คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยักยอก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 437 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานยักยอกเงินภาษีโรงเรือน เทศบาลมีอำนาจร้องทุกข์ได้ แม้ผู้เสียหายโดยตรงคือนายภาษี
เทศบาลประเมินและเรียกเก็บภาษีโรงเรือน จำเลยรับเงินภาษีโรงเรือนมาแล้วไม่ลงบัญชี กลับยักยอกเอาไปเสีย เช่นนี้ เทศบาลย่อมเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจร้องทุกข์ได้
จำเลยเป็นพนักงานวิสามัญ มีหน้าที่ตรวจควบคุมการเก็บเงินตลาดสดและรับงานด้านภาษีโรงเรือน ขึ้นต่อแผนกคลังของเทศบาลเมือง จำเลยรับเงินเดือนจากเงินประเภทงบประมาณเงินเดือน ฉะนั้น การที่จำเลยเก็บหรือรับเงินจากผู้ที่นำเงินมาชำระเป็นค่าภาษีโรงเรือนให้แก่เทศบาลแล้วไม่ลงบัญชี กลับยักยอกเอาไปเป็นประโยชน์อย่างอื่นเสีย ดังนี้ ย่อมเป็นการกระทำในหน้าที่พนักงานผู้เก็บเงินตามหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้งและมอบหมาย เมื่อยักยอกเอาเงินที่ได้รับไว้ตามหน้าที่ของจำเลย จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำการอันเป็นความผิดต่อหน้าที่ของตน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1866/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับเงินไปซื้อของแทนผู้อื่น หากนำไปใช้ส่วนตัว ถือเป็นการยักยอก
การที่จำเลยรับมอบเงินจากผู้เสียหายเพื่อซื้อข้าวเปลือกและปอฟอกให้ผู้เสียหายเช่นนี้ แม้จะไม่มีกำหนดเวลาว่าจำเลยจะต้องซื้อเมื่อใด ก็ไม่มีลักษณะเป็นการฝากทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 657 และ 672 เพราะไม่ใช่เป็นการมอบเงินให้เก็บรักษาไว้ในอารักขาของจำเลยแล้วจำเลยจะคืนให้ จริงอยู่จำเลยอาจนำธนบัตรฉบับอื่นหรือเหรียญกษาปณ์อันอื่นไปซื้อได้ แต่นั่นเป็นเพราะธนบัตรและเหรียญกษาปณ์เป็นเงินตราที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายด้วยกันตามพระราชบัญญัติเงินตราฯ จะนำธนบัตรฉบับไหนไปซื้อ ก็สมประโยชน์ของผู้เสียหาย และย่อมไม่ใช่การกระทำโดยทุจริตด้วยเหตุนี้เงินจำนวน 15,000 บาท ที่ผู้เสียหายมอบให้จำเลยครอบครอง จึงยังเป็นของผู้เสียหายอยู่จนกว่าจำเลยจะได้ซื้อข้าวเปลือกและปอฟอกให้ผู้เสียหายแล้ว อีกประการหนึ่งการที่จำเลยไม่นำเงินของผู้เสียหายที่ตนครอบครองอยู่ไปซื้อข้าวเปลือกและปอฟอกตามที่ได้รับมอบหมาย บางกรณีอาจเป็นเพียงผิดสัญญาในทางแพ่งได้ก็จริง แต่ทั้งนี้ต้องไม่ใช่เป็นการเบียดบังเอาเงินนั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต หากเป็นการเบียดบังเอาเงินนั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริตแล้ว ย่อมเป็นความผิดฐานยักยอก โดยเฉพาะคดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ดังกล่าวข้างต้นว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังยักยอกเงินจำนวนนี้ไว้เป็นประโยชน์ของจำเลยเอง จำเลยจึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1537/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมุห์บัญชีอำเภอเร่งรัดภาษี ยักยอกเงินภาษีของรัฐเข้าใช้ส่วนตัว มีความผิดอาญา
จำเลยเป็นสมุห์บัญชีอำเภอ ไปเร่งรัดภาษีจากผู้ค้างภาษี ผู้ค้างภาษีจึงได้ชำระเงินภาษีให้จำเลยมา จำเลยหาได้ส่งเงินดังกล่าวต่อกรรมการรักษาเงินหรือต่อคลังจังหวัดตามระเบียบไม่ จำเลยกลับนำเงินเหล่านั้นไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 151 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 3, 7 แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะส่งเงินทะยอยคืน ก็หาทำให้การกระทำของจำเลยที่เกิดเป็นความผิดขึ้นแล้วกลับกลายเป็นไม่เป็นความผิดไม่
