พบผลลัพธ์ทั้งหมด 388 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2495/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีข่มขืนกระทำชำเราและค้าประเวณี โดยพิจารณาจากองค์ประกอบความผิดตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องจำเลย 6 คนโดยมิได้กล่าวหาว่าจำเลยที่ 1, 2, 3, 4ได้ร่วมข่มขืนใจ หรือหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายให้ปราศจากเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 310 จึงลงโทษจำเลยที่ 1,2,3,4ฐานนี้ไม่ได้ และตามฟ้องโจทก์ก็มิได้บรรยายว่าจำเลยที่ 5, 6 ได้ข่มขืนใจผู้เสียหายโดยทำให้เกิดความกลัว ว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายเสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้เสียหายหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย อันเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 309ก็ลงโทษจำเลยที่ 5, 6 ตามมาตรา 309 ไม่ได้เช่นกัน แม้จำเลยที่ 1, 3, 4, 5, 6 มิได้ฎีกา แต่เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยที่ 1, 3, 4, 5 และ 6 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฉ้อโกงเจ้าหนี้ต้องระบุเจตนาทุจริตและองค์ประกอบความรู้เกี่ยวกับการใช้สิทธิเรียกร้องทางศาล
คำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ที่บรรยายแต่เพียงว่าโจทก์มีสิทธิที่จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลเท่านั้น กับทั้งมิได้บรรยายว่าจำเลยได้กระทำไปโดยรู้ว่าเจ้าหนี้ของตน หรือของผู้อื่นได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ย่อมเป็นฟ้องที่ขาดสารสำคัญแห่งองค์ประกอบความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตควบคุมการแปรรูปไม้เป็นองค์ประกอบความผิด ต้องพิสูจน์สถานที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมฯ
เขตควบคุมการแปรรูปไม้เป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ เมื่อโจทก์มิได้นำสืบว่าท้องที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ คดีก็ฟังไม่ได้ว่าท้องที่เกิดเหตุที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตควบคุมการแปรรูปไม้เป็นองค์ประกอบความผิด การพิสูจน์ข้อเท็จจริงสำคัญ
เขตควบคุมการแปรรูปไม้เป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ เมื่อโจทก์มิได้นำสืบว่าท้องที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ คดีก็ฟังไม่ได้ว่าท้องที่เกิดเหตุที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 465/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปล้นทรัพย์: การกระทำร่วมกันแบ่งหน้าที่ชัดเจนเป็นองค์ประกอบสำคัญ
เริ่มแรกคนร้ายได้ร่วมกันมาสามคน และกระตุกท้ายรถจักรยานสองล้อที่ผู้เสียหายกำลังขี่อยู่ล้มลง จากนั้นคนร้ายคนหนึ่งก็ขี่รถจักรยานสองล้อคันนั้นไป อีกสองคนใช้มีดเข้าจี้และได้ขู่ไม่ให้ผู้เสียหายร้อง และให้ถอดสร้อยคอทองคำให้ ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นการแบ่งหน้าที่กันกระทำความผิดกรณีจึงครบองค์ความผิดฐานปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1614/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาองค์ประกอบความผิดฐานฆ่าโดยทารุณโหดร้าย และการลดโทษจากรับสารภาพ
จำเลยใช้เหล็กขูดชาร์ปแทงผู้ตายซึ่งเป็นหญิงปราศจากอาวุธ และไม่อยู่ในฐานะที่จะหลบหลีกหรือต่อสู้จำเลยได้ โดยจ้วงแทงเอาอย่างไม่ยับยั้ง เกิดเป็นบาดแผลที่ร่างกายผู้ตาย 30 กว่าแผลและผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาดังนี้ เมื่อมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยแทงผู้ตายทีสองทีแล้วมีโทสะจริตคลุ้มคลั่งตามติดขึ้นมา จนขาดสติ จึงได้แทงผู้ตายไปโดยไม่ยับยั้งเช่นนั้นแล้วก็ยังไม่พอจะถือว่าจำเลยได้กระทำไปด้วยการทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฉ้อโกงจากการออกเช็คไม่มีเงินรองรับ แม้ศาลอุทธรณ์ยกฐานความผิด แต่ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำครบองค์ประกอบ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงกับความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497มาตรา 3. โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยโดยทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จปกปิดความจริงซึ่งควรต้องบอกให้แจ้งว่า. จำเลยไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้. ซึ่งความจริงในวันออกเช็คก็ดีวันสั่งจ่ายเงินตามเช็คก็ดี เงินในบัญชีของจำเลยไม่มีพอจ่าย ทั้งธนาคารก็ได้ปิดบัญชีจำเลยแล้ว. การหลอกลวงของจำเลยดังกล่าวทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นความจริงจึงได้มอบเงินให้จำเลยไป. ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายข้อเท็จจริงในความผิดฐานฉ้อโกงไว้ครบถ้วนแล้ว. เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพผิดตามฟ้อง คดีจึงเป็นอันฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามโจทก์ฟ้องทั้งสองฐาน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 722/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีฉ้อโกงและคดีเกี่ยวกับสมาคม: ผู้เสียหายและองค์ประกอบความผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเจตนาทุจริตใช้อุบายหลอกลวงนางคอย ทรัพย์อ่วม โจทก์และประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริง แต่มิได้บรรยายมาในฟ้องว่าความจริงเป็นอย่างไร และความเท็จเป็นอย่างไร ฟ้องโจทก์จึงไม่มีมูลเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
โจทก์ไม่ใช่สมาชิกของสมาคม ได้ฟ้องสมาคมซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้วกับพวกเป็นจำเลย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 52, 53, 55, 56 ตามมาตรา 53 ของพระราชบัญญํติดังกล่าวเป็นเรื่องที่สมาชิกของสมาคมจะดำเนินคดีโจทก์จะมาดำเนินคดีหาได้ไม่ และตามมาตรา 52, 55 โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย ส่วนมาตรา 56 ก็เป็นเรื่องของสมาคมที่ยังไม่ได้จดทะเบียนแต่เรื่องนี้สมาคมจำเลยได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่ควรรับไว้พิจารณา
โจทก์ไม่ใช่สมาชิกของสมาคม ได้ฟ้องสมาคมซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้วกับพวกเป็นจำเลย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 52, 53, 55, 56 ตามมาตรา 53 ของพระราชบัญญํติดังกล่าวเป็นเรื่องที่สมาชิกของสมาคมจะดำเนินคดีโจทก์จะมาดำเนินคดีหาได้ไม่ และตามมาตรา 52, 55 โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย ส่วนมาตรา 56 ก็เป็นเรื่องของสมาคมที่ยังไม่ได้จดทะเบียนแต่เรื่องนี้สมาคมจำเลยได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่ควรรับไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์: การใช้กำลังประทุษร้ายและองค์ประกอบความผิด
คดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างให้ลงโทษจำคุก จำเลยสามปี เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ และในการ วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน
การที่จำเลยทั้งสองมีไม้ตะพดเป็นอาวุธร่วมกันลักทรัพย์ โดยจำเลยที่ ๑ ใช้ไม้ตะพดตีผู้เสียหาย จำเลยที่ ๒ ใช้มือตบตีพวกของเจ้าทรัพย์นั้น เป็นการกระทำที่ครบ องค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว หาใช่เป็นเพียงความผิด ฐานลักทรัพย์เท่านั้นไม่
การที่จำเลยทั้งสองมีไม้ตะพดเป็นอาวุธร่วมกันลักทรัพย์ โดยจำเลยที่ ๑ ใช้ไม้ตะพดตีผู้เสียหาย จำเลยที่ ๒ ใช้มือตบตีพวกของเจ้าทรัพย์นั้น เป็นการกระทำที่ครบ องค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว หาใช่เป็นเพียงความผิด ฐานลักทรัพย์เท่านั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์: การใช้ความรุนแรงเป็นเหตุแห่งการเพิ่มโทษ
คดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างให้ลงโทษจำคุกจำเลยสามปี เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 และในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน
การที่จำเลยทั้งสองมีไม้ตะพดเป็นอาวุธร่วมกันลักทรัพย์โดยจำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตะพดตีผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ใช้มือตบตีพวกของเจ้าทรัพย์นั้นเป็นการกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว หาใช่เป็นเพียงความผิดฐานลักทรัพย์เท่านั้นไม่
การที่จำเลยทั้งสองมีไม้ตะพดเป็นอาวุธร่วมกันลักทรัพย์โดยจำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตะพดตีผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ใช้มือตบตีพวกของเจ้าทรัพย์นั้นเป็นการกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว หาใช่เป็นเพียงความผิดฐานลักทรัพย์เท่านั้นไม่