คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยกฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,640 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4964/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกานี้ยกฟ้องข้อหาเบียดบังทรัพย์ เนื่องจากเงินที่ยักยอกไม่ใช่เงินของแผ่นดิน และคดีขาดอายุความ
เงิน รายได้ ฌา ปน สถานที่ จำเลย เบียดบัง ไม่ได้ ส่ง กรมตำรวจ ตาม ที่ โจทก์ กล่าวหา เป็น เงิน นอก งบประมาณ ไม่ใช่ เงิน รายได้ ของ แผ่นดิน และ ความผิด ต่อ ตำแหน่ง หน้าที่ ราชการ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ทรัพย์ ที่ เจ้าพนักงาน เบียดบัง เอาไว้ เป็น ของ ตน หรือ ของ ผู้อื่น ต้อง เป็น ทรัพย์ ที่ เจ้าพนักงาน มี หน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการ หรือ รักษา แต่เมื่อ เงิน ที่ จำเลย ยักยอก เอาไป ใช้ ส่วนตัว ใน คดี นี้ เป็น เงิน ค่าบำรุง ที่ เจ้า ภาพ งาน ศพ มา ใช้ ฌา ปน สถาน มอบ ให้ แก่ จำเลย เพื่อ เก็บ ส่ง เป็น เงิน สวัสดิการ ต่อ กรมตำรวจ เท่านั้น มิใช่ เงิน ของ ทางราชการ หรือ ของ รัฐบาล ที่ จำเลย ผู้เป็น เจ้าพนักงาน มี หน้าที่ จัดซื้อ ทำ จัดการ หรือ รักษา จึง ลงโทษ จำเลย ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ไม่ได้ การกระทำ ของ จำเลย เป็น ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 เป็น ความผิดอันยอมความได้ ซึ่ง ผู้เสียหาย จะ ต้อง ร้องทุกข์ ภายใน 3 เดือน นับแต่ รู้ เรื่อง ความผิด และ รู้ตัว ผู้กระทำ ความผิด แต่ ปรากฏว่า ผู้ช่วย อธิบดี กรมตำรวจ ปฏิบัติ ราชการ แทน อธิบดี กรมตำรวจ รู้ เรื่อง ความผิด และ รู้ตัว ผู้กระทำ ความผิด เมื่อ วันที่ 17 กันยายน 2528 แต่ ท . เพิ่ง ได้รับ คำสั่ง จาก ผู้บังคับการ กองสวัสดิการ กรมตำรวจ ให้ ไป ร้องทุกข์ ต่อ พนักงานสอบสวน เมื่อ วันที่ 18 มีนาคม 2530 การ ร้องทุกข์ ซึ่ง จะ ต้อง ดำเนินการ ตั้งแต่ รับคำ สั่ง จึง เกิน 3 เดือน นับแต่ รู้ เรื่อง และ รู้ตัว ผู้กระทำผิด แล้ว คดี จึง ขาดอายุความ แม้ จำเลย ไม่ได้ ยก อายุความ ขึ้น ต่อสู้ ศาลฎีกา ก็ ยกขึ้น พิจารณา ได้เอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4935/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิฎีกาในความผิดพยายามฆ่า เมื่อศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ และมาตรา ๒๙๗ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗(๘), ๘๓ เป็นกรณีที่ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในความผิดฐานพยายามฆ่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ ฎีกาในข้อหานี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4935/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิฎีกาในความผิดพยายามฆ่า เมื่อศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,80 และมาตรา 297 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8),83 เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในความผิดฐานพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อหานี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3380/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาของโจทก์ร่วมในคดีอาญา: การยุติสิทธิเมื่อมิได้อุทธรณ์คำพิพากษายกฟ้อง
ในคดีอาญาที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมนั้นเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องก็หมายถึงยกฟ้องของโจทก์ร่วมด้วยเมื่อโจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นคดีของโจทก์ร่วมจึงยุติลง ฉะนั้น แม้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้ฎีกาได้ โจทก์ร่วมก็ไม่มีสิทธิฎีกา ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3292/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้รายละเอียดบางส่วนยังไม่สมบูรณ์ ศาลไม่ยกฟ้อง
คดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องเพราะเหตุฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุม ยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดเนื้อหาในประเด็นแห่งคดี ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายระบุวันเดือนปีที่จำเลย ไปเก็บเงินจากลูกค้าจำนวนเงินที่เก็บแต่ละครั้ง และระบุว่าจำเลยได้ทำบันทึกยอมรับสภาพหนี้ไว้กับโจทก์ตามเอกสารท้ายคำฟ้อง เป็นการบรรยายฟ้องโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ส่วนรายละเอียดว่าลูกค้าของโจทก์ชื่ออะไร อยู่บ้านเลขที่เท่าไร ถนน ตำบล อำเภออะไร และใบเสร็จรับเงินนั้น โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3150/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้จำเลยขาดนัด ศาลยังยกฟ้องได้หากพยานโจทก์ไม่เพียงพอ และมีข้อจำกัดการอุทธรณ์ในคดีภาษีอากร
แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาก็ตาม ศาลจะพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีก็ต่อเมื่อศาลเห็นว่าข้ออ้างตามฟ้องของโจทก์มีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมาย เมื่อศาลเห็นว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังไม่เพียงพอรับฟังตามที่โจทก์ฟ้อง ซึ่งเป็นดุลยพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล ศาลย่อมมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 205 วรรค 1 ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธี-พิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 17
