนฟ้องด้วยวาจาต่อศาล แม้จะเป็นเวลาภายหลังที่จำเลยยื่นคำให้การแล้วก็ตาม แต่จำเลยก็ได้ทราบและได้แถลงคัดค้านต่อศาลแล้ว ซึ่งตรงตามความมุ่งหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 วรรคสอง(1) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานมาตรา 31 ศาลแรงงานย่อมมีอำนาจอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2616/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจออกประกาศกรมไปรษณีย์โทรเลขในการกำหนดเงื่อนไขต่อใบอนุญาตวิทยุคมนาคม ชอบด้วยกฎหมายและไม่ขัดกับ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม
พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มาตรา 11 กำหนดให้อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจควบคุมและกำหนดการใช้ความถี่ คลื่นของสถานีวิทยุคมนาคมต่าง ๆดังนั้น การที่มีประกาศของกรมไปรษณีย์โทรเลข ฉบับลงวันที่ 21กุมภาพันธ์ 2527 กำหนดให้ผู้ยื่นขอต่อใบอนุญาตให้มี ใช้เครื่องวิทยุคมนาคม และตั้งสถานีวิทยุคมนาคม ประจำปี พ.ศ. 2528ทำการแก้ไขเครื่องรับ-ส่งวิทยุให้มีกำลังส่งไม่เกิน 10 วัตต์ หรือความถี่ไม่เกินย่าน144-146เมกะเฮิรตซ์ โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงนามและระบุตำแหน่งไว้ท้ายประกาศด้วยว่า"อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข" จึงถือได้ว่าประกาศฉบับดังกล่าวเป็นประกาศของอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขผู้มีอำนาจแล้ว และเป็นประกาศที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ขัดกับมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อยับยั้งการทำร้ายในบ้าน
โจทก์ร่วมถือไม้เป็นอาวุธไปที่บ้านจำเลยพร้อมกับ ส. และร้องท้าทายจำเลยออกมาตีกัน โจทก์ร่วมเดินเข้าหาจำเลย จำเลยตกใจเกรงว่าโจทก์ร่วมจะเข้ามาทำร้ายจึงวิ่งไปเอาอาวุธปืนสั้นของสามีที่เก็บไว้ที่หัวนอนแล้วยิงไปที่ขาโจทก์ร่วม 3 นัด โดยเจตนาทำร้ายโจทก์ร่วม เมื่อยิงถูกขาโจทก์ร่วม 1 นัดจำเลยก็ไม่ยิงต่อไป การยิงของจำเลยดังกล่าวเพียงเพื่อยับยั้งมิให้โจทก์ร่วมเข้ามาทำร้ายจำเลยในบ้านเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยหยิบอาวุธปืนของสามีจำเลยซึ่งสามีจำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้จากนายทะเบียนแล้ว มาใช้ป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น ไม่ถือว่าจำเลยมีเจตนาครอบครองอาวุธปืนดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต.(ที่มา-ส่งเสริม)
of 51