เงินภาษีอากรที่จำเลยเก็บมาดังกล่าวเป็นของรัฐบาล เมื่อจำเลยยักยอกเอาไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย รัฐบาลย่อมเป็นผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1537/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมุห์บัญชีอำเภอ ยักยอกเงินภาษีอากรของรัฐบาลเข้าใช้ส่วนตัว มีความผิดอาญา แม้จะคืนเงินภายหลังก็ไม่ทำให้ความผิดนั้นหมดไป
จำเลยเป็นสมุห์บัญชีอำเภอ ไปเร่งรัดภาษีจากผู้ค้างภาษีผู้ค้างภาษีจึงได้ชำระเงินภาษีให้จำเลยมา จำเลยหาได้ส่งเงินดังกล่าวต่อกรรมการรักษาเงินหรือต่อคลังจังหวัดตามระเบียบไม่ จำเลยกลับนำเงินเหล่านั้นไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,151 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 3,7 แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะส่งเงินทะยอยคืนก็หาทำให้การกระทำของจำเลยที่เกิดเป็นความผิดขึ้นแล้วกลับกลายเป็น ไม่ เป็นความผิด ไม่
เงินภาษีอากรที่จำเลยเก็บมาดังกล่าวเป็นของรัฐบาล เมื่อจำเลยยักยอกเอาไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย รัฐบาลย่อมเป็นผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1537/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมุห์บัญชีอำเภอ ยักยอกเงินภาษีเข้าตนเอง มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์
จำเลยเป็นสมุห์บัญชีอำเภอ. ไปเร่งรัดภาษีจากผู้ค้างภาษี. ผู้ค้างภาษีจึงได้ชำระเงินภาษีให้จำเลยมา. จำเลยหาได้ส่งเงินดังกล่าวต่อกรรมการรักษาเงินหรือต่อคลังจังหวัดตามระเบียบไม่. จำเลยกลับนำเงินเหล่านั้นไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย. จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,151 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 3,7. แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะส่งเงินทะยอยคืน. ก็หาทำให้การกระทำของจำเลยที่เกิดเป็นความผิดขึ้นแล้ว.กลับกลายเป็น.ไม่.เป็นความผิด.ไม่.
เงินภาษีอากรที่จำเลยเก็บมาดังกล่าวเป็นของรัฐบาล. เมื่อจำเลยยักยอกเอาไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย รัฐบาลย่อมเป็นผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางแพ่งจากการชำระค่าอากรผ่านตัวแทน: กรณีเงินค่าอากรถูกยักยอกหรือไม่ได้ชำระ
จำเลยให้ลูกจ้างไปชำระค่าอากรเพื่อรับสินค้าต่อกรมศุลกากรและได้รับสินค้าไปแล้วแต่กรมศุลกากรไม่ได้รับชำระค่าอากรจำนวนนั้นค่าลูกจ้างของจำเลยได้ชำระค่าอากรแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรเอาเงินนั้นไว้เอง ไม่ส่งให้แก่กรมศุลกากรจำเลยก็ไม่ต้องรับผิดชำระค่าอากรนั้น แต่ถ้าลูกจ้างของจำเลยไม่ได้ชำระเงินนั้นให้แก่เจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากร แม้จะเป็นโดยเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรร่วมทุจริตด้วยก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิด เพราะจำเลยต้องรับผิดชอบในการกระทำของลูกจ้างซึ่งเป็นตัวแทนที่จำเลยใช้ในการชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการร้องทุกข์ของเลขานุการสำนักงานอาคารสงเคราะห์ และการเริ่มนับระยะเวลาการร้องทุกข์ในคดีความผิดฐานยักยอก
เลขานุการสำนักงานอาคารสงเคราะห์ได้รับมอบหมายจากกรรมการสองนายของสำนักงานฯ ให้มีอำนาจลงนามในเอกสารผูกพันสำนักงานได้ในการดำเนินงานในอำนาจและหน้าที่ของสำนักงานอาคารสงเคราะห์ ฉะนั้นเลขานุการฯ จึงมีอำนาจร้องทุกข์แทนสำนักงานอาคารสงเคราะห์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(3)
การร้องทุกข์เกี่ยวกับความผิดฐานยักยอก ซึ่งต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิด และรู้ตัวผู้กระทำผิดนั้น ต้องถือว่าสำนักงานอาคารสงเคราะห์เพิ่งทราบการกระทำผิดของจำเลยเมื่อวันที่คณะกรรมการสอบสวนรายงานผลให้เลขานุการของสำนักงานทราบ เพราะเลขานุการเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการแทนสำนักงานอาคารสงเคราะห์ได้ จะนับแต่วันทราบของเจ้าหน้าที่สำนักงานซึ่งไม่มีอำนาจดำเนินการแทนสำนักงานอาคารสงเคราะห์ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ vs. ยักยอก/รับของโจร: การพิสูจน์เจตนาและข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงในศาล
คดีลักทรัพย์ การที่โจทก์ขอแก้ชื่อเจ้าทรัพย์ซึ่งเป็นการขอแก้รายละเอียดหากจำเลยไม่หลงต่อสู้แล้ว โจทก์ย่อมแก้ฟ้องได้
กระบือหายจากที่เลี้ยงไปอยู่กลางทุ่งใกล้กระท่อมนาผู้อื่นซึ่งห่างไปประมาณ 1 กิโลเมตร และพวกเจ้าทรัพย์กำลังติดตามอยู่ ดังนี้ ไม่ถือว่าเป็นทรัพย์สินหายเพราะความยึดถือของเจ้าทรัพย์ยังไม่ขาดตอนไป ซึ่งจำเลยควรจะรู้ว่าหากจำเลยไม่พาเอาไปเสียเจ้าของก็ยังติดตามเอาคืนได้ง่าย เมื่อจำเลยเอากระบือนั้นไป จำเลยย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์ หาใช่ยักยอกเก็บของตกไม่
ศาลชั้นต้นฟังว่า กระบือขาดหลุดไปในลักษณะของตกหาย จำเลยพาไปไม่เป็นผิดฐานลักทรัพย์ พิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยรับซื้อกระบือไปโดยไม่สุจริตเป็นผิดฐานรับของโจร ดังนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีจึงไม่ต้องห้าม โจทก์ย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ vs. ยักยอก: สิทธิผู้เสียหายร่วม และการครอบครองทรัพย์ชั่วคราว
เงินที่ได้จากการขายข้าวซึ่งโจทก์ร่วมและบิดาทำร่วมกันเมื่อได้ความว่ายังไม่ได้แบ่งเงินรายนี้ระหว่างคนทั้งสองจึงต้องถือว่าทั้งบิดาและโจทก์ร่วมเป็นเจ้าของเงินรายนี้ร่วมกันอยู่ดังนี้ จึงต้องถือว่าโจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหาย ย่อมมีสิทธิที่จะร้องทุกข์ได้ตามกฎหมาย
คดีนี้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้เรียกเอาเงินและทองมาใส่ถุงย่ามเพื่อเป็นสิริมงคลในการที่จำเลยจะทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ของโจทก์ร่วมโจทก์ร่วมจึงได้ห่อธนบัตรจำนวนเงิน 2,006 บาท กับเอาสร้อยคอทองคำทองหนักหนึ่งบาทหนึ่งเส้นบรรจุใส่ในกล่องพลาสติกส่งให้จำเลยจำเลยเอาห่อเงินและกล่องบรรจุสายสร้อยดังกล่าวใส่ลงไปในถุงย่ามแล้วลงเรือนไป มีนายประสิทธิและโจทก์ร่วมเดินตามหลังระหว่างเดินกันไปทางบ้านใหม่ของโจทก์ร่วมเพื่อจะทำพิธี จำเลยล้วงเอาห่อธนบัตรนั้นไปเสีย จึงเห็นได้ว่าเป็นการลักทรัพย์เพราะโจทก์ร่วมเจ้าของทรัพย์ยังมิได้สละการครอบครองให้จำเลยเขาเพียงแต่ให้จำเลยยึดถือไว้เป็นการชั่วคราว ดังนี้ การที่จำเลยเอาห่อธนบัตรนั้นไป ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ vs. ยักยอก: การครอบครองทรัพย์ของลูกจ้างและความรับผิดฐานรับของโจร
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างรายวันของเทศบาลนครกรุงเทพ มีหน้าที่ขับรถยนต์ของเทศบาล บรรทุกคนงานไปทำการล้างท่อและซ่อมท่อระบายน้ำ จำเลยที่ 2 เป็นคนล้างท่อและซ่อมท่อ จำเลยมีหน้าที่เพียงดูแลรักษารถยนต์และน้ำมันเท่านั้น เทศบาลมิได้มอบการครอบครองรถยนต์และน้ำมันให้จำเลยครอบครองแต่อย่างใด ฉะนั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ครอบครองรถยนต์และน้ำมันเบนซินในถังของรถยนต์นั้น เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ร่วมกันดูดเอาน้ำมันเบนซินไปจากถังรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับ แล้วนำเอาน้ำมนนั้นไปขายให้จำเลยที่ 3 ดังนี้ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(7)(11) จำเลยที่ 3 รับไว้โดยรู้ ก็ต้องมีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2510)
of 44