ตามใบขนสินค้าขาเข้าและบัญชีราคาสินค้า ปรากฏว่ามีการระบุรายการและราคาสินค้าแตกต่างกัน ซึ่งศาลก็วินิจฉัยจากพยานเอกสารดังกล่าวว่า ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยจะหลีกเลี่ยงภาษีโดยระบุรายการและราคาสินค้าแตกต่างกันอันเป็นดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล และเป็นการวินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนนั้นเอง หาได้เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือจากข้อเท็จจริงในสำนวนอันจะเป็นปัญหาข้อกฎหมายไม่ เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรพ.ศ.2528 มาตรา 25

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3150/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลมีอำนาจยกฟ้องได้หากพยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอ และอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีภาษีอากรที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาทต้องห้าม
แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาก็ตามศาลจะพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีก็ต่อเมื่อศาลเห็นว่าข้ออ้างตามฟ้องของโจทก์มีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมาย เมื่อศาลเห็นว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังไม่เพียงพอรับฟังตามที่โจทก์ฟ้อง ซึ่งเป็นดุลยพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล ศาลย่อมมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรค 1 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรพ.ศ. 2528 มาตรา 17 ตามใบขนสินค้าขาเข้าและบัญชีราคาสินค้า ปรากฏว่ามีการระบุรายการและราคาสินค้าแตกต่างกัน ซึ่งศาลก็วินิจฉัยจากพยานเอกสารดังกล่าวว่า ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยจะหลีกเลี่ยงภาษีโดยระบุรายการและราคาสินค้าแตกต่างกันอันเป็นดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลและเป็นการวินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนนั้นเอง หาได้เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือจากข้อเท็จจริงในสำนวนอันจะเป็นปัญหาข้อกฎหมายไม่ เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 25

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2995/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารปลอม – ป้ายทะเบียนรถ – โฆษณา – ไม่เข้าข่าย – ยกฟ้อง
จำเลยได้นำแผ่นกระดาษซึ่งมีข้อความ และตัวเลขว่าเหมือนกับแผ่นป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร 9ง-9999 ของทางราชการ แล้วนำไปใส่กรอบโลหะติดไว้กับรถจักรยานยนต์ของจำเลย ซึ่งจำเลยอยู่ในระหว่างดำเนินการขอหมายเลขทะเบียนจากทางราชการ เมื่อแผ่นป้ายดังกล่าวมิได้ทำขึ้นด้วยแผ่นโลหะเช่นของทางราชการ ทั้งยังปรากฎข้อความอย่างอื่นในแผ่นกระดาษนั้นว่า คุ้มครองป้ายทะเบียนและห.จ.ก.รวมการช่าง ผู้ถือสิทธิบัตรอยู่ด้วย แสดงให้เห็นว่าเป็นป้ายที่ใช้เป็นตัวอย่างในการโฆษณา การจัดทำป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์เพื่อจำหน่ายของห้างดังกล่าว กรณีจึงมิใช่การทำเอกสารปลอมเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงเอกสารแผ่นป้ายดังกล่าวจึงมิใช่เอกสารปลอม แม้จำเลยจะนำไปติดไว้กับรถจักรยานยนต์ของจำเลย จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 291/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาบุกรุกที่ดินราชพัสดุ - ความเข้าใจผิดโดยสุจริต - ขาดเจตนา - ยกฟ้อง
จำเลยเข้าทำประโยชน์ในที่ราชพัสดุอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลและใช้ประโยชน์ของกรมตำรวจ แต่กรมตำรวจมิได้มีการทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวไม่มีประกาศในที่ดินดังกล่าวเพื่อให้ราษฎรทราบโดยเปิดเผยว่าเป็นที่ส่วนของทางราชการ จำเลยเข้าใจว่าไม่ใช่ที่สงวนหวงห้ามจึงได้ซื้อและเข้ายึดถือครอบครองทำประโยชน์มาตลอดก็ไม่มีเจ้าพนักงานผู้ใดทักท้วงหวงห้าม นอกจากจำเลยแล้วยังมีราษฎรอื่นอีกหลายรายยึดถือครอบครองเช่นกัน เมื่อมีการห้ามมิให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับที่เกิดเหตุ จำเลยก็ไม่ยอมพฤติการณ์เช่นนี้ย่อมทำให้จำเลยหลงเข้าใจโดยสุจริตว่าที่เกิดเหตุเป็นของจำเลยการกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนาที่จะเข้าถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นอันจะเป็นความผิดอาญาฐานบุกรุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอพิสูจน์ความผิด จำเลยให้การรับสารภาพโดยถูกข่มขู่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานหรือพยานแวดล้อม คงมีแต่คำให้การรับสารภาพของจำเลยชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนรวมทั้งบันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพกับคำให้การชั้นสอบสวนของ ท.ซึ่งมีใจความทำนองเดียวกับคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลย คำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวเป็นพยานบอกเล่าบันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพพร้อมภาพถ่ายจำเลยว่าเป็นการทำโดยไม่เต็มใจตามที่เจ้าพนักงานตำรวจสั่งเพราะกลัวถูกทำร้าย แม้โจทก์จะมีพันตำรวจตรีถ. เบิกความประกอบว่าชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ เหตุการณ์ที่พันตำรวจตรีถ. รับทราบเกี่ยวกับเรื่องจำเลยกระทำผิดก็เป็นเพียงพยานบอกเล่าไม่พอฟังว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด
of 164