พบผลลัพธ์ทั้งหมด 869 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2219/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน, พยายามฆ่า, มีอาวุธปืนเถื่อน และพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140 วรรคสาม กับความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามมาตรา 289(2) ประกอบมาตรา 80เป็นความผิดต่างกรรมกับความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 55,78 วรรคหนึ่ง และต่างกรรมกับความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง 72 ทวิ วรรคสอง เพราะการกระทำตามความผิดดังกล่าวมีการกระทำที่แยกจากกันเป็นแต่ละฐานความผิดได้ชัดเจน ไม่เกี่ยวเนื่องกัน ความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน นอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ เป็นความผิดต่างกรรมกับความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะเพราะความผิดทั้งสองฐานมีเจตนาในการกระทำผิดเป็นคนละอันแตกต่างกันและเป็นความผิดต่างฐานกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2029/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่เพียงพอฟังว่าจำเลยทั้งห้ากระทำความผิดฐานพยายามฆ่าและมีอาวุธปืนเถื่อน ศาลฎีกายืนยกฟ้อง
จำเลยที่ 1 ถึง ที่ 4 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าได้ ร่วมวางแผนกับนาย บ และสั่งให้จำเลยที่ 5 ไปยิงโจทก์ร่วมคำ ของ จำเลยที่ 1 ถึง ที่ 4 จึงเป็นคำซัดทอดของผู้ต้องหาด้วย กันมีน้ำหนักน้อยยังรับฟังเป็นความจริงไม่ได้ ส่วนคำเบิกความของนาย บที่ว่ารู้เห็นเกี่ยวกับจำเลยทั้งห้าวางแผนที่ศาลา วัดศิริมงคล และร้านอาหารตวงเพชรในการที่จะเอาอาวุธจรวด ไปยิงโจทก์ร่วม ก็ปรากฏจากคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ถึง ที่ 4 ว่านาย บได้ ร่วมวางแผนเป็นผู้ควบคุมดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ และพนักงานสอบสวนได้ จับกุมนาย บ มาดำเนินคดีเช่นกัน แต่ ต่อมาได้ กันไว้เป็นพยาน นับว่ามีพฤติการณ์เป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วยถือ ว่าเป็นคำซัดทอดของผู้กระทำผิดด้วย กัน มีน้ำหนักน้อย ยังรับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1920/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนายิงโดยตรงแม้พลาดเป้า ถือเป็นความพยายามฆ่าได้
จำเลยใช้ อาวุธปืนลูกซองยาวยิงผู้เสียหายขณะที่ผู้เสียหายกำลังไขกุญแจบ้าน แต่ เป็นจังหวะ เดียว กันกับที่ผู้เสียหายถอย หลังออกมาเพื่อให้แสงสว่างส่องให้เห็นลูกกุญแจ กระสุนปืนจึงไม่ถูกผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีไปบ้านนาง ป. จำเลยจึงยิงปืนมาอีก 1 นัด และตาม ไปร้องตะโกน ด่า ท้าทายอยู่หน้าบ้านนาง ป.ย้ำ ให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าประสงค์จะยิงผู้เสียหายมิใช่เป็นการร้องขู่ และจากการตรวจ ที่ เกิด เหตุพบรู กระสุนปืนลูกซองที่ประตูบ้าน 9 รู ที่ฝาปูนซีเมนต์ข้างประตู 8 รู ที่เพดานชั้นล่างหน้าประตู 4 รู ที่ฝา กระดาน ชั้น ที่สองตรง ห้องนอนของผู้เสียหาย9 รู รู กระสุนปืนที่ชั้นล่างสูงจากพื้นระดับหน้าอกและทะลุเข้าในบ้านถูก ตู้กระจกซึ่ง อยู่ตรงกันข้ามแตก แม้อาวุธปืนที่จำเลยใช้ ยิงเป็นปืนลูกซองยาว แต่ โอกาสที่จะยิงพลาดก็ย่อมมีได้ เพราะจำเลยอาจยิงปืนไม่แม่น และไม่มีความชำนาญ ในการใช้ อาวุธปืน หาใช่เพราะจำเลยไม่มีเจตนายิงผู้เสียหายไม่ ประกอบกับเป็นจังหวะ เดียว กันกับที่ผู้เสียหายถอย หลังเพื่อให้เห็นลูกกุญแจที่จะไข มิใช่ว่าถ้า เป็นอาวุธปืนลูกซองแล้วจะต้อง ยิงถูก เสมอไป ข้อเท็จจริงดังกล่าวเชื่อได้ ว่าจำเลยได้ ใช้ อาวุธปืนยิงผู้เสียหายโดย มีเจตนาฆ่าจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1916/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการใช้เหล็กขูดชาฟท์แทงผู้เสียหายบริเวณหน้าอก แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้ เหล็กขูดชาฟท์ ซึ่ง เป็นวัตถุที่มีคมถึง สามคน มีความยาวถึง 6 นิ้ว ตั้งใจแทงผู้เสียหายตรง บริเวณหน้าอก ซึ่ง เป็นอวัยวะส่วนสำคัญ เมื่อแทงครั้งแรกถูก ผู้เสียหายใช้ มือปัด จำเลยก็เข้าแทงซ้ำอีกครั้ง พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำว่าอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายเมื่อการกระทำของจำเลยไม่บรรลุผลโดย แทงไม่ถูก หน้าอกผู้เสียหายจำเลยจึงมีความผิดฐาน พยายามฆ่า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำผิดพยายามฆ่า แม้ไม่ได้บรรยายในฟ้อง ศาลลงโทษฐานผู้สนับสนุนได้
จำเลยที่ 3 จัดหารถจักรยานยนต์ให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2ใช้ขับขี่ไล่ยิงผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยที่ 3 ยังไม่ถึงขั้นเป็นตัวการ เป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด แม้ฟ้องโจทก์จะไม่ได้บรรยายเพื่อขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ในฐานเป็นผู้สนับสนุน ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 3 ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ เพราะมีโทษเบากว่าตัวการตามที่โจทก์ฟ้อง.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. พยายามฆ่า: การพิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์
มีดปลายแหลมที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายมีความยาวรวมทั้งด้ามประมาณ 6 นิ้วฟุต จำเลยเลือกแทงผู้เสียหายที่หน้าอกด้านซ้ายอันเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย มีบาดแผลบริเวณอกด้านซ้าย มีเลือดและลมในช่องเยื่อหุ้มปอดบาดแผลจะหายในเวลา 7 วัน ในกรณีไม่มีภาวะแทรกซ้อน บาดแผลดังกล่าว เพียงแต่ลึกถึงเยื่อหุ้มปอด ไม่ได้ถึงเนื้อปอด แสดงว่าจำเลยไม่ได้แทงโดยแรงและเมื่อจำเลยแทงผู้เสียหายเพียงทีเดียวแล้วหลบหนีไป ไม่ได้แทงซ้ำอีก ทั้ง ๆที่มีโอกาสกระทำได้ จึงส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าตั้งใจเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาฆ่า การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 70/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่า: การร่วมกระทำผิดกรรมเดียว
จำเลยกับพวกมีเจตนาร่วมกันมาใช้อาวุธปืนยิงนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคยะลาเพราะเหตุเคยมีเรื่องวิวาททำร้ายกับนักเรียนโรงเรียนซึ่งจำเลยกับพวกเรียนอยู่ เมื่อพบผู้ตายกับผู้เสียหายต่างแต่งกายชุดวิทยาลัยเทคนิคยะลาและยืนอยู่ใกล้กัน จึงยิงคนทั้งสองในเวลาต่อเนื่องกัน เมื่อไม่ปรากฏว่าพวกจำเลยที่ยิงมีเจตนายิงเฉพาะผู้ตายแต่เพิ่มเจตนายิงผู้เสียหายอีกคนหนึ่งในภายหลังเป็นพิเศษแล้ว ก็ต้องฟังเป็นคุณแก่จำเลยว่าจำเลยกับพวกร่วมกระทำผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท มิใช่สองกรรมสองกระทง.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า vs. การรักษาพยาบาล: ความรับผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้ ของแข็งตี ทำร้ายผู้ตายมีบาดแผลฟกช้ำดำ เขียวทั่วร่างกายกับมีบาดแผลฉีกขาดที่ศีรษะยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ลึกประมาณ1.5 เซนติเมตร มีบาดแผลฉีกขาดที่หัวคิ้วซ้าย ยาวประมาณ 3 เซนติเมตรลึกประมาณ 1 เซนติเมตร มีบาดแผลถลอกที่ขากรรไกรและข้อศอกซ้ายกระดูกขากรรไกรหัก กระดูกซี่โครงร้าว 2 ซี่ ฟังได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายโดย มี เจตนาฆ่า หลังจากที่ผู้ตายถูก ทำร้ายแล้ว ได้ มีการนำตัวผู้ตายไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล แพทย์ได้ รักษาผู้ตายเบื้องแรกโดย ให้น้ำเกลือใส่ท่อช่วย หายใจ ผ่าตัดใส่ท่อระบาย ลมในโพรง ปอดข้างซ้าย เพราะมีลมรั่วออกมาจากทางเดินหายใจ แล้วใส่เครื่องช่วย หายใจให้ผู้ตายด้วย และแพทย์ผู้รักษามีความเห็นว่าหากให้ผู้ตายรักษาตัว ที่โรงพยาบาลต่อไปแล้ว โอกาสที่ผู้ตายจะมีชีวิต รอดมีมากกว่าผู้ตายจะถึงแก่ความตาย การที่ญาติผู้ตายกระทำให้การรักษาสิ้นสุดลงโดยการดึง เครื่องช่วย หายใจ และท่อช่วย หายใจออก แล้วพาผู้ตายกลับบ้าน และผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนนั้น ย่อมถือได้ว่าเป็นผลโดยตรงที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย หาใช่เป็นผลจากการกระทำของจำเลยโดยตรงไม่ เพราะเมื่อผู้ตายอยู่ในความดูแลรักษาของแพทย์แล้ว ผู้ตายย่อมเป็นผู้อยู่ในสภาพที่มีโอกาสมีชีวิต อยู่รอดสูงการกระทำของจำเลยจึงมีความผิดเพียงฐาน พยายามฆ่าผู้ตาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 603/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการใช้อาวุธปืนยิงในระยะประชิด แม้ถูกที่ต้นขา แต่บาดแผลสาหัสเข้าข่ายพยายามฆ่า
ค. และ บ. ผู้เสียหายทั้งสองพากันเดินจะไปเที่ยวที่งานวัด ค. เห็นจำเลยกำลังตบตีภริยาที่ถนนจึงได้พูดจาว่ากล่าวจำเลย จำเลยไม่พอใจพูดท้าให้ ค. ยิงสู้กับจำเลย แล้วจำเลยได้ชักอาวุธปืนลูกซองยิงผู้เสียหายทั้งสองในระยะเพียง 1-2 วากระสุนปืนถูกผู้เสียหายทั้งสองหลายแห่ง ค. มีบาดแผลถึง 10 แห่งแพทย์ผู้รักษาเห็นว่าหากไปรักษาบาดแผลช้ากว่า 6 ชั่วโมงจะต้องถึงแก่ความตาย เช่นนี้ แสดงว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำว่ากระสุนปืนที่จำเลยยิงอาจถูกผู้เสียหายทั้งสองถึงแก่ความตายได้ แม้ว่ากระสุนปืนที่จำเลยยิงจะถูกผู้เสียหายทั้งสองที่ต้นขาเพียงแต่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ก็ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำไปโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสองแล้ว จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 603/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการยิงแม้ไม่ถึงแก่ชีวิต ศาลพิพากษาฐานพยายามฆ่า
ค. และ บ. ผู้เสียหายทั้งสองพากันเดิน จะไปเที่ยวที่งานวัด ค. เห็นจำเลยกำลังตบตี ภริยาที่ถนน จึงได้ พูดจาว่ากล่าวจำเลยจำเลยไม่พอใจพูดท้าให้ ค. ยิงต่อสู้ กับจำเลย แล้วจำเลยได้ชักอาวุธปืนลูกซองยิงผู้เสียหายทั้งสองในระยะเพียง 1-2 วากระสุนปืนถูก ผู้เสียหายทั้งสองหลายแห่ง ค. มีบาดแผลถึง 10 แห่งแพทย์ผู้รักษาเห็นว่าหากไปรักษาบาดแผลช้า กว่า 6 ชั่วโมง จะต้องถึงแก่ความตาย เช่นนี้ แสดงว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำว่ากระสุนปืนที่จำเลยยิงอาจถูก ผู้เสียหายทั้งสองถึงแก่ความตายได้แม้ว่ากระสุนปืนที่จำเลยยิงจะถูก ผู้เสียหายทั้งสองที่ต้นขาเพียงแต่ เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ก็ถือได้ว่าจำเลยได้ กระทำไปโดย มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสองแล้ว จำเลยมีความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง.