พบผลลัพธ์ทั้งหมด 560 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 217/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ การประมาทของผู้ขับขี่ และความรับผิดทางอาญา
จำเลยที่1ขับรถยนต์ด้วยความเร็วแต่อยู่ในช่องทางเดินรถของตน จำเลยที่2ขับรถยนต์กินทางเข้าไปในช่องทางเดินรถของจำเลยที่1จึงเกิดชนกันขึ้นเหตุที่เกิดการชนกันจึงเป็นความประมาทของจำเลยที่2แม้หลังเกิดเหตุจำเลยที่1จะหลบหนีไม่แสดงตัวแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งตามกฎหมายจะให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทำผิดก็เป็นข้อสันนิษฐานในเบื้องต้นเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่1ไม่ได้กระทำผิดจะนำข้อสันนิษฐานมารับฟังลงโทษจำเลยที่1หาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1811/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างที่ประพฤติชั่วร้ายแรง: การพกพาอาวุธปืนและประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต
ตามระเบียบข้อบังคับของนายจ้าง นายจ้างไล่ลูกจ้างออกจากงานได้หากลูกจ้างประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง การที่ลูกจ้างพกพาอาวุธปืนและนำไปจ่อหน้าอกเด็กชาย ต. ในขณะที่ลูกจ้างมึนเมาสุรา กระสุนปืนลั่นโดยประมาทเป็นเหตุให้เด็กชาย ต.ถึงแก่ความตาย ศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกแต่ให้รอการลงโทษไว้ และลูกจ้างยังถูกลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ อีกกระทงหนึ่งซึ่งศาลได้พิพากษาจำคุกแต่ให้รอการลงโทษไว้อีกเช่นเดียวกันกรณีดังกล่าวถือได้ว่าลูกจ้างได้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุที่นายจ้างจะไล่ออกจากงานได้ตามระเบียบดังกล่าวแล้ว การเลิกจ้างจึงเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม และนายจ้างเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมาททำให้เกิดเพลิงไหม้: การพิจารณาองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 220 vs. 225
การที่จำเลยจุดไฟเผาฟางข้าวในนาของตนโดยไม่ปรากฏว่ามีลักษณะที่น่าจะเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินของบุคคลอื่นอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 อย่างไร เช่น ขณะนั้นกำลังมีลมพัดแรงหรือโรงเรือนของผู้เสียหายอยู่ใกล้ชิดกับบริเวณที่จุดไฟขึ้น ซึ่งเป็นที่คาดเห็นได้ว่าเพลิงจะลามไปไหม้นาตลอดจนโรงเรือนข้างเคียงแน่ แต่จำเลยยังขืนจุดไฟจนลุกลามไปไหม้ทรัพย์สินของผู้เสียหาย เมื่อระยะเวลาที่จำเลยจุดไฟจนถึงเวลาที่บ้านผู้เสียหายถูกเพลงไหม้ห่างกันถึงหลายชั่วโมงจึงแสดงว่าไม่มีลักษณะที่น่ากลัวจะเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินของบุคคลอื่นแต่เป็นเพราะจำเลยประมาทไม่ควบคุมดูแลให้เพลิงลุกไหม้อยู่ภายในขอบเขตที่จำกัดการกระทำของจำเลยจึงเป็นเรื่องขาดความระมัดระวังจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่นตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225 หาใช่เป็นกรณีความผิดตาม มาตรา 220 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248-1249/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิด: การเฉลี่ยความรับผิดของผู้ประมาท และสิทธิการเบิกค่ารักษาพยาบาลไม่ตัดสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
เมื่อจำเลยต้องรับผิดในผลของการกระทำละเมิดแล้วก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เต็มจำนวน แม้โจทก์จะมีสิทธิเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลจากทางราชการได้ก็เป็นสิทธิเฉพาะตัวของโจทก์ จำเลยจะนำมาหักความรับผิดของตนหาได้ไม่
จำเลยที่ 1 ขอเลื่อนคดีมา 1 ปีเศษ จึงนำพยานเข้าสืบได้ปากเดียว ศาลสั่งงดเพราะเห็นว่าเป็นการประวิงคดีนั้นเป็นดุลพินิจที่ชอบแล้ว
ผู้ขับรถยนต์ทั้งสองฝ่ายชนกันโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียหายและไม่อาจแบ่งแยกผลของการละเมิดแต่ละฝ่ายใดประมาทมากน้อยกว่ากัน ศาลมีอำนาจกำหนดให้เฉลี่ยความรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายฝ่ายละเท่า ๆ กันได้
จำเลยที่ 1 ขอเลื่อนคดีมา 1 ปีเศษ จึงนำพยานเข้าสืบได้ปากเดียว ศาลสั่งงดเพราะเห็นว่าเป็นการประวิงคดีนั้นเป็นดุลพินิจที่ชอบแล้ว
ผู้ขับรถยนต์ทั้งสองฝ่ายชนกันโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียหายและไม่อาจแบ่งแยกผลของการละเมิดแต่ละฝ่ายใดประมาทมากน้อยกว่ากัน ศาลมีอำนาจกำหนดให้เฉลี่ยความรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายฝ่ายละเท่า ๆ กันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: การประมาทขับรถ ชนผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยขับรถโดยอาการน่าหวาดเสียวและโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นเป็นเหตุให้รถชนผู้อื่นบาดเจ็บบาดเจ็บสาหัสและตาย อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบกมาตรา(43)4และ(8)กับเป็นความผิดตามป.อ.มาตรา291,300และ390ด้วยนั้นถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การประมาทขับรถทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยขับรถโดยอาการน่าหวาดเสียวและโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นเป็นเหตุให้รถชนผู้อื่นบาดเจ็บบาดเจ็บสาหัสและตายอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกมาตรา(43)4และ(8)กับเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา291,300และ390ด้วยนั้นถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2483/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้อาวุธปืนขู่โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้อาวุธปืนขู่ผู้ตายมิให้เอาถ่านมาป้ายหน้าจำเลย โดยจำเลยไม่รู้ว่าอาวุธปืนนั้นมีกระสุนปืนบรรจุอยู่ฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยไม่มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่น แต่การที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธ ร้ายแรงออกมาขู่ผู้ตายโดยจำเลยไม่ดูเสียให้ดีก่อนว่า อาวุธปืนดังกล่าวมีกระสุนปืนบรรจุอยู่หรือไม่เป็นเหตุให้ กระสุนปืนลั่นไปถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2483/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้อาวุธปืนขู่โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ความผิดฐานประมาท
จำเลยใช้อาวุธปืนขู่ผู้ตายมิให้เอาถ่านมาป้ายหน้าจำเลย โดยจำเลยไม่รู้ว่าอาวุธปืนนั้นมีกระสุนปืนบรรจุอยู่ฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยไม่มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นแต่การที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธ ร้ายแรงออกมาขู่ผู้ตายโดยจำเลยไม่ดูเสียให้ดีก่อนว่า อาวุธปืนดังกล่าวมีกระสุนปืนบรรจุอยู่หรือไม่เป็นเหตุให้ กระสุนปืนลั่นไปถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมี ความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำให้เกิดระเบิดโดยประมาท หรือเจตนาฆ่าตัวตาย จนทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 222
ปกติลูกระเบิดเป็นอาวุธร้ายแรง เมื่อถอดสลักลูกระเบิดหรือสลักนิรภัยออกแล้วย่อมจะต้องระเบิดขึ้นทำอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินได้ จำเลยทำให้เกิดระเบิดโดยเจตนาฆ่าตัวตาย เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 222
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องระบุเจ้าของรถเพียงพอ แม้ไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ การใช้รถโดยประมาทไม่ถือเป็นความผิดตามกรมธรรม์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุซึ่งมีลูกจ้างเป็นผู้ขับขี่และกล่าวหาว่ารถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกข้าวมีน้ำหนักรวมรถยนต์ประมาณ 27 ตันครึ่งแล่นผ่านสะพานไม้ชั่วคราวซึ่งโจทก์มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาและได้ติดตั้ง ป้ายห้ามรถที่มีน้ำหนักบรรทุกเกินกว่า 10 ตันแล่นผ่านไว้แล้วทั้งนี้ โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหาย แก่ผู้อื่น เป็นเหตุให้สะพานไม้ชั่วคราวยุบพังชำรุดใช้การไม่ได้เป็นคำฟ้อง ที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้วที่โจทก์บรรยายฟ้องต่อไปว่าการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420,421,437 นั้นเป็นการบรรยายฟ้องให้ชัดยิ่งขึ้นอีกว่าจำเลยในฐานะเจ้าของ และ ผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามมาตรา 437และการฟ้องให้จำเลยรับผิดตามมาตรา 437เช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องระบุชื่อผู้ขับรถยนต์ว่าเป็นใครก็ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 ตามคำให้การของจำเลยและจำเลยร่วมไม่ได้ปฏิเสธหรือต่อสู้ว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุคดีจึงไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าขณะเกิดเหตุละเมิดจำเลยได้อยู่หรือนั่งมาในรถยนต์คันเกิดเหตุหรือไม่ จำเลยร่วมไม่ได้ยกข้อต่อสู้ว่าไม่ต้องรับผิดเพราะจำเลยไม่ปฏิบัติตามกรมธรรม์ประกันภัย ข้อ 2.10 ให้เป็นประเด็นไว้อย่างชัดแจ้งจึงไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยในข้อนี้ การใช้รถยนต์ในทางที่ผิดกฎหมายที่จำเลยร่วมไม่ต้องรับผิดตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยนั้นมีความหมายว่าเป็นการใช้รถเพื่อประโยชน์ในการกระทำความผิดต่อกฎหมายโดยตรงเช่นใช้รถเป็นพาหนะไปปล้นหรือจงใจบรรทุกของหนีภาษีเป็นต้นแต่การใช้โดยผู้ขับขี่ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกยังเรียกไม่ได้ว่าใช้รถยนต์ใน ทางที่ ผิดกฎหมายจำเลยร่วมจึงไม่พ้นความรับผิด