คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ภาระจำยอม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 423 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5619/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภาระจำยอมต้องเกิดจากการใช้สิทธิเพื่อตนเอง ไม่ใช่การอาศัยสิทธิของผู้อื่น อายุความต้องนับจากวันที่ใช้สิทธิเพื่อตนเอง
เดิมทางพิพาทเป็นทางเข้าออกตลาดรวมอยู่ในที่ดินแปลงเดียวกับตลาด การใช้ทางพิพาทในช่วงนี้จึงเป็นการใช้ในฐานะอาศัยเจ้าของที่ดิน ต่อมาตลาดเลิกไปมีการสร้างตึกแถวขึ้น โจทก์เพียงแต่เช่าตึกแถวดังกล่าวซึ่งอยู่บนที่ดินแปลงเดียวกับทางพิพาท การใช้ทางพิพาทของโจทก์ในช่วงนี้จึงมิใช่เป็นการใช้ในฐานะเจ้าของที่ดินแปลงอื่น หรือเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินแปลงอื่นไม่เป็นการใช้สิทธิภาระจำยอมเมื่อมีการแบ่งแยกโฉนดที่ดินที่ปลูกตึกแถวออกเป็นแปลง ๆ และที่ดินอันเป็นทางพิพาทแยกเป็นคนละแปลงจากที่ดินที่โจทก์อยู่ การใช้ทางพิพาทของโจทก์จึงเป็นการใช้สิทธิภาระจำยอมนับแต่บัดนั้นซึ่งเมื่อนับถึงวันที่จำเลยปิดกั้นทางพิพาทยังไม่ครบ 10 ปี โจทก์จึงยังไม่ได้สิทธิภาระจำยอมโดยอายุความ ไม่อาจฟ้องให้จำเลยเปิดทางได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินและภาระจำยอม: การวินิจฉัยตามกฎหมายใกล้เคียงเมื่อไม่มีบทบัญญัติโดยตรง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่เช่าและเรียกค่าเสียหายโดยอาศัยสัญญาเช่าเป็นหลักแห่งข้อหา และอ้างว่าจำเลยไม่ชำระค่าเช่าอันเป็นการผิดข้อตกลงในสัญญาเช่า โจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว แม้โจทก์จะไม่ได้บรรยายว่าที่พิพาท 5 ตารางวาตามสัญญา เช่าอยู่ตรงส่วนไหนของที่ดินโจทก์ก็ตาม แต่ต่อมาในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นคู่ความทั้งสองฝ่ายก็ได้ขอให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครออกไปทำแผนที่พิพาทแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ทายาทในฐานะเจ้าของรวม ปลูกบ้านในที่ดินมรดกซึ่งครอบครองร่วมกันอยู่โดยสุจริต ต่อมามีการแบ่งแยกโฉนดระหว่างทายาท ปรากฏว่าบ้านที่ทายาทคนหนึ่งปลูกบางส่วนรุกล้ำที่ดินของทายาทอื่น กรณีเช่นนี้ไม่มีบทกฎหมายมาตราใดบัญญัติไว้โดยตรง ต้องอาศัยเทียบบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งตามที่มาตรา 4 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้กำหนดไว้ บทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งก็คือมาตรา 1312 วรรคแรก ซึ่งให้เจ้าของที่ดินได้ค่าใช้ที่ดินส่วนรุกล้ำและจดทะเบียนสิทธิเป็นภาระจำยอม
(วรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่1/2530).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินโดยสุจริตและภาระจำยอม: ศาลพิจารณาค่าใช้ที่ดินแทนการรื้อถอน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่เช่าและเรียกค่าเสียหายโดยอาศัยสัญญาเช่าเป็นหลักแห่งข้อหา และอ้างว่าจำเลยไม่ชำระค่าเช่าอันเป็นการผิดข้อตกลงในสัญญาเช่า โจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว แม้โจทก์จะไม่ได้บรรยายว่าที่พิพาท 5 ตารางวาตามสัญญาเช่าอยู่ตรงส่วนไหนของที่ดินโจทก์ก็ตาม แต่ต่อมาในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นคู่ความทั้งสองฝ่ายก็ได้ขอให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครออกไปทำแผนที่พิพาทแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ทายาทในฐานะเจ้าของรวม ปลูกบ้านในที่ดินมรดกซึ่งครอบครองร่วมกันอยู่โดยสุจริต ต่อมามีการแบ่งแยกโฉนดระหว่างทายาทปรากฏว่าบ้านที่ทายาทคนหนึ่งปลูกบางส่วนรุกล้ำที่ดินของทายาทอื่น กรณีเช่นนี้ไม่มีบทกฎหมายมาตราใดบัญญัติไว้โดยตรง ต้องอาศัยเทียบบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งตามที่มาตรา 4แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้กำหนดไว้ บทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งก็คือมาตรา 1312 วรรคแรก ซึ่งให้เจ้าของที่ดินได้ค่าใช้ที่ดินส่วนรุกล้ำและจดทะเบียนสิทธิเป็นภาระจำยอม (วรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่1/2530).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินหลังแบ่งแยกโฉนด สิทธิในการใช้ที่ดินส่วนรุกล้ำ และภาระจำยอม
