พบผลลัพธ์ทั้งหมด 490 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 189/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีมรดกและการครอบครองทรัพย์มรดกแทนทายาทอื่น ศาลตัดสินว่าฟ้องเกินอายุความ
การครอบครองทรัพย์มรดกจะเป็นการครอบครองแทนทายาทคนอื่นด้วยหรือไม่ ย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในแต่ละคดีว่า พฤติการณ์ใดบ้างที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยครอบครองทรัพย์มรดก แทนทายาทอื่นหรือครอบครองเพื่อตนเอง เพราะไม่มีกฎหมาย สนับสนุนว่าใครครอบครองทรัพย์มรดกแล้วถือว่าครอบครองแทนทายาท อื่น เมื่อเจ้ามรดกตายตั้งแต่ปี 2525 โจทก์มาฟ้องเมื่อปี 2530 เกิน 1 ปี คดีโจทก์ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5472/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนผู้จัดการมรดก เหตุผู้ร้องไม่มีสิทธิ/ส่วนได้เสียในทรัพย์มรดก
มาตรา 1727 วรรคแรก บัญญัติให้ผู้มีส่วนได้เสียร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดกได้โดยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งใน 2 กรณีคือ กรณีแรกเพราะเหตุผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำการตามหน้าที่กรณีที่สองเพราะเหตุอย่างอื่นที่สมควร กรณีที่สองนี้มิได้จำกัดว่าจะต้องเป็นการกระทำโดยมิชอบอย่างใดอย่างหนึ่งในการทำหน้าที่ผู้จัดการมรดก แต่หมายความรวมถึงเหตุอื่นใดก็ได้ที่ทำให้ผู้จัดการมรดกไม่ควรเป็นผู้จัดการมรดกต่อไป เช่น การเป็นผู้ไม่มีสิทธิขอเป็นผู้จัดการมรดก หรือการขาดคุณสมบัติของผู้ขอเป็นผู้จัดการมรดกเป็นต้น ซึ่งเหตุเช่นว่านี้อาจมีอยู่แล้วในขณะที่ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกหากแต่ในขณะนั้นยังไม่ปรากฏต่อศาลก็ได้ แม้ผู้คัดค้านจะมิได้อ้างในคำร้องคัดค้านว่าผู้ร้องละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ผู้จัดการมรดกก็ตาม แต่ก็อ้างเป็นใจความว่าผู้ร้องมิได้เป็นผู้มีสิทธิหรือผู้มีส่วนได้เสียอันจะมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเพราะไม่มีทรัพย์มรดกที่จะต้องจัดการเนื่องจากทรัพย์มรดกคือที่ดิน 1 แปลงตามที่ระบุในคำร้องของผู้ร้องนั้นเป็นของผู้คัดค้านทั้งสอง อันเป็นเหตุอย่างอื่นที่ทำให้ผู้ร้องไม่ควรเป็นผู้จัดการมรดกต่อไป การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องคัดค้านว่าไม่ใช่เรื่องขอให้เพิกถอนเพราะผู้จัดการมรดกทำผิดหน้าที่จึงไม่ชอบ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะรับ คำร้อง ของ ผู้คัดค้านทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 342/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้จัดการมรดก, การจัดการทรัพย์มรดก, และสิทธิในการถอนผู้จัดการมรดก
ผู้ที่จะมาเป็นผู้จัดการมรดกได้นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสีย เพียงไม่เป็นบุคคลซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 แล้วก็อาจถูกร้องขอต่อศาลให้ตั้งเป็นผู้จัดการมรดกได้ เมื่อผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว ผู้ร้องก็มีอำนาจกระทำการอันจำเป็นเพื่อจัดการมรดกซึ่งได้แก่การรวบรวมทรัพย์มรดกแล้วดำเนินการแบ่งปันให้ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกต่อไป ในกรณีที่มีผู้จัดการมรดกหลายคน การทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกต้องร่วมกันจัดการและถือเอาเสียงข้างมาก จะจัดการโดยลำพังไม่ได้หากผู้คัดค้านทั้งสองซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำการตามหน้าที่หรือมีเหตุให้ถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดก ผู้ร้องก็มีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งถอนผู้คัดค้านทั้งสองออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ และหากมีเหตุอันเกิดจากฝ่ายผู้ร้องในทำนองเดียวกันผู้คัดค้านทั้งสองก็มีสิทธิดังกล่าวเช่นเดียวกันกับผู้ร้อง การที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานผู้ร้องภายหลังที่ผู้ร้องสืบพยานได้เพียง 2 ปาก ข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานของผู้ร้องและผู้คัดค้านทั้งสองจึงยังฟังไม่ได้ว่ามีเหตุต้องถอนฝ่ายใดจากการเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ศาลชั้นต้นจึงไม่ควรด่วนสั่งงดสืบพยานดังกล่าวควรสืบพยานต่อไปให้เสร็จสิ้นกระแสความแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3394/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าเป็นทรัพย์มรดก เงินจากการขายต้องนำมาแบ่งตามสัญญาประนีประนอม
โจทก์จำเลยรับกันว่า สิทธิการเช่าตึกแถวจำนวน 3 ห้อง เป็นทรัพย์มรดกโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความตกลงแบ่งทรัพย์มรดกดังกล่าว แม้กรรมสิทธิ์ในตึกแถวเป็นของวัดมิใช่ของโจทก์จำเลย ต่อมาเมื่อมีการโอนขายสิทธิการเช่าตึกแถวนั้นให้แก่บุคคลภายนอกได้รับเงินค่าตอบแทน เงินนั้นเป็นทรัพย์มรดกที่จะต้องนำมาแบ่งตามสัญญาประนีประนอมยอมความต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2673/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในทรัพย์มรดก: การครอบครองร่วมและอายุความ - กรณีครอบครัวมีส่วนได้เสียร่วมกัน
ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ข้อหนึ่งของจำเลย เพราะเหตุเป็นข้อที่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ในศาลชั้นต้น จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น ดังนี้ คำสั่งศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ.มาตรา 236 วรรคแรก จำเลยจะยกประเด็นดังกล่าวขึ้นฎีกาอีกหาได้ไม่ โจทก์ครอบครองที่ดินและบ้านพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกร่วมกับก. และทายาทอื่น โดยทรัพย์มรดกดังกล่าวยังมิได้มีการแบ่งปันกันจึงมีสิทธิฟ้องขอแบ่งมรดกซึ่งตนจะได้รับในส่วนที่เป็นมรดกของ ห.ได้ กรณีเช่นนี้จะนำอายุความมรดกตามป.พ.พ. มาตรา 1754 มาใช้บังคับไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2621/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนและแต่งตั้งผู้จัดการมรดก, สิทธิหน้าที่ของผู้จัดการมรดก, และการส่งมอบเอกสารบัญชีทรัพย์มรดก
สิทธิในการดำเนินคดีทางศาลเป็นสิทธิโดยชอบของบุคคลตามกฎหมายในเมื่อสิทธิของตนถูกโต้แย้งหรือมีกรณีจะต้องใช้สิทธิทางศาลการที่พินัยกรรมมีข้อกำหนดห้ามทายาทผู้ได้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมฟ้องคดีต่อศาลเกี่ยวกับทรัพย์ตามพินัยกรรม มิฉะนั้นให้ถือว่าผู้นั้นถูกตัดออกจากกองทรัพย์สินนั้น เช่นนี้ ข้อกำหนดในพินัยกรรมดังกล่าวจึงไม่มีผลบังคับ การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจึงไม่เป็นการกระทำที่ต้องถูกตัดมิให้รับมรดก การฟ้องขอถอนผู้จัดการมรดกและขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกใหม่นั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 มิได้กำหนดไว้โดยเฉพาะว่าจะต้องร้องเข้ามาในคดีเดิม ดังนั้น โจทก์จึงอาจฟ้องเป็นคดีใหม่หรือร้องเข้ามาในคดีเดิมก็ได้ จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล จึงมีหน้าที่จะต้องดำเนินการแบ่งปันทรัพย์มรดกแก่ทายาท แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปี ยังไม่มีการแบ่งปันมรดกให้ทายาทเลย อีกทั้งยังได้จำหน่ายทรัพย์มรดกบางส่วนไปโดยมิได้ประชุมปรึกษาทายาท รวมทั้งไม่มีบัญชีแสดงให้ทายาททราบถึงการที่ได้จัดการไป และหลังจากที่ได้เป็นผู้จัดการมรดกแล้วถึง 4 ปีเศษจึงได้ยื่นบัญชีทรัพย์มรดก แสดงว่าจำเลยไม่นำพาต่อหน้าที่ของผู้จัดการมรดกตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1729 และ 1732 จึงมีเหตุสมควรที่จะเพิกถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดก จำเลยมิใช่ทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกตามพินัยกรรม จึงมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียข้อคัดค้านของจำเลยที่จะไม่ให้ผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดกจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง เจ้ามรดกทำพินัยกรรมระบุให้โจทก์ทั้งสองและผู้ร้องสอดทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน เมื่อโจทก์ที่ 1 ถอนฟ้อง ส่วนผู้ร้องสอดที่ 1 ถูกโต้แย้งว่า ได้นำทรัพย์มรดกส่วนหนึ่งไปจำหน่าย ถือได้ว่าผู้ร้องสอดที่ 1 มีข้อที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก กรณีเห็นได้ว่าผู้ร้องสอดที่ 1 ไม่อาจเข้าร่วมจัดการเพื่อประโยชน์ของกองมรดกโดยไม่มีข้อขัดแย้งได้ ตามพฤติการณ์จึงไม่อาจตั้งผู้ร้องสอดที่ 1ร่วมเป็นผู้จัดการมรดกกับโจทก์ที่ 2 และผู้ร้องสอดที่ 2 ได้ จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล ต่อมาศาลมีคำสั่งถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้งโจทก์ที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกแทน ดังนี้ ศาลย่อมมีอำนาจบังคับให้จำเลยส่งมอบบัญชีทรัพย์มรดกที่จำเลยทำขึ้นในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกให้ผู้จัดการมรดกคนใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1594/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งผู้จัดการมรดก: การพิสูจน์ความเป็นทายาทและเจตนาปิดบังทรัพย์มรดก
การที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอเข้าเป็นผู้จัดการมรดกของ ป.โดยมิได้ระบุว่าผู้ร้องเป็นทายาทและได้ให้ความยินยอมด้วย และบัญชีเครือญาติท้ายคำร้องมีข้อความเพียงว่าผู้คัดค้านเป็นบุตรของ ป.กับ อ.เท่านั้น ยังมิใช่กรณีปิดบังทรัพย์มรดกเพื่อฉ้อฉลทายาทอื่น
แม้ในคดีที่ผู้คัดค้านพิพาทกับบุคคลอื่นศาลอุทธรณ์จะพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วว่าผู้คัดค้านไม่ได้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ ป. แต่ในคดีดังกล่าวไม่มีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยชี้ขาดว่าผู้คัดค้านเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ ป.เพราะเหตุที่ ป.จดทะเบียนสมรสกับ อ.มารดาผู้คัดค้านในภายหลังหรือไม่ ดังนั้น ในคดีนี้ศาลชอบที่จะวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวซึ่งผู้ร้องยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โดยตรงได้
แม้ในคดีที่ผู้คัดค้านพิพาทกับบุคคลอื่นศาลอุทธรณ์จะพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วว่าผู้คัดค้านไม่ได้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ ป. แต่ในคดีดังกล่าวไม่มีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยชี้ขาดว่าผู้คัดค้านเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ ป.เพราะเหตุที่ ป.จดทะเบียนสมรสกับ อ.มารดาผู้คัดค้านในภายหลังหรือไม่ ดังนั้น ในคดีนี้ศาลชอบที่จะวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวซึ่งผู้ร้องยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โดยตรงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1333/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความมรดก: การครอบครองทรัพย์มรดกในฐานะผู้จัดการมรดกย่อมไม่ทำให้เกิดอายุความต่อทายาทอื่น
จำเลยต่อสู้ว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความมรดก แต่ได้ความว่า หลังจากที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีครอบครัวแล้วได้แยกไปอยู่ที่อื่น ส่วนจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรของจำเลยที่ 2 อยู่ในที่พิพาทมาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาเมื่อเจ้ามรดกถึงแก่กรรมแล้ว 10 ปี จำเลยที่ 1 ได้ร้องขอให้ศาลตั้งจำเลยที่ 3 เป็นผู้จัดการมรดกรายพิพาทแต่ในการขายที่พิพาทโฉนดเลขที่ 56465 จำเลยที่ 3 ไม่ได้ปรึกษาจำเลยที่ 1 ประกอบกับเหตุที่จำเลยที่ 3 ยังไม่ได้แบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทสาย ภ. เพราะยังตกลงกันไม่ได้ระหว่างทายาททุกคน จำเลยที่ 3 ตั้งใจจะแบ่งมรดกเมื่อมีการตกลงกันเรียบร้อยแล้วระหว่างทายาททุกฝ่าย โดยตั้งใจจะเรียกประชุมทายาทภายใน 3 เดือน เพื่อให้ทายาทตกลงกันว่าจะแบ่งมรดกกันอย่างไร แสดงว่า จำเลยที่ 3 รับโอนและครอบครอง ที่พิพาทในฐานะผู้จัดการมรดกเพื่อดำเนินการแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาท เป็นการครอบครองแทนทายาทของเจ้ามรดก ทุกคน จำเลยที่ 3 ไม่อาจยกเอาอายุความ 1 ปี หรือ 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคแรกและวรรคท้าย ขึ้นต่อสู้โจทก์ ซึ่งเป็นทายาทของเจ้ามรดกได้ ดังนี้คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการฟ้องทางภาระจำยอมของทายาทผู้มีสิทธิในทรัพย์มรดก แม้ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อในโฉนด
ที่พิพาทเป็นที่ดินมรดกของ ส. โจทก์เป็นทายาทที่มีสิทธิรับมรดกของ ส. จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยทางมรดก แม้โจทก์ยังมิได้เปลี่ยนชื่อในโฉนดที่ดินมาเป็นของโจทก์แต่โจทก์ในฐานะเจ้าของสามยทรัพย์ก็ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยที่เป็นเจ้าของภารยทรัพย์ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1387.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6192/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการมรดกและการโอนทรัพย์มรดกโดยชอบด้วยกฎหมาย
คดีเดิมศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ ร.หาก ส. จะขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกคนใหม่แทนโจทก์ ตามปกติย่อมกระทำได้โดยยื่นคำร้องในคดีเดิม หรืออาจฟ้องโจทก์แยกจากคดีเดิมได้โดยอาศัยเหตุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 เพราะบทบัญญัติดังกล่าวเป็นแต่ให้สิทธิยื่นคำร้องขอเข้ามาในคดีเดิมก่อนการปัน มรดก เสร็จสิ้นลงเท่านั้น หาเป็นการตัดสิทธิมิให้ฟ้องเป็นคดีใหม่อีกต่างหากไม่
คำสั่งศาลชั้นต้นในคดีใหม่ให้ถอนโจทก์จากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้ง ส. เป็นผู้จัดการมรดกของ ร. แทนนั้น เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ย่อมมีผลผูกพันโจทก์ โจทก์มิใช่ผู้จัดการมรดกของ ร. อีกต่อไป
การที่ ส. ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกทำตามมติที่ประชุมทายาทโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 ย่อมเป็นการจัดการตามอำนาจหน้าที่และมิใช่เป็นการทำนิติกรรมที่ตนมีส่วนได้เสียอันเป็นปรปักษ์ต่อกองมรดก นิติกรรมจึงมีผลสมบูรณ์.
คำสั่งศาลชั้นต้นในคดีใหม่ให้ถอนโจทก์จากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้ง ส. เป็นผู้จัดการมรดกของ ร. แทนนั้น เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ย่อมมีผลผูกพันโจทก์ โจทก์มิใช่ผู้จัดการมรดกของ ร. อีกต่อไป
การที่ ส. ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกทำตามมติที่ประชุมทายาทโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 ย่อมเป็นการจัดการตามอำนาจหน้าที่และมิใช่เป็นการทำนิติกรรมที่ตนมีส่วนได้เสียอันเป็นปรปักษ์ต่อกองมรดก นิติกรรมจึงมีผลสมบูรณ์.