คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
นายจ้าง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,104 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4699/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อความเสียหายจากเงินหายในตู้นิรภัย อันเกิดจากความประมาทเลินเล่อในการรักษาความปลอดภัย
จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ดำรงตำแหน่งผู้จัดการสาขาน่านจำเลยจึงมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการบริหารงานของสาขาโจทก์ที่จำเลยเป็นผู้จัดการทั้งหมดทั้งเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานของโจทก์ที่ทำงานอยู่ในสาขาเดียวกันกับจำเลยจำเลยจะต้องควบคุมดูแลให้พนักงานปฏิบัติงานตามระเบียบข้อบังคับของโจทก์โดยเคร่งครัดรวมทั้งตัวจำเลยด้วยทั้งนี้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของโจทก์ตามสัญญาจ้างแรงงานจำเลยเป็นผู้เก็บรักษากุญแจและรหัสประตูห้องมั่นคงและตู้นิรภัยชุดหนึ่งซึ่งจำเลยสามารถจะเจ้าไปเปิดห้องมั่นคงและตู้นิรภัยได้ตลอดเวลาโดยลำพังผู้เดียวส่วนกุญแจและรหัสประตูห้องมั่นคงและตู้นิรภัยอีกชุดหนึ่งมีการแยกเก็บรักษาโดยร.เป็นผู้เก็บรักษากุญแจและรหัสประตูห้องมั่นคงส่วนพ. ผู้เก็บรักษากุญแจและรหัสตู้นิรภัยลำพังเพียงร. หรือพ. คนใดคนหนึ่งไม่สามารถจะเปิดตู้นิรภัยได้ก่อนวันเกิดเหตุและระหว่างวันเกิดเหตุพ. กลับจากลาพักผ่อนประจำปีเข้ามาทำงานตามปกติและได้รับมอบกุญแจและรหัสตู้นิรภัยมาเก็บรักษาแล้วดังนั้นระหว่างวันเกิดเหตุผู้เก็บรักษากุญแจและรหัสประตูห้องมั่นคงหรือรและผู้เก็บรักษากุญแจและรหสตู้นิรภัยคือพ. เมื่อเป็นเช่นนี้ในขณะเกิดเหตุร. หรือพ. จึงไม่อาจจะเข้าไปเปิดตู้นิรภัยตามลำพังเพียงคนเดียวได้แต่จำเลยเพียงผู้เดียวสามารถที่จะเข้าไปเปิดได้เมื่อพิจารณาพฤติการณ์แห่งคดีที่ส่วนหนึ่งของเงินที่หายไปอยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของพ. ซึ่งศาลแรงงานกลางฟังว่าเงินของโจทก์หายไปเกิดจากการกระทำของผู้เก็บรักษากุญแจและรหัสประตูห้องมั่นคงกับตู้นิรภัยแล้วสำหรับร. และพ. นั้นต่างคนต่างเก็บรักษากุญแจและรหัสประตูห้องมั่นคงและตู้นิรภัยอันเป็นการแยกเก็บรักษาตามหน้าที่ของตนตามปกติจึงถือมิได้ว่าปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อทำให้เงินของโจทก์หายส่วนกรณีเงินที่หายไปจากตู้นิรภัยส่วนหนึ่งกับเงินที่มิได้เก็บไว้ในตู้นิรภัยแต่ไปอยู่ที่ลิ้นชักโต๊ะทำงานของพ. นั้นก็ไม่ทำให้เห็นว่าพ. ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่อเพราะเงินที่หายไปเป็นเงินที่ได้นำไปเก็บไว้ในตู้นิรภัยเรียบร้อยแล้วหากพ. ทำการทุจริตก็คงจะไม่นำเงินที่ตนเอาไปเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะในที่ทำงานเช่นนี้สำหรับจำเลยนั้นมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการบริหารงานสาขาโจทก์ที่จังหวัดน่านให้ดำเนินไปด้วยดีโดยจำเลยจะต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับที่โจทก์วางไว้อย่างเคร่งครัดการที่จำเลยปฏิบัติหน้าที่ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงโดยไม่เปลี่ยนรหัสประตูห้องมั่นคงและรหัสตู้นิรภัยเมื่อมีการสับเปลี่ยนพนักงานระดับบริหารที่เก็บรักษากุญแจและรหัสประตูห้องมั่นคงกับตู้นิรภัยและจำเลยเองก็เป็นผู้เก็บรักษาทั้งกุญแจและรหัสประตูห้องมั่นคงกับตู้นิรภัยซึ่งจำเลยสามารถเข้าไปเปิดตู้นิรภัยตามลำพังได้ตลอดเวลาเมื่อเงินของโจทก์ที่เก็บไว้ในตู้นิรภัยหายไปก็ไม่สามารถที่จะสอบหาตัวผู้ทุจริตได้เช่นนี้ถือได้ว่าความเสียหายเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยจำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินที่หายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2966/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์นายจ้าง: การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์และลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ พิจารณาเจตนาการใช้ยานพาหนะเป็นสำคัญ
ความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา335(11)วรรคแรกขึ้นอยู่กับตัวทรัพย์ที่ลักว่าเป็นของนายจ้างหรืออยู่ในความครอบครองของนายจ้างหรือไม่หาได้จำกัดว่าต้องเป็นการลักทรัพย์ที่นายจ้างมอบหมายให้ลูกจ้างครอบครองดูแลรับผิดชอบเท่านั้นไม่แม้จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างจะไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับทรัพย์ของกลางที่ลักไปจากคลังสินค้าของนายจ้างของจำเลยการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา335(11)วรรคแรก การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา336ทวิดูที่เจตนาของผู้กระทำผิดเป็นสำคัญว่าต้องการใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมหรือไม่ส่วนยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิดจะเป็นของผู้ใดหาใช่ข้อสำคัญไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799-1800/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างและตัวแทนทางกฎหมายในคดีแรงงาน: หลักตัวแทนและการผูกพันตามกฎหมาย
จำเลยที่1ซึ่งเป็น นายจ้างโดยตรงของโจทก์ทั้งสองมีฐานะเป็น นิติบุคคลมีจำเลยที่2เป็นผู้ทำการแทนตามกฎหมายประกอบกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา77ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยตัวแทนมาใช้บังคับแก่ความเกี่ยวพันระหว่างนิติบุคคลกับผู้แทนของนิติบุคคลและระหว่างนิติบุคคลหรือผู้แทนของนิติบุคคลกับบุคคลภายนอกโดยอนุโลมและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา820บัญญัติว่าตัวการย่อมมีความผูกพันต่อบุคคลภายนอกในกิจการทั้งหลายอันตัวแทนหรือตัวแทนช่วงได้ทำไปภายในขอบอำนาจแห่งฐานตัวแทนซึ่ง หมายความว่า กิจการใดอันตัวแทนได้กระทำไปในขอบอำนาจของตัวแทนนั้นเป็นการกระทำของ ตัวการ จำเลยที่1ซึ่งเป็นตัวการจึงต้องผูกพันต่อบุคคลภายนอกในการกระทำของจำเลยที่2ที่ได้กระทำไปภายในวัตถุประสงค์ของจำเลยที่1โดยจำเลยที่2ไม่ต้องผูกพันรับผิดเป็นส่วนตัวต่อโจทก์ทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799-1800/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของนายจ้างและตัวแทนตามกฎหมายแรงงาน: การกระทำของตัวแทนผูกพันตัวการ
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ.2518มาตรา5ให้คำนิยามของคำว่านายจ้างในทำนองเดียวกันกับที่บัญญัติไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ2ว่านายจ้างหมายความว่าผู้ซึ่งตกลงรับลูกจ้างเข้าทำงานโดยจ่ายค่าจ้างให้และหมายความรวมถึงผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายจ้างให้ทำการแทนในกรณีที่นายจ้างเป็นนิติบุคคลหมายความว่าผู้มีอำนาจทำการแทนนิติบุคคลนั้นและหมายความรวมถึงผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลให้ทำการแทนเมื่อจำเลยที่2เป็นผู้อำนวยการสำนักงานและมีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่1ย่อมมีฐานะเป็นนายจ้างของโจทก์ทั้งสองด้วยตามบทกฎหมายดังกล่าวโจทก์ทั้งสองจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่2ได้แต่อย่างไรก็ดีเนื่องจากจำเลยที่1ซึ่งเป็นนายจ้างโดยตรงของโจทก์ทั้งสองมีฐานะเป็นนิติบุคคลมีจำเลยที่2เป็นผู้ทำการแทนตามกฎหมายประกอบกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา77บัญญัติว่า"ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยตัวแทนแห่งประมวลกฎหมายนี้มาใช้บังคับแก่ความเกี่ยวพันระหว่างนิติบุคคลกับผู้แทนของนิติบุคคลและระหว่างนิติบุคคลหรือผู้แทนของนิติบุคคลกับบุคคลภายนอกโดยอนุโลม"และบทบัญญัติว่าด้วยตัวแทนมาตรา820บัญญัติว่า"ตัวการย่อมมีความผูกพันต่อบุคคลภายนอกในกิจการทั้งหลายอันตัวแทนหรือตัวแทนช่วงได้ทำไปภายในขอบอำนาจแห่งฐานตัวแทน"ซึ่งมีความหมายว่ากิจการใดอันตัวแทนได้กระทำไปในขอบอำนาจของตัวแทนนั้นเป็นการกระทำแทนตัวการจำเลยที่1ผู้เป็นตัวการจึงต้องผูกพันต่อบุคคลภายนอกในการกระทำของจำเลยที่2ที่ได้กระทำไปภายในวัตถุประสงค์ของจำเลยที่1โดยจำเลยที่2ไม่ต้องผูกพันรับผิดเป็นส่วนตัวต่อโจทก์ทั้งสองด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9221/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ความรับผิดทางแพ่ง นายจ้างต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้าง ค่ารักษาพยาบาล ค่าเสียหายทางจิตใจ
โจทก์เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาและรถจักรยานยนต์ของโจทก์ได้แล่นไปถึงกึ่งกลางถนนแล้ว การที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกตามหลังรถจักรยานยนต์ของโจทก์ จำเลยที่ 1 จะต้องใช้ความระมัดระวังให้โอกาสแก่โจทก์ได้ผ่านไปก่อน จำเลยที่ 1ขับรถยนต์บรรทุกมาชนรถจักรยานยนต์โจทก์ในลักษณะเช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกโดยประมาทเลินเล่อแต่ฝ่ายเดียว ค่ารักษาพยาบาลของโจทก์ตามรายการแสดงค่ารักษาพยาบาลของโจทก์มีข้อความตรงกับเอกสารที่โรงพยาบาลได้ส่งศาลตามคำสั่งเรียกที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องมา และโจทก์มีหัวหน้าแผนกเวชระเบียน โรงพยาบาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาเบิกความประกอบเอกสารดังกล่าวยืนยันว่า โจทก์ได้เสียค่ารักษาพยาบาลไปตามเอกสารเช่นว่านั้นจริง แม้เอกสารดังกล่าวจะเป็นเพียงสำเนาแต่ก็มีเจ้าหน้าที่รับรองสำเนามาแล้ว ทั้งกรณีไม่มีกฎหมายบังคับว่าการอ้างเอกสารเป็นพยานต้องมีผู้ทำเอกสารมาเบิกความ เอกสารดังกล่าวจึงจะรับฟังได้ ค่าที่โจทก์ต้องทนทุกข์ทรมานระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาลค่าที่โจทก์ต้องเสียบุคลิกภาพทางร่างกาย และค่าที่โจทก์สูญเสียความสามารถในการสืบพันธุ์ไม่อาจมีบุตรได้อีกต่อไปนั้นเป็นค่าเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินโจทก์มีสิทธิเรียกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 446 การที่ศาลกำหนดจำนวนค่าเสียหายให้จำเลยที่ 2 ชดใช้นั้นมิใช่ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายตั้งแต่วันพิพากษา แต่เป็นกรณีที่ศาลกำหนดค่าเสียหายเพื่อชดใช้ความเสียหายที่โจทก์ได้รับมาแล้วตั้งแต่วันทำละเมิด จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดเสียดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ต้องชดใช้ตั้งแต่วันทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 206 แต่โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง นับว่าเป็นผลดีแก่จำเลยที่ 2 แล้ว โจทก์ได้บรรยายมาในฟ้องแล้วว่า โจทก์เสียหายส่วนใดเป็นเงินเท่าใด ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่จำเลยที่ 2ฎีกาว่า โจทก์รักษาตัวที่โรงพยาบาลใด จำนวนเท่าใด รักษากี่วันนั้น เป็นข้อที่จะต้องนำสืบพยานหลักฐานกันต่อไป เมื่อมีประเด็นข้อโต้เถียงกันในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ในส่วนค่าเสียหายจึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9127/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อลูกจ้าง และอำนาจฟ้องที่จำกัดตามทุนทรัพย์ รวมถึงปัญหาอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3
คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ที่ 2 จำนวน 11,830 บาท ฎีกาของจำเลยที่ 2ที่ 3 เกี่ยวกับโจทก์ที่ 2 จึงมีทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกิน200,000 บาท ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง จำเลยที่ 3 ไม่ได้เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วยโจทก์ที่ 1 และที่ 2 จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ปัญหาอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คดีของจำเลยที่ 3 จะต้องห้ามฎีกาในส่วนที่เกี่ยวกับโจทก์ที่ 2 ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์ที่ 2ให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 3 ซึ่งต้องห้ามฎีกาด้วยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ประกอบด้วยมาตรา 246,247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8157/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดของลูกจ้าง-นายจ้าง, ค่าปลงศพ, ความรับผิดร่วม, ดอกเบี้ยผิดนัด
จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 กระทำละเมิดเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 มีหน้าที่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่าปลงศพให้โจทก์ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 443 วรรคหนึ่ง ดังนั้น แม้ ว.จะเป็นผู้จ่ายแทนโจทก์โดย ว.ไม่ได้เรียกร้องเงินนี้และโจทก์ไม่ได้ชำระเงินจำนวนนี้แก่ ว.ก็ตาม โจทก์ก็มีสิทธิเรียกค่าปลงศพจากจำเลยที่ 2 ได้
จำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องควบคุมดูแลจำเลยที่ 1 ไม่ให้กระทำการใด ๆ อันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น เมื่อจำเลยที่ 2 ปล่อยปละละเลยให้จำเลยที่ 1 กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 ก็ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิด ตาม ป.พ.พ. มาตรา 425 แต่จำเลยที่ 2มีสิทธิที่จะได้รับชดใช้จากจำเลยที่ 1 ได้ตามมาตรา 426
หนี้ละเมิด จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดมาแต่เวลาที่ทำละเมิด ตาม ป.พ.พ. มาตรา 206 จำต้องเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ7 ครึ่งต่อปี ตามมาตรา 224 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8157/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง และการคิดดอกเบี้ยจากหนี้ละเมิด
จำเลยที่1ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่2กระทำละเมิดเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตายจำเลยที่2มีหน้าที่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่าปลงศพให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา443วรรคหนึ่งดังนั้นแม้ว.จะเป็นผู้จ่ายแทนโจทก์โดยว.ไม่ได้เรียกร้องเงินนี้และโจทก์ไม่ได้ชำระเงินจำนวนนี้แก่ว.ก็ตามโจทก์ก็มีสิทธิเรียกค่าปลงศพจากจำเลยที่2ได้ จำเลยที่2เป็นนายจ้างของจำเลยที่1มีหน้าที่ต้องควบคุมดูแลจำเลยที่1ไม่ให้กระทำการใดๆอันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นเมื่อจำเลยที่2ปล่อยปละละเลยให้จำเลยที่1กระทำละเมิดต่อโจทก์จำเลยที่2ก็ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่1ในผลแห่งละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา425แต่จำเลยที่2มีสิทธิที่จะได้รับชดใช้จากจำเลยที่1ได้ตามมาตรา426 หนี้ละเมิดจำเลยที่2ซึ่งเป็นลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดมาแต่เวลาที่ทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา206จำต้องเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ7ครึ่งต่อปีตามมาตรา224วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7820/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากละเมิดของนายจ้างต่อการกระทำโดยประมาทของลูกจ้าง และข้อจำกัดในการฎีกาเรื่องค่าเสียหาย
โจทก์นำรถยนต์ไปล้างอัดฉีดและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันชนิดต่าง ๆที่ปั้มน้ำมันของจำเลยที่ 1 พนักงานของจำเลยที่ 1 ออกใบรับรถให้เป็นหลักฐานแต่พนักงานของจำเลยที่ 1 กลับมอบรถยนต์ให้แก่ผู้อื่นโดยที่ผู้นั้นไม่มีหลักฐานใบรับรถมาแสดง อันเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อ ซึ่งเป็นการละเมิดต่อโจทก์ และเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ในฐานะนายจ้างจึงต้องร่วมรับผิดด้วย
จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์คันเกิดเหตุ 20,000 บาท เป็นค่าเสียหายที่สูงกว่าความเสียหายที่แท้จริงโดยมิได้โต้แย้งว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ถูกต้องอย่างไร จึงเป็นข้อฎีกาที่ไม่ได้กล่าวไว้โดยชัดแจ้ง เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7820/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้างในการดูแลรถยนต์ของลูกค้า
อ. ลูกจ้างจำเลยรับรถยนต์ของโจทก์ไว้เพื่อทำการล้างอัดฉีดซึ่งเป็นกิจการของจำเลยการที่อ. มอบรถยนต์คันดังกล่าวให้ผู้อื่นไปโดยผู้นั้นไม่มีหลักฐานใบรับรถมาแสดงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อเมื่อทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายจึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์และเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยจำเลยจึงต้องร่วมรับผิดกับอ.ในผลแห่งละเมิดด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา425
of 111