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายโดยอาศัยสัญญาเช่าเป็นหลักแห่งข้อหา โดยโจทก์อ้างว่าจำเลยไม่ชำระค่าเช่าอันเป็นการผิดข้อตกลงในสัญญาเช่า โจทก์บอกเลิกสัญญาแล้วขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปและให้ใช้ค่าเสียหาย เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 แล้วแม้โจทก์จะไม่ได้บรรยายว่าที่พิพาท 5 ตารางวาตามสัญญาเช่าจะอยู่ตรงส่วนไหนของที่ดินโจทก์ก็ตาม แต่ต่อมาศาลชั้นต้นก็ได้สั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินทำแผนที่วิวาทมาแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม การที่จำเลยซึ่งเป็นทายาทคนหนึ่งปลูกบ้านในที่ดินมรดกในฐานะเป็นเจ้าของรวมก่อนที่จะมีการแบ่งแยกนั้น เป็นการปลูกสร้างโดยสุจริตและมีสิทธิปลูกได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เหตุที่บ้านของจำเลยบางส่วนรุกล้ำที่ดินของโจทก์ 5 ตารางวาเนื่องจากการแบ่งแยกโฉนด ระหว่างทายาทในภายหลัง กรณีเช่นนี้ไม่มีบทกฎหมายมาตราใดบัญญัติไว้โดยตรง จึงต้องอาศัยเทียบบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งตาม ป.พ.พ. มาตรา 4บทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งที่จะปรับแก่คดีนี้คือ มาตรา 1312วรรคแรกซึ่งให้เจ้าของที่ดินได้ค่าใช้ที่ดินส่วนที่รุกล้ำโจทก์จะขอให้จำเลยรื้อบ้านส่วนรุกล้ำที่ดินของโจทก์ออกไปไม่ได้. (วรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2769/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีทางภาระจำยอม: การรุกล้ำทางภาระจำยอมและการโอนกรรมสิทธิ์หลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามคำพิพากษา
คดีมีประเด็นในชั้นบังคับคดีว่า จำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมโดยครบถ้วนถูกต้องแล้วหรือไม่นั้น ศาลมีอำนาจไต่สวนและมีคำสั่งได้เพราะเป็นกระบวนพิจารณาชั้นบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา148(1) จำเลยปลูกสร้างตึกแถวรุกล้ำทางภารจำยอมและถม ดิน ลงในลำกระโดง สาธารณะ ให้โจทก์ใช้แทนทางภารจำยอมเดิม บางส่วน เป็นการประกอบกรรมอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปตามป.พ.พ. มาตรา 1390 และเมื่อจำเลยกระทำการดังกล่าวขึ้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอม และสัญญาประนีประนอมยอมความในข้อที่จำเลยยอมให้โจทก์ใช้ทางภารจำยอมได้ตลอดไป โจทก์ชอบที่จะขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนตึกแถวที่จำเลยปลูกสร้างรุกล้ำทางภารจำยอม และทำทางภารจำยอมให้อยู่ในสภาพที่โจทก์จะใช้ได้โดยสะดวกเหมือนเดิมได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2554/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ทางโดยอาศัยสิทธิเจ้าของที่ดิน มิใช่การได้มาซึ่งภาระจำยอมตามอายุความ
ทางพิพาทเป็นทางผ่านเข้าออกในที่ดินของจำเลยที่ 1 ที่มีมาอยู่แต่เดิมแล้วก่อนที่โจทก์จะใช้เป็นทางผ่านเข้าออกโจทก์เริ่มใช้ทางพิพาทเข้าออกขณะพี่ชายโจทก์มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินนั้นแทนคณะพ่อค้า และโจทก์เป็นคณะกรรมการดูแลที่ดินคนหนึ่ง จึงเป็นการใช้ทางโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดิน ทั้งตามพฤติการณ์ถือได้ว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทโดยการถือวิสาสะมิใช่เป็นการใช้สิทธิปรปักษ์ แม้โจทก์จะใช้ทางพิพาทในที่ดินของจำเลยที่ 1 ติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบปี ทางพิพาทก็ไม่ตกเป็นทางภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์โดยอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งแยกที่ดินกรรมสิทธิ์รวม และสิทธิทางภาระจำยอมเป็นเรื่องต่างหาก
