คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิทธิในที่ดิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 460 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2868/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินหลังคำพิพากษาตามยอม: โจทก์ได้สิทธิเรียกร้องให้จดทะเบียน ไม่ได้กรรมสิทธิ์
การที่ศาลพิพากษาตามยอมให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนดให้โจทก์ทำให้โจทก์ได้แต่สิทธิตามคำพิพากษาที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิได้ก่อนตามป.พ.พ.มาตรา1300เท่านั้นโจทก์หาได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวไม่โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิติดตามเอาคืนโฉนดสำหรับที่ดินดังกล่าวจากบุคคลผู้ยึดถือโฉนดนั้นไว้ตามมาตรา1336.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2868/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินหลังประนีประนอม: สิทธิในการจดทะเบียนไม่ใช่กรรมสิทธิ์
โจทก์กับจำเลยที่1ที่2ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันให้ที่ดินพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และศาลพิพากษาให้คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปตามนั้นดังนี้โจทก์ได้แต่สิทธิตามคำพิพากษาที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิได้ก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1300หาได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1299วรรคสองไม่โจทก์จึงไม่มีสิทธิติดตามเอาคืนโฉนดสำหรับที่ดินดังกล่าวจากจำเลยที่3ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1336.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2510/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินมรดกและการครอบครองต่อเนื่อง คำพิพากษาคดีก่อนผูกพันผู้รับมรดก การครอบครองในระหว่างความไม่ถือเป็นการแย่ง
ในคดีก่อนโจทก์กับว.และบิดาจำเลยฟ้องร้องแย่งสิทธิที่ดินกันซึ่งมีที่ดินพิพาท(ในคดีนี้)รวมอยู่ในที่ดินที่ฟ้องร้องกันนั้นด้วยจำเลยเข้าอยู่ในที่พิพาทโดยเชื่อว่าเป็นส่วนที่บิดาจำเลยได้รับมรดกจึงเป็นการเข้าอยู่โดยอาศัยสิทธิของบิดาจำเลยจำเลยย่อมมีสิทธิเพียงเท่าที่บิดาจำเลยมีอยู่ดังนั้นคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีก่อนที่วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ย่อมผูกพันบิดาจำเลยและตัวจำเลยด้วยแม้จำเลยจะเข้าครอบครองที่พิพาทในระหว่างเวลาที่มีการพิจารณาคดีก่อนก็ตามก็ไม่เป็นการแย่งการครอบครองของโจทก์และที่จำเลยครอบครองที่พิพาทภายหลังจากวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนก็เป็นการครอบครองสืบต่อจากการครอบครองในระหว่างพิจารณาคดีเมื่อไม่ได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการครอบครองจำเลยจะอ้างกำหนดเวลาการฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375มาใช้ยันโจทก์ไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968-1969/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ สิทธิในที่ดินมรดก การฟ้องซ้อน และอายุความคดี
จำเลยอาศัยปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของท. มารดาโจทก์โดยทำสัญญาเช่าไว้ป้องกันการบิดพลิ้วแต่ไม่ต้องเสียค่าเช่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยเพราะไม่ต้องการให้อาศัยอยู่ต่อไปไม่ได้ฟ้องโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าดังนี้แม้สัญญาเช่าจะไม่สมบูรณ์เพราะไม่มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือจำเลยก็ยังรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ว่าที่ที่จำเลยปลูกบ้านอยู่นั้นเป็นของท. จำเลยอาศัยสิทธิของท. เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แสดงเจตนาครอบครองที่พิพาทเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของแม้จำเลยจะครอบครองมานาน25ปีแล้วก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ โจทก์ที่1ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทส่วนที่เป็นของโจทก์ที่1ในโฉนดที่ดินที่ยังมิได้แบ่งแยกเป็นหลายโฉนด ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินได้แบ่งแยกโฉนดที่ดินดังกล่าวเป็นผลทำให้ที่พิพาทและบ้านของจำเลยส่วนใหญ่อยู่ในที่ดินโฉนดของโจทก์ที่2และบางส่วนยังคงอยู่ในที่ดินของโจทก์ที่1ด้วยเช่นนี้โจทก์ทั้งสองต่างมีสิทธิฟ้องจำเลยได้ฟ้องของโจทก์ที่2ไม่เป็นฟ้องซ้อนตามป.