คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจตนาฆ่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 771 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2537/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมปล้นทรัพย์และการไม่มีเจตนาฆ่า การแบ่งความรับผิดชอบทางอาญา
แม้ในขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ไม่มีอาวุธปืนใด ๆ ติดตัวมาเลยและขณะจำเลยที่ 1 กับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและกระชากเอาสร้อยคอทองคำไปจากผู้ตาย จำเลยที่ 2 จะยืนอยู่เฉย ๆ ก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 2 มายังที่เกิดเหตุพร้อมกับจำเลยที่ 1 กับพวก เมื่อจำเลยที่ 1 กับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและกระชากสร้อยคอทองคำที่ผู้ตายสวมอยู่ไปได้แล้ว จำเลยที่ 2 วิ่งหนีไปพร้อมกับจำเลยที่ 1กับพวก ประกอบกับคดีฟังได้ตามคำให้การชั้นสอบสวนว่าขณะจำเลยที่ 1กับพวกปรึกษากันเรื่องจะปล้นทรัพย์ผู้ตาย จำเลยที่ 2 ก็นั่งฟังอยู่ด้วย ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานปล้นทรัพย์ ขณะจำเลยที่ 1 กับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายนั้น จำเลยที่ 2ยืนเฉย ๆ มิได้พูดหรือกระทำการใด ๆ อันจะถือได้ว่าเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 กับพวกในการฆ่าผู้ตายเลย จำเลยที่ 1กับพวกตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายไปตามลำพังและโดยฉับพลันในขณะนั้นเอง จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1กับพวก ฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2537/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมปล้นทรัพย์-เจตนาฆ่าไม่ปรากฏ: ศาลฎีกาแก้บทลงโทษ
แม้ในขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ไม่มีอาวุธปืนใด ๆ ติดตัวมาเลยและขณะจำเลยที่ 1 กับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและกระชากเอาสร้อยคอทองคำไปจากผู้ตาย จำเลยที่ 2 จะยืนอยู่เฉย ๆ ก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 2 มายังที่เกิดเหตุพร้อมกับจำเลยที่ 1กับพวก เมื่อจำเลยที่ 1 กับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและกระชากสร้อยคอทองคำที่ผู้ตายสวมอยู่ไปได้แล้ว จำเลยที่ 2 วิ่งหนีไปพร้อมกับจำเลยที่ 1 กับพวก ประกอบกับคดีฟังได้ตามคำให้การชั้นสอบสวนว่าขณะจำเลยที่ 1 กับพวกปรึกษากันเรื่องจะปล้นทรัพย์ผู้ตาย จำเลยที่ 2 ก็นั่งฟังอยู่ด้วย ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานปล้นทรัพย์
ขณะจำเลยที่ 1 กับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายนั้น จำเลยที่ 2ยืนเฉย ๆ มิได้พูดหรือกระทำการใด ๆ อันจะถือได้ว่าเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 กับพวกในการฆ่าผู้ตายเลย จำเลยที่1 กับพวกตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายไปตามลำพังและโดยฉับพลันในขณะนั้นเอง จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 กับพวกฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2447-2448/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยมีด: การพิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์การกระทำ
จำเลยที่ 2 ใช้มีดบังตอ ตัวมีดยาว 8 นิ้ว กว้าง 4 นิ้ว ฟันโจทก์ที่ 2 โดยจะฟันที่ศีรษะซึ่งเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย โจทก์ที่2 ยกมือรับไว้ได้รับบาดแผลที่มือขวาบริเวณระหว่างง่ามนิ้วชี้กับนิ้วกลางด้านหน้าขนาด 1X5 เซนติเมตร ด้านหลังขนาด 1X4เซนติเมตรแสดงว่าจำเลยที่ 2 ใช้มีดฟันโดยแรงและจำเลยที่ 2 ยังเงื้อมีดขึ้นใหม่ฟันซ้ำอีก พอดีมีผู้อื่นไปห้ามกระชากโจทก์ที่ 2 ออกไปคงถูกคมมีดเฉี่ยวที่สะโพก ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ใช้มีดฟันโดยมีเจตนาฆ่าโจทก์ที่ 2 แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2403/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าต้องประเมินจากพฤติการณ์ยิง แม้ใช้ปืนประสิทธิภาพสูง แต่หากกระสุนไม่ตรงเป้าหรือไม่รัวยิงต่อเนื่อง อาจฟังได้แค่ขู่
ผู้เสียหายมาพบเห็นจำเลยกำลังลักสังกะสีบนหลังคาจึงร้องถามจำเลย จำเลยกระโดดลงมาจากหลังคาคว้าเอาอาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงมายังผู้เสียหาย 2 นัด ขณะอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ 3 วา กระสุนปืนถูกดินห่างจากผู้เสียหายประมาณครึ่งเมตร ผู้เสียหายคลานหลบหนีมาได้ 5 วา ก็ได้ยินเสียงปืนดังมาจากจำเลยอีก 2 นัด และ 3 นัดตามลำดับ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงใช้ยิงทีละนัดก็ได้หรือจะยิงทีละหลายนัดก็ได้ยิงมายังผู้เสียหายครั้งแรก 2 นัด โดยไม่ปรากฏสิ่งกำบังระหว่างจำเลยกับผู้เสียหาย หากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายก็อาจยิงรัวไปที่ผู้เสียหายโดยไม่ต้องเล็ง กระสุนปืนย่อมจะถูกผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้โดยง่าย แต่การที่จำเลยยิงไปที่ผู้เสียหายกระสุนปืนตกห่างผู้เสียหายเพียงครึ่งเมตร และยิงครั้งต่อไปกระสุนปืนไม่ถูกผู้ใดเลย แสดงว่าจำเลยยิงขู่เพื่อการพาทรัพย์ที่ลักไป ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2403/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการยิงขู่: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการยิงปืนขู่เพื่อพาทรัพย์ไป ไม่ถือเป็นเจตนาฆ่า
ผู้เสียหายมาพบเห็นจำเลยกำลังลักสังกะสีบนหลังคาจึงร้องถามจำเลย จำเลยกระโดดลงมาจากหลังคาคว้าอาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงมายังผู้เสียหาย 2 นัด ขณะอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ 3 วา กระสุนปืนถูกดินห่างจากผู้เสียหายประมาณครึ่งเมตร ผู้เสียหายคลานหลบหนีมาได้ 5 วา ก็ได้ยินเสียงปืนดังมาจากจำเลยอีก 2 นัด และ 3 นัดตามลำดับ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงใช้ยิงทีละนัดก็ได้หรือจะยิงทีละหลายนัดก็ได้ยิงมายังผู้เสียหายครั้งแรก 2 นัด โดยไม่ปรากฏสิ่งกำบังระหว่างจำเลยกับผู้เสียหายหากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายก็อาจยิงรัว ไปที่ผู้เสียหายโดยไม่ต้องเล็ง กระสุนปืนย่อมจะถูกผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้โดยง่ายแต่การที่จำเลยยิงไปที่ผู้เสียหายกระสุนปืนตกห่างผู้เสียหายเพียงครึ่งเมตร และยิงครั้งต่อไปกระสุนปืนไม่ถูกผู้ใดเลย แสดงว่าจำเลยยิงขู่เพื่อการพาทรัพย์ที่ลักไป ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2403/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการยิงอาวุธปืน: พิจารณาจากระยะ, อาวุธ, และพฤติการณ์การยิง
ผู้เสียหายมาพบเห็นจำเลยกำลังลักสังกะสีบนหลังคาจึงร้องถามจำเลย จำเลยกระโดดลงมาจากหลังคาคว้าเอาอาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงมายังผู้เสียหาย 2 นัด ขณะอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ 3 วา กระสุนปืนถูกดินห่างจากผู้เสียหายประมาณครึ่งเมตร ผู้เสียหายคลานหลบหนีมาได้ 5 วา ก็ได้ยินเสียงปืนดังมาจากจำเลยอีก 2 นัด และ 3 นัดตามลำดับ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงใช้ยิงทีละนัดก็ได้หรือจะยิงทีละหลายนัดก็ได้ยิงมายังผู้เสียหายครั้งแรก 2 นัด โดยไม่ปรากฏสิ่งกำบังระหว่างจำเลยกับผู้เสียหาย หากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายก็อาจยิงรัวไปที่ผู้เสียหายโดยไม่ต้องเล็ง กระสุนปืนย่อมจะถูกผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้โดยง่าย แต่การที่จำเลยยิงไปที่ผู้เสียหายกระสุนปืนตกห่างผู้เสียหายเพียงครึ่งเมตร และยิงครั้งต่อไปกระสุนปืนไม่ถูกผู้ใดเลย แสดงว่าจำเลยยิงขู่เพื่อการพาทรัพย์ที่ลักไป ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าจำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากพฤติการณ์การทำร้ายด้วยอาวุธร้ายแรง ศาลลดโทษจากเหตุบรรเทา
แม้ไม่ได้ความว่าอาวุธที่จำเลยใช้แทงทำร้ายมีขนาดเท่าใดแต่เมื่อจำเลยแทงผู้เสียหายถึงสองครั้ง ครั้งแรกถูกที่ข้อศอกขวาแล้วจำเลยแทงซ้ำอีก ผู้เสียหายปัดแขนข้างที่จำเลยถืออาวุธอาวุธของจำเลยจึงผ่านท้องมาถูกแขนซ้ายของผู้เสียหายได้รับบาดแผลและจำเลยได้แทงผู้ตายที่หน้าท้องหนึ่งครั้ง บาดแผลลึก 6 นิ้วฟุตเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย แสดงว่าอาวุธที่จำเลยใช้เป็นอาวุธที่ร้ายแรง และจำเลยตั้งใจแทงผู้เสียหายและผู้ตายที่บริเวณลำตัวอันเป็นอวัยวะสำคัญอย่างร้ายแรง จำเลยจึงมีความผิดทั้งฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายและฐานฆ่าผู้ตาย ขณะเกิดเหตุจำเลยอยู่ระหว่างศึกษาเล่าเรียน อายุเพียง 20 ปีจำเลยกระทำผิดโดยมีเจตนาเพียงช่วยพวกของจำเลยในการต่อสู้หลังเกิดเหตุ 4 วัน ก็เข้ามอบตัว และเบิกความในชั้นศาลว่าอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยจึงเป็นการลุแก่โทษและเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาล คดีมีเหตุบรรเทาโทษ ควรปรานีลดมาตราส่วนโทษและลดโทษให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงต่อเนื่อง และเหตุบรรเทาโทษจากวัยและมอบตัว
แม้ไม่ได้ความว่าอาวุธที่จำเลยใช้แทงทำร้ายมีขนาดเท่าใดแต่เมื่อจำเลยแทงผู้เสียหายถึงสองครั้ง ครั้งแรกถูกที่ข้อศอกขวา แล้วจำเลยแทงซ้ำอีกผู้เสียหายปัดแขนข้างที่จำเลยถืออาวุธ อาวุธของจำเลยจึงผ่านท้องมาถูกแขนซ้ายของผู้เสียหายได้รับบาดแผล และจำเลยได้แทงผู้ตายที่หน้าท้องหนึ่งครั้งบาดแผลลึก 6 นิ้วฟุต เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย แสดงว่าอาวุธที่จำเลยใช้เป็นอาวุธที่ร้ายแรง และจำเลยตั้งใจแทงผู้เสียหายและผู้ตายที่บริเวณลำตัวอันเป็นอวัยวะสำคัญอย่างร้ายแรง จำเลยจึงมีความผิดทั้งฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายและฐานฆ่าผู้ตาย
ขณะเกิดเหตุจำเลยอยู่ระหว่างศึกษาเล่าเรียน อายุเพียง 20 ปีจำเลยกระทำผิดโดยมีเจตนาเพียงช่วยพวกของจำเลยในการต่อสู้หลังเกิดเหตุ 4 วันก็เข้ามอบตัว และเบิกความในชั้นศาลว่าอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย จึงเป็นการลุแก่โทษและเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาล คดีมีเหตุบรรเทาโทษ ควรปรานีลดมาตราส่วนโทษและลดโทษให้จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในข้อเท็จจริง: การโต้แย้งการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับเจตนาฆ่า
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289,288,83ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,288 จึงมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4)โดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์จึงฎีกาข้อหานี้ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและการร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาความรับผิดของแต่ละจำเลยต่างกัน
จำเลยที่ 1 ซึ่งเคยมีเรื่องทะเลาะกับผู้ตายมาก่อนใช้เหล็กตีที่หน้าผู้ตาย และใช้เหล็กแหลมแทงผู้ตายที่ช่องท้องซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ อาจเล็งเห็นผลได้ว่าทำให้ถึงตายได้ และผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนา ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 นั้น ได้ความว่าก่อนเกิดเหตุ จำเลยทั้