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยแบ่งแยกที่ดินกรรมสิทธิ์รวม จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ครอบครองที่ดินกันมาไม่ตรงตามฟ้อง และยังมีทางเดินจากที่ดินส่วนที่จำเลยครอบครองออกไปสู่คลองสาธารณประโยชน์ ซึ่งเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิมใช้เดินติดต่อกันมาหลายสิบปีแล้ว ขอให้โจทก์ไปจดทะเบียนทางภาระจำยอม ดังนี้การที่จำเลยจะมีสิทธิเดินผ่านที่ดินของโจทก์หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับการแบ่งแยกที่ดิน ฟ้องแย้งจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตฟ้องแย้งในคดีแบ่งแยกที่ดิน: การเรียกร้องสิทธิทางภาระจำยอมไม่เกี่ยวกับการแบ่งแยกที่ดิน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยแบ่งแยกที่ดินกรรมสิทธิ์รวม จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ครอบครองที่ดินกันมาไม่ตรงตามฟ้อง และยังมีทางเดินจากที่ดินส่วนที่จำเลยครอบครองออกไปสู่คลองสาธารณประโยชน์ซึ่งเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิม ใช้เดิน ติดต่อกันมาหลายสิบปีแล้ว ขอให้โจทก์ไปจดทะเบียนทางภารจำยอม ดังนี้การที่จำเลยจะมีสิทธิเดิน ผ่านที่ดินของโจทก์หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับการแบ่งแยกที่ดินฟ้องแย้งจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2121/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภาระจำยอมโดยการใช้ทางต่อเนื่องเกิน 10 ปี และข้อตกลงยินยอมใช้ทาง
โจทก์ซื้อที่ดินของจำเลยทางด้านทิศใต้ใช้ปลูกบ้าน โดยจำเลยตกลงยอมให้โจทก์ใช้ทางพิพาทในที่ดินจำเลยเดินผ่านเข้าออกสู่ทางสาธารณะที่อยู่ทางทิศเหนือ ต่อมาโจทก์แจ้งให้จำเลยไปจดทะเบียนทางภาระจำยอมให้โจทก์จำเลยไปขอจดทะเบียนทางภาระจำยอมแล้ว แต่ภรรยาจำเลยคัดค้านจึงจดทะเบียนไม่ได้ ถือได้ว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดิน โดยถือว่าตนมีสิทธิใช้ตลอดไปไม่ใช่ใช้อย่างถือวิสาสะอาศัยสิทธิของจำเลย เมื่อใช้ทางเดินเกิน 10 ปี โจทก์ย่อมได้สิทธิภาระจำยอม จำเลยสร้างรั้วปิดกั้นทางดังกล่าว จึงเป็นการละเมิดโจทก์
คำฟ้องมีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าจำเลยตกลงยอมให้โจทก์เดินผ่านทางพิพาทในที่ดินของจำเลยจนกลายเป็นภาระจำยอมที่ได้มาโดยอายุความเนื่องจากโจทก์ถือสิทธิใช้ทางพิพาทเป็นปรปักษ์ต่อจำเลย แต่จำเลยไม่ได้ให้การถึงข้อตกลงดังกล่าว ฎีกาของจำเลยที่ว่าข้อตกลงข้างต้นไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่บริบูรณ์ โจทก์ไม่อาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนเป็นทางภาระจำยอมได้นั้น จึงไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2121/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งภาระจำยอมโดยการใช้ทางต่อเนื่องเกิน 10 ปี และการยินยอมของเจ้าของที่ดิน
โจทก์ซื้อที่ดินของจำเลยทางด้านทิศใต้ใช้ปลูกบ้าน โดยจำเลยตกลงยอมให้โจทก์ใช้ทางพิพาทในที่ดินจำเลยเดินผ่านเข้าออกสู่ทางสาธารณะที่อยู่ทางทิศเหนือ ต่อมาโจทก์แจ้งให้จำเลยไปจดทะเบียนทางภาระจำยอมให้โจทก์จำเลยไปขอจดทะเบียนทางภาระจำยอมแล้ว แต่ภรรยาจำเลยคัดค้านจึงจดทะเบียนไม่ได้ ถือได้ว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดิน โดยถือว่าตนมีสิทธิใช้ตลอดไปไม่ใช่ใช้อย่างถือวิสาสะอาศัยสิทธิของจำเลย เมื่อใช้ทางเดินเกิน 10 ปี โจทก์ย่อมได้สิทธิภาระจำยอม จำเลยสร้างรั้วปิดกั้นทางดังกล่าว จึงเป็นการละเมิดโจทก์
คำฟ้องมีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าจำเลยตกลงยอมให้โจทก์เดินผ่านทางพิพาทในที่ดินของจำเลยจนกลายเป็นภาระจำยอมที่ได้มาโดยอายุความเนื่องจากโจทก์ถือสิทธิใช้ทางพิพาทเป็นปรปักษ์ต่อจำเลย แต่จำเลยไม่ได้ให้การถึงข้อตกลงดังกล่าว ฎีกาของจำเลยที่ว่าข้อตกลงข้างต้นไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่บริบูรณ์ โจทก์ไม่อาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนเป็นทางภาระจำยอมได้นั้น จึงไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
of 43