คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พิจารณาคดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 477 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3965/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายระหว่างการพิจารณาคดีส่งผลต่อการลดโทษจำเลย แม้คดีถึงที่สุดแล้ว
เมื่อคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศใช้พระราชบัญญํติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2522 ยกเลิกความใน ม. 91 และให้ใช้ข้อความใหม่แทนว่าให้ศาลลงโทษทุกกรรม แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วจะต้องไม่เกิน 50 ปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 10 ปีขึ้นไป ถือได้ว่ากฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิด แม้คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 2 ที่ 3จะถึงที่สุดแล้วก็ถือได้ว่าเป็นกรณีที่โทษที่กำหนดตามคำพิพากษาหนักกว่าโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3(1) ต้องนำ มาตรา 91 ที่แก้ไขใหม่ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยมาใช้ คดีนี้ เมื่อ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 คนละ 50 ปี 9 เดือน ศาลฎีกา พิพากษาแก้เป็นจำคุกเพียงคนละ 50 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3723/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี การประวิงคดี และผลกระทบต่อการใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกา
ในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อน จำเลยและทนายจำเลยไม่เข้าห้องพิจารณาตามที่เจ้าหน้าที่ศาลประกาศเรียก ทางเครื่องขยายเสียง คงมีแต่ทนายโจทก์เข้าห้องพิจารณาฝ่ายเดียว ถ้าหากทนายจำเลยทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำจนไม่ได้ยินประกาศเรียก จำเลยก็น่าจะเข้าไปในห้องพิจารณาและแถลงให้ศาลทราบ หากการขาดนัดมิได้เป็นไปโดยจงใจในระหว่างพิจารณาคดีฝ่ายเดียว จำเลยก็ชอบที่จะมาศาลและขอให้ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีนั้นใหม่ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา205วรรคสอง แทนที่จะปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติไว้ กลับยื่นคำแถลงโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นเพื่อจะใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกา ดังนี้จำเลยมีเจตนาประวิงคดี เมื่อจำเลยไม่เข้าห้องพิจารณาตามเวลานัด การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาย่อมเป็นการชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งสำเนาอุทธรณ์ให้คู่ความที่ไม่ถูกต้อง และผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
ผู้ร้องที่ 3 ที่ 4 ยื่นคำร้องขอให้ถอนผู้จัดการมรดกแล้วผู้ร้องที่ 3 ที่ 4 ได้ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องนั้น ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตและพิจารณาต่อมาเฉพาะคดีเกี่ยวกับผู้จัดการมรดกยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งผู้รองที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำแถลงคัดค้าน ผู้ร้องที่ 3 ที่ 4 ซึ่งมิได้เป็นผู้คัดค้านจึงมิใช่คู่ความในคดีเกี่ยวกับคำร้องนี้ เมื่อผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้จัดการมรดกลาออกจากตำแหน่งได้ ผู้ร้องที่ 3 ที่ 4 จึงมิใช่จำเลยอุทธรณ์ แต่ผู้จัดการมรดกเท่านั้นที่เป็นจำเลยอุทธรณ์ ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำเนาอุทธรณ์ของผู้ร้องแก่ผู้ร้องที่ 3 ที่ 4 โดยมิได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ผู้จัดการมรดก และศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีมาโดยมิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อนนั้น จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าด้วยการพิจารณา ตามมาตรา 247 ประกอบด้วยมาตรา 243(2) ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ผู้จัดการมรดกแล้วส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3163/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย และสิทธิในการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี อ้างว่าทนายจำเลยป่วยตามใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้อง ศาลชั้นต้นมิได้สอบถามโจทก์ว่าจะคัดค้านหรือไม่ กลับมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีไปเลย โดยไม่พิเคราะห์ว่ามีเหตุจำเป็นจะต้องเลื่อนคดีหรือไม่ คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 40
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีแล้ว ศาลชั้นต้นให้โจทก์นำพยานเข้าสืบ แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้เสมียนทนายจำเลยนั่งฟังการสืบพยานโจทก์อยู่ด้วย และในนัดต่อมาพยานโจทก์ดังกล่าวจะได้มาศาลและให้ทนายจำเลยซักค้านแล้วก็ตาม ก็ไม่อาจถือได้ว่าไม่เสียความเป็นธรรม เพราะในระหว่างที่ทนายโจทก์หรือศาลซักถามพยานโจทก์นั้น อาจมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบในทางคดีเกิดขึ้น เสมียนทนายผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยซึ่งไม่มีอำนาจว่าความอย่างทนายความได้ จึงไม่มีสิทธิคัดค้านกระบวนพิจารณาที่ได้ดำเนินไปในช่วงนั้น นอกจากนี้ยังเป็นการหลีกเลี่ยงบทบัญญัติมาตรา 36 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งบังคับว่า การนั่งพิจารณาคดีต้องกระทำต่อหน้าคู่ความที่มาศาลและโดยเปิดเผย อันเป็นกฎหมายที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม
แม้จำเลยจะมิได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบแต่ก็ได้คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นไว้และใช้สิทธิอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ผิดระเบียบนั้นเสียได้
การที่ทนายจำเลยขอเลื่อนคดีเพราะเหตุเจ็บป่วยตามใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้อง เป็นกรณีมีความจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงได้ ทั้งเป็นการขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรก สมควรอนุญาตให้เลื่อนคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3031/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญาต้องได้ตัวจำเลยก่อนนัดสืบพยาน หากจำเลยไม่มาศาลตามนัด โจทก์ก็ต้องไม่ถูกยกฟ้อง