วิ.พ.มาตรา173 การที่โจทก์ที่2ฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งมิได้เป็นทายาทหรือผู้รับพินัยกรรมเป็นฟ้องในมูลละเมิดหาใช่ฟ้องตามข้อกำหนดในพินัยกรรมไม่จำเลยมิใช่บุคคลที่จะยกอายุความ1ปีตามป.พ.พ.มาตรา1755ขึ้นต่อสู้ได้แม้โจทก์ที่2ฟ้องคดีเกิน1ปีหลังจากเจ้ามรดกถึงแก่ความตายแล้วคดีของโจทก์ที่2ก็ไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1139/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิร้องขอในชั้นบังคับคดี: การโต้แย้งสถานะบริวารและสิทธิในที่ดินของผู้ร้อง
ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีระหว่างโจทก์จำเลยคดีนี้ และคดีถึงที่สุดแล้วว่า ให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาทและห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้อง คำพิพากษาจึงมีผลบังคับถึงบริวารของจำเลยด้วย เมื่อศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษา ก็ได้ระบุไว้ในคำบังคับด้วยว่าห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาท เมื่อผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องขออ้างว่าตนมิได้เป็นบริวารของจำเลยและสิ่งปลูกสร้างกับที่พิพาทนี้เป็นของผู้ร้องทั้งสี่มิใช่ของโจทก์ จึงเป็นการตั้งข้อพิพาทกับโจทก์ในชั้นบังคับคดี กรณีจึงเป็นเรื่องผู้ร้องทั้งสี่มีสิทธิร้องขอต่อศาลได้โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 7 (2), 296 ชอบที่จะรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินเพื่อทำถนนเป็นการสละการครอบครองเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้ยังมิได้ทำถนน โจทก์ซื้อต่อจากผู้ยกให้แล้วก็ไม่มีสิทธิเรียกคืน
เมื่อ พ.ยกที่พิพาทให้แก่จำเลยเพื่อใช้ทำถนน โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ที่จะถือได้ว่าเป็นการสงวนสิทธิไว้อีก ย่อมเป็นการสละการครอบครองที่ดินให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 การที่จำเลยยังไม่ตัดถนนผ่านที่พิพาทหรือตัดถนนผ่านที่พิพาทไม่หมดทั้งแปลงและภายหลังโจทก์ได้ซื้อที่ดินมีโฉนดของ พ.แล้วเข้าครอบครองที่พิพาทต่อจาก พ.ก็หาทำให้โจทก์มีสิทธิใด ๆ ในที่พิพาทในอันที่จะเรียกคืนที่พิพาทจากจำเลยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินงอกจากการสาธารณสมบัติ โจทก์ไม่อาจอ้างสิทธิยันจำเลยได้
ที่พิพาทเป็นที่ดินส่วนที่งอกออกไปจากทางสาธารณะ ย่อมเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินด้วย เมื่อฟ้องโจทก์แสดงโดยชัดแจ้งว่า ขณะโจทก์ฟ้อง จำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่ และที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์จึงไม่อาจอ้างกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่พิพาทยันจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 792/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งที่ดินโดยพินัยกรรมและการครอบครองปรปักษ์ สิทธิในที่ดินเมื่อพินัยกรรมไม่ชัดเจน
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง ข้อ 1 ความว่า "ถ้าข้าพเจ้าถึงแก่ความตายไปแล้ว บรรดาทรัพย์สินของข้าพเจ้าที่มีอยู่แล้วที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า ข้าพเจ้ายอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ได้ระบุชื่อไว้ในพินัยกรรมนี้ให้เป็นผู้รับทรัพย์สินตามจำนวนซึ่งได้กำหนดไว้ดังต่อไปนี้คือ" ต่อจากนั้นได้ระบุที่ดิน น.ส.3 เนื้อที่ 15 ไร่ 1 งาน57 ตารางวา ข้อ 2 ความว่า 'ข้าพเจ้าขอมอบพินัยกรรมฉบับนี้แก่คณะกรรมการอำเภอและขอตั้งให้ น. (โจทก์) เป็นผู้จัดการมรดกข้าพเจ้าตามพินัยกรรมนี้ และให้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายทุกประการ"ข้อ 3 ความว่า "ข้อความแห่งพินัยกรรมนี้ กรมการอำเภอได้อ่านให้ข้าพเจ้าฟังโดยตลอดแล้วเป็นการถูกต้องตรงตามความประสงค์ของข้าพเจ้าที่ได้แจ้งให้กรมการอำเภอจดลงไว้ และขณะทำพินัยกรรมนี้ข้าพเจ้ามีสติสมบูรณ์ จึงลงชื่อไว้ต่อหน้ากรมการอำเภอและพยานเป็นสำคัญ" ถัดลงมาเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ทำพินัยกรรมและพยาน 2 คนกับบันทึกของกรมการอำเภอ ดังนี้ พินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดก เพราะไม่มีข้อความว่าผู้ทำพินัยกรรมยกที่พิพาทให้โจทก์ แม้ตามคำร้องของผู้ทำพินัยกรรมที่ยื่นต่อนายอำเภอจะมีข้อความว่า ผู้ร้อง (ผู้ทำพินัยกรรม) ประสงค์จะทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยกทรัพย์ให้โจทก์ก็ตาม คำร้องฉบับนี้มิใช่พินัยกรรมจึงรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ที่พิพาทมาโดยพินัยกรรม
อย่างไรก็ดีเป็นที่เข้าใจว่า จ. ยกที่พิพาทให้โจทก์เมื่อตนถึงแก่กรรมจึงปรากฏว่าเมื่อจ.ตาย จำเลยก็เลิกทำนาพิพาท ฝ่ายโจทก์คงทำนาพิพาทต่อมาหนึ่งปีแล้วให้บุคคลอื่นเช่า โจทก์จึงเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทนับตั้งแต่ จ.ตายตลอดมาโดยเจตนายึดถือเพื่อตน โจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ขัดแย้งกัน: การครอบครองปรปักษ์และการซื้อขายที่ดิน สิทธิในที่ดินต้องเป็นไปตามคำพิพากษาศาลสูงกว่า
ในคดีก่อนศาลฎีกาพิพากษาว่า ผู้ร้องได้โอนขายที่ดินพิพาทนี้ให้ผู้คัดค้านไปแล้ว และที่ผู้ร้องอ้างว่าครอบครองปรปักษ์โดยไม่ได้ขายให้ผู้คัดค้านก็เท่ากับเป็นการครอบครองที่ดินของตนเอง ไม่ใช่การครอบครองปรปักษ์ ในคดีหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ โดยผู้ร้องปกปิดไม่ให้ศาลทราบถึงข้อเท็จจริงที่เคยฟ้องผู้คัดค้านไว้ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีก่อน คำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีหลังนี้และคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีก่อนนั้นขัดกัน และต่างก็เป็นคำสั่งหรือคำพิพากษาที่มีผลเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทรายเดียวกัน อันถือว่าเป็นการปฏิบัติชำระหนี้อันแบ่งแยกจากกันมิได้ จึงต้องถือตามคำพิพากษาของศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลสูงกว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 146
ข้อวินิจฉัยของศาลฎีกาในคดีก่อนดังกล่าวข้างต้น เป็นคำวินิจฉัยในประเด็นเรื่องครอบครองปรปักษ์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2838/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินให้แต่ไม่จดทะเบียน ไม่ทำให้สิทธิในที่ดินตกเป็นของผู้รับยก การครอบครองโดยอาศัยสิทธิผู้อื่นไม่ทำให้ได้สิทธิครอบครอง
เจ้าของที่ดินพูดยกที่พิพาทให้จำเลยโดยมีเจตนาที่จะไปจดทะเบียนการให้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่กันต่อไป แสดงว่ายังมิได้แสดงเจตนาสละการครอบครองให้จำเลย การที่จำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทก่อนทำการโอนจึงเป็นการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่พิพาท ไม่ได้เข้าครอบครองในฐานะผู้แย่งการครอบครองแม้จะครอบครองนานเท่าใดก็ไม่ทำให้ได้สิทธิครอบครองทั้งไม่ทำให้ผู้มีสิทธิในที่พิพาทหมดสิทธิฟ้องเรียกคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 และเมื่อเจ้าของที่พิพาทตายโดยที่ยังมิได้ไปทำการยกให้เป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การยกให้ย่อมไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525ประกอบด้วยมาตรา 129 ที่พิพาทยังไม่ตกเป็นของจำเลยแต่เป็นมรดกตกได้แก่ทายาทของเจ้าของที่ดิน
โจทก์เป็นน้องร่วมบิดาเดียวกันกับเจ้าของที่พิพาทย่อมเป็นทายาทได้รับมรดกในที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629(4) เพราะไม่มีทายาทของเจ้าของที่พิพาทระดับเหนือกว่าโจทก์ขึ้นไป
of 46