พบผลลัพธ์ทั้งหมด 399 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1558/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดว่าเช็คคือเช็คที่ออกต่างประเทศหรือไม่ พิจารณาจากผู้สั่งจ่าย ไม่ใช่ที่ตั้งธนาคาร
ตามบทบัญญัติมาตรา987และมาตรา988แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บุคคลผู้ออกเช็คหรือทำตราสารดังกล่าวก็คือผู้สั่งจ่ายโดยทั่วๆไปอาจจะเห็นว่าธนาคารเป็นผู้พิมพ์แบบฟอร์มเช็คออกเป็นเล่มๆให้แก่ผู้มีบัญชีฝากเงินกับธนาคารแต่ที่เป็นดังนั้นมิได้หมายความว่าธนาคารเป็นผู้ออกเช็คแต่ธนาคารกระทำขึ้นแทนผู้สั่งจ่ายเพื่อให้ความสะดวกแก่ผู้สั่งจ่ายในการใช้และกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจึงทำเป็นแบบพิมพ์ในรูปเดียวกันแต่โดยเนื้อแท้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายแล้วผู้สั่งจ่ายเป็นผู้ออกเช็คหรือทำตราสารนั้น(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่1017/2507)โดยเหตุนี้เช็คพิพาทจะเป็นเช็คออกมาแต่ต่างประเทศหรือไม่จึงอยู่ที่ว่าผู้สั่งจ่ายเช็คได้สั่งจ่ายเช็คภายในประเทศหรือสั่งจ่ายเช็คที่ต่างประเทศเป็นสำคัญหาใช่ดูว่าธนาคารตามเช็คอยู่ณที่ใดเป็นสำคัญไม่ดังนั้นเมื่อจำเลยที่1ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทในประเทศไทยแม้ธนาคารเจ้าของเช็คจะอยู่ต่างประเทศเช็คพิพาทจึงมิใช่เช็คที่ออกมาแต่ต่างประเทศตามมาตรา989วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1325/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีเช็ค: เริ่มนับจากวันธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ไม่ใช่วันรับเช็ค
การฟ้องคดีอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ต้องกระทำภายใน 3 เดือน นับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด
อายุความ 3 เดือนต้องเริ่มนับแต่วันที่โจทก์ได้รับแจ้งจากธนาคารว่ามีการปฏิเสธการจ่ายเงิน จะนับจากวันที่โจทก์ได้รับเช็คและใบคืนเช็คจากธนาคารหาได้ไม่
อายุความ 3 เดือนต้องเริ่มนับแต่วันที่โจทก์ได้รับแจ้งจากธนาคารว่ามีการปฏิเสธการจ่ายเงิน จะนับจากวันที่โจทก์ได้รับเช็คและใบคืนเช็คจากธนาคารหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิไล่เบี้ยของผู้ค้ำประกันเมื่อถูกธนาคารหักบัญชีเงินฝากชำระหนี้แทนลูกหนี้
ผู้ค้ำประกันถูกธนาคารเจ้าหนี้หักบัญชีเงินฝากประจำใช้หนี้แทนลูกหนี้ ทำให้ผู้ค้ำประกันสูญเสียเงินต้นและดอกเบี้ยที่ควรจะได้รับตามบัญชีเงินฝากประจำตั้งแต่วันที่ธนาคารเจ้าหนี้หักบัญชี ผู้ค้ำประกันย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้เพื่อการสูญเสียดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 693
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4193/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารไม่ต้องรับผิดชอบการหักเงินจากบัญชีฝากประจำ หากผู้ฝากยินยอมให้ใช้เป็นประกันหนี้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2523ถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2523 จำเลยทั้งสามรู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์แล้ว ได้ร่วมกันลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของโจทก์ในใบถอนเงินฝากประจำทำการถอนเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของโจทก์ แล้วโอนไปเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของจำเลยที่ 3 อันเป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับและเป็นการยักยอกทรัพย์สินของโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายต้องสูญเสียเงินฝากประจำขาดดอกเบี้ยที่จะได้รับ และต้องเสียชื่อเสียงในการดำเนินกิจการ ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ คำฟ้องดังกล่าวได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้วจึงไม่เคลือบคลุมกรรมการและกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ทำใบถอนเงินฝากประจำของโจทก์โดยมิได้ลงวันถอนมอบให้จำเลยที่1ยึดถือไว้เป็นประกันการชำระหนี้อันเกิดจากการขายลดตั๋วเงินของจำเลยที่3เมื่อจำเลยที่งวันเดือนปีในใบถอนเงินแล้วใช้หักเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของโจทก์โอนไปเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของจำเลยที่ 3 เพื่อชำระหนี้ แม้จะกระทำภายหลังที่โจทก์ได้มีหนังสือถึงจำเลยที่ 1 ขอยกเลิกลายเซ็นของจำเลยที่ 2 และที่ 3 แล้วก็ตามถือได้ว่าโจทก์ยินยอมหรือสมัครใจให้ทำเช่นนั้น จึงไม่เป็นการทำละเมิด โจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อค้ำประกันหนี้ผู้อื่น การที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ ทำใบถอนเงินฝากประจำของโจทก์มอบให้จำเลยที่ 1ยึดถือไว้เป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 3 เป็นการกระทำนอกขอบวัตถุประสงค์ของโจทก์ จึงไม่ผูกพันโจทก์ จำเลยที่ 1ไม่มีสิทธิหักเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3483/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารรับรองเช็คเกินวงเงินและโอนเงินโดยพลการ ทำให้ลูกค้าขาดเงิน ต้องรับผิดชดใช้
การที่จำเลยพา บ.ซึ่งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นภริยาโจทก์ไปร่วมประเวณี แม้บ.จะยินยอมสมัครใจร่วมประเวณี กับจำเลยก็ถือว่าจำเลยกระทำล่วงเกิน ภริยาโจทก์ไปในทำนอง ชู้สาวจำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าทดแทนให้โจทก์ และการที่จำเลยพาภริยาโจทก์ไปร่วมประเวณีดังกล่าวย่อมทำให้โจทก์ผู้เป็นสามีได้รับความเสื่อมเสียทั้งด้านจิตใจเกียรติยศและชื่อเสียง ซึ่งไม่อาจคิดเป็นราคาเงินได้การกำหนดค่าทดแทนให้เพียงใดย่อมแล้วแต่พฤติการณ์แห่งคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3479/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารรับรองเช็คเท็จทำให้โจทก์เปิดบัญชีได้ และขัดขวางการถอนเงินจากบัญชีเงินฝาก ชดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์กับ ส. ตกลงซื้อขายพลอยกันที่ธนาคารจำเลยที่ 1 สาขาขลุงต่อหน้าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการธนาคาร แล้วโจทก์รับเช็คที่ ส. สั่งจ่ายเป็นค่าซื้อพลอยรวมเป็นเงิน 450,000 บาทเช็คดังกล่าวเป็นเช็คจำเลยที่ 1 สาขาขลุง และลงวันที่สั่งจ่ายในวันที่ซื้อขายกันนั้น จำเลยที่ 2 รับรองว่าเช็คดังกล่าวนำเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันได้เพราะ ส. มีเงินอยู่ในบัญชีพอที่จะใช้เงินตามเช็ค แม้ความจริง ส. จะไม่มีเงินอยู่ในบัญชี แต่จำเลยที่ 2 มีอำนาจผ่านเงินทางบัญชีให้ ส. ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารไปก่อนได้ โจทก์จึงมอบเช็คดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 เพื่อเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน และในวันเดียวกันนั้นโจทก์ใช้เช็คสั่งจ่ายเงิน 400,000 บาท จากบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเข้าเปิดบัญชีเงินฝากประจำ เมื่อเช็คดังกล่าวจำเลยสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่าเรียกเก็บเงินไม่ได้ และชอบที่จะปฏิเสธการจ่ายเงินทันทีในวันนั้นแต่จำเลยไม่ได้ปฏิเสธการจ่าย ถือได้ว่าเช็คดังกล่าวเรียกเก็บเงินได้ ดังนั้น การเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของโจทก์จึงสมบูรณ์ และการที่โจทก์ใช้เช็คสั่งจ่ายเงิน 400,000 บาท จากบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเข้าเปิดบัญชีเงินฝากประจำก็เป็นการสมบูรณ์ด้วย
เมื่อจำเลยขีดฆ่ารายการที่โจทก์นำเช็คซึ่ง ส. ชำระหนี้ค่าพลอยเข้าบัญชี ออกจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน และโอนเงินโจทก์จากบัญชีเงินฝากประจำไปเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันโดยพลการ เป็นการไม่ชอบ เป็นเหตุให้โจทก์ขาดเงินตามเช็คดังกล่าวไปรวม 450,000 บาทจำเลยต้องรับผิดใช้เงินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์
เมื่อจำเลยขีดฆ่ารายการที่โจทก์นำเช็คซึ่ง ส. ชำระหนี้ค่าพลอยเข้าบัญชี ออกจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน และโอนเงินโจทก์จากบัญชีเงินฝากประจำไปเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันโดยพลการ เป็นการไม่ชอบ เป็นเหตุให้โจทก์ขาดเงินตามเช็คดังกล่าวไปรวม 450,000 บาทจำเลยต้องรับผิดใช้เงินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3479/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารรับรองเช็คเท็จ ทำให้โจทก์เสียหายจากการเปิดบัญชีและโอนเงินผิดพลาด
โจทก์กับ ส. ตกลงซื้อขายพลอยกันที่ธนาคารจำเลยที่1 สาขาขลุงต่อหน้าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการธนาคารแล้วโจทก์รับเช็คที่ ส. สั่งจ่ายเป็นค่าซื้อพลอยรวมเป็นเงิน 450,000 บาท เช็คดังกล่าวเป็นเช็คจำเลยที่1 สาขาขลุง และลงวันที่สั่งจ่ายในวันที่ซื้อขายกันนั้นจำเลยที่ 2 รับรองว่าเช็คดังกล่าวนำเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันได้เพราะ ส. มีเงินอยู่ในบัญชีพอที่จะใช้เงินตามเช็ค แม้ความจริง ส. จะไม่มีเงินอยู่ในบัญชีแต่จำเลยที่ 2 มีอำนาจผ่านเงินทางบัญชีให้ ส. ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารไปก่อนได้ โจทก์จึงมอบเช็คดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 เพื่อเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน และในวันเดียวกันนั้นโจทก์ใช้เช็คสั่งจ่ายเงิน 400,000 บาท จากบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเข้าเปิดบัญชีเงินฝากประจำ เมื่อเช็คดังกล่าวจำเลยสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่าเรียกเก็บเงินไม่ได้ และชอบที่จะปฏิเสธการจ่ายเงินทันทีในวันนั้นแต่จำเลยไม่ได้ปฏิเสธการจ่ายถือได้ว่าเช็คดังกล่าวเรียกเก็บเงินได้ ดังนั้น การเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของโจทก์จึงสมบูรณ์ และการที่โจทก์ใช้เช็คสั่งจ่ายเงิน 400,000 บาท จากบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเข้าเปิดบัญชีเงินฝากประจำก็เป็นการสมบูรณ์ด้วย เมื่อจำเลยขีดฆ่ารายการที่โจทก์นำเช็คซึ่ง ส. ชำระหนี้ค่าพลอยเข้าบัญชี ออกจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน และโอนเงินโจทก์จากบัญชีเงินฝากประจำไปเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันโดยพลการ เป็นการไม่ชอบ เป็นเหตุให้โจทก์ขาดเงินตามเช็คดังกล่าวไปรวม 450,000 บาทจำเลยต้องรับผิดใช้เงินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3013/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คหมดอายุ: ธนาคารปฏิเสธจ่ายเงิน ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค หากมิได้มีเจตนาทุจริต
การที่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คโดยอ้างเหตุผลว่า "เช็คพ้นกำหนดการจ่ายเงิน" เพราะโจทก์ยื่นเช็คให้ใช้เงินเมื่อพ้นเวลา 6 เดือนนับแต่วันที่จำเลยออกเช็คนั้น ไม่ใช่เป็นการปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คตามที่พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497มาตรา 3 บัญญัติไว้ และถือไม่ได้ว่าเช็คที่จำเลยออกนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้หรือออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะออกเช็คหรือจำนวนเงินเหลือไม่พอที่จะใช้เงินตามเช็คนั้นได้และไม่ได้แสดงว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น หรือห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นโดยเจตนาทุจริต การออกเช็คของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2503/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คห้ามเปลี่ยนมือ: การสลักหลังไม่ผูกพันโจทก์ ธนาคารต้องรับผิดเมื่อเรียกเก็บเงินผิดบัญชี
แม้เช็คพิพาทจะมี ส. หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ลงชื่อสลักหลังเช็คและประทับตราสำคัญของโจทก์แต่หุ้นส่วนอีก คนหนึ่งไม่ได้ลงชื่อด้วยตามข้อบังคับจึงถือไม่ได้ว่า ส. เป็นผู้แทนกระทำการแทนโจทก์การสลักหลังเช็คดังกล่าว ย่อมไม่ผูกพันโจทก์โจทก์จึงยังเป็นผู้ทรงเช็คโดย ชอบด้วยกฎหมายและมีอำนาจฟ้อง
เช็คพิพาทเป็นเช็คขีดคร่อมมีคำว่า 'เปลี่ยนมือไม่ได้' แม้จะมิได้ขีดฆ่าคำว่า 'จ่ายตามคำสั่งของ ห้างหุ้นส่วนจำกัดจตุรมิตรก่อสร้าง (โจทก์)'ออก ก็แสดงว่า ผู้สั่งจ่ายต้องการให้นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์เท่านั้นไม่ให้จ่ายตามคำสั่งของโจทก์ต่อไป
คำว่า 'เอซี เปยีออลลี่' มีความหมายทำนองเดียวกับ 'เปลี่ยนมือไม่ได้'หรือ 'ห้ามเปลี่ยนมือ' ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 995
การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้มีวิชาชีพประกอบการธนาคาร เรียกเก็บเงินตามเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีของส.ผู้รับสลักหลังทั้ง ๆ ที่เช็คพิพาทเป็นเช็คห้ามเปลี่ยนมือ ต้องนำเงินตาม เช็คเข้าบัญชีของโจทก์เท่านั้นจะถือว่าจำเลยกระทำโดยปราศจากความประมาทเลินเล่อหาได้ไม่จึงไม่ได้รับความ คุ้มครอง จากบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1000
ส. ไม่ได้เป็นผู้แทนกระทำแทนโจทก์ การที่ ส. ทราบการกระทำละเมิดของจำเลยในวันใดจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้พึงจะใช้ค่าสินไหมทดแทนจาก การกระทำดังกล่าวในวันนั้นเมื่อผู้ชำระบัญชีของโจทก์ เพิ่งทราบการกระทำละเมิดของจำเลยนับถึงวันฟ้องยังไม่ถึง 1 ปีคดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
เช็คพิพาทเป็นเช็คขีดคร่อมมีคำว่า 'เปลี่ยนมือไม่ได้' แม้จะมิได้ขีดฆ่าคำว่า 'จ่ายตามคำสั่งของ ห้างหุ้นส่วนจำกัดจตุรมิตรก่อสร้าง (โจทก์)'ออก ก็แสดงว่า ผู้สั่งจ่ายต้องการให้นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์เท่านั้นไม่ให้จ่ายตามคำสั่งของโจทก์ต่อไป
คำว่า 'เอซี เปยีออลลี่' มีความหมายทำนองเดียวกับ 'เปลี่ยนมือไม่ได้'หรือ 'ห้ามเปลี่ยนมือ' ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 995
การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้มีวิชาชีพประกอบการธนาคาร เรียกเก็บเงินตามเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีของส.ผู้รับสลักหลังทั้ง ๆ ที่เช็คพิพาทเป็นเช็คห้ามเปลี่ยนมือ ต้องนำเงินตาม เช็คเข้าบัญชีของโจทก์เท่านั้นจะถือว่าจำเลยกระทำโดยปราศจากความประมาทเลินเล่อหาได้ไม่จึงไม่ได้รับความ คุ้มครอง จากบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1000
ส. ไม่ได้เป็นผู้แทนกระทำแทนโจทก์ การที่ ส. ทราบการกระทำละเมิดของจำเลยในวันใดจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้พึงจะใช้ค่าสินไหมทดแทนจาก การกระทำดังกล่าวในวันนั้นเมื่อผู้ชำระบัญชีของโจทก์ เพิ่งทราบการกระทำละเมิดของจำเลยนับถึงวันฟ้องยังไม่ถึง 1 ปีคดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีเช็ค: เริ่มนับเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจริง ไม่ใช่แค่สอบถาม
โจทก์เพียงนำเช็คพิพาทไปสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าบัญชีของจำเลยมีเงินหรือไม่เท่านั้น ไม่ปรากฏว่าธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน ดังนั้นความผิดของจำเลยจึงยังไม่เกิดขึ้น อายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 จึงยังไม่เริ่มนับ อายุความต้องเริ่มนับในวันที่โจทก์นำเช็คไปยื่นเพื่อเรียกเก็บเงิน และธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินดังที่ปรากฏหลักฐานตามเช็คและใบคืนเช็ค