ในคดีอาญา เมื่อศาลไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่งประทับฟ้องแล้วศาลชอบที่จะต้องออกหมายเรียกหรือหมายจับจำเลยมาแล้วแต่ควรอย่างใดเพื่อให้ได้ตัวจำเลยมาอยู่ในอำนาจศาลเสียก่อนแล้วจึงทำการพิจารณาต่อไป การที่ศาลสั่งกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์โดยยังไม่ได้ตัวจำเลยมาศาล จึงเป็นกระบวนพิจารณาข้ามขั้นตอนของกฎหมาย เมื่อจำเลยไม่มาศาลตามนัด ในวันนั้นก็ไม่มีตัวจำเลยอยู่ในอำนาจศาลวันเวลาที่นัดไว้จึงถือไม่ได้ว่าเป็นวันเวลานัดสืบพยานโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่มาศาลตามวันเวลาดังกล่าวจะถือเป็นเหตุยกฟ้องโดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา166 ประกอบด้วยมาตรา 181 หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2654/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดพิจารณา – สิทธิในการสืบพยาน – การพิจารณาคดีไม่ชอบ – แก้ไขคำพิพากษา
จำเลยทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์โดยชอบแล้วแต่ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแล้วให้พิจารณาสืบพยานโจทก์ไป เสมียนทนายจำเลยเพิ่งนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นหลังจากศาลสืบพยานโจทก์ซึ่งมีปากเดียวเสร็จสิ้นแล้ว ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีชอบแล้ว
ทนายจำเลยผู้ขาดนัดพิจารณามาศาลภายหลังที่โจทก์นำพยานเข้าสืบไปแล้ว จึงคัดค้านพยานนั้นโดยวิธีถามค้านพยานของโจทก์ที่สืบไปแล้วไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสาม (2)
การที่เสมียนทนายจำเลยซึ่งได้รับมอบหมายจากทนายจำเลยนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นหลังจากที่ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้ว ก่อนโจทก์แถลงหมดพยาน ถือได้ว่าจำเลยผู้ขาดนัดมาศาลยังไม่พ้นเวลาที่จะนำพยานของตนเข้าสืบตามมาตรา 205 วรรคสาม (1) และจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว จึงมีสิทธินำพยานของตนเข้าสืบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2654/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี และสิทธิในการนำสืบพยานจำเลย แม้จะขาดนัดไปแล้ว
จำเลยทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์โดยชอบแล้ว แต่ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา แล้วให้พิจารณาสืบพยานโจทก์ไป เสมียนทนายจำเลยเพิ่งนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นหลังจากศาลสืบพยานโจทก์ซึ่งมีปากเดียวเสร็จสิ้นแล้ว ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีชอบแล้ว
ทนายจำเลยผู้ขาดนัดพิจารณามาศาลภายหลังที่โจทก์นำพยานเข้าสืบไปแล้ว จึงคัดค้านพยานนั้นโดยวิธีถามค้านพยานของโจทก์ที่สืบไปแล้วไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสาม (2)
การที่เสมียนทนายจำเลยซึ่งได้รับมอบหมายจากทนายจำเลยนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นหลังจากที่ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้ว ก่อนโจทก์แถลงหมดพยาน ถือได้ว่าจำเลยผู้ขาดนัดมาศาลยังไม่พ้นเวลาที่จะนำพยานของตนเข้าสืบตามมาตรา 205 วรรคสาม (1) และจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว จึงมีสิทธินำพยานของตนเข้าสืบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายระหว่างพิจารณาคดี และผลกระทบต่อการลงโทษจำคุกสูงสุดสำหรับความผิดหลายกระทง
จำเลยกระทำความผิดหลายกรรม คือฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กับมีโทษจำคุก 10 วันที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีก่อน เมื่อลดโทษแล้วศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกสองกระทงแรก 50 ปี และ 1 ปี 6 เดือน ตามลำดับ กับบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้รวมเป็นโทษจำคุก 50 ปี 6 เดือน 10 วัน แต่ในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 ออกใช้บังคับเกี่ยวกับการลงโทษผู้กระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ซึ่งแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด และเป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3 คดีนี้เมื่อเรียงกระทงลงโทษแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3) ที่ได้แก้ไขใหม่ จะลงโทษจำคุกเกินกว่า 50 ปีไม่ได้ ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นให้จำคุก 50 ปีและบวกโทษจำคุก 10 วันที่รอการลงโทษไว้ รวมเป็นโทษจำคุก 50 ปี 10 วัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายระหว่างการพิจารณาคดี และผลกระทบต่อการลงโทษจำคุกสำหรับความผิดหลายกรรม
จำเลยกระทำความผิดหลายกรรม คือฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กับมีโทษจำคุก 10 วันที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีก่อน เมื่อลดโทษแล้วศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกสองกระทงแรก 50 ปี และ 1 ปี 6 เดือน ตามลำดับกับบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้รวมเป็นโทษจำคุก 50 ปี 6 เดือน 10 วัน แต่ในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2526 ออกใช้บังคับเกี่ยวกับการลงโทษผู้กระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ซึ่งแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด และเป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 คดีนี้เมื่อเรียงกระทงลงโทษแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ที่ได้แก้ไขใหม่ จะลงโทษจำคุกเกินกว่า 50 ปีไม่ได้ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นให้จำคุก 50 ปีและบวกโทษจำคุก 10 วันที่รอการลงโทษไว้ รวมเป็นโทษจำคุก 50 ปี 10 วัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2290/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อบกพร่องคำฟ้องอุทธรณ์และการพิจารณาคดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ผู้อุทธรณ์มิได้ลงชื่อในคำฟ้องอุทธรณ์ คำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์จึงไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่การที่จะให้โจทก์แก้ฟ้องอุทธรณ์หรือสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ ก็ล่วงเลยเวลาที่จะปฏิบัติแล้ว เพราะศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาพิพากษาคดีเสร็จไปแล้วคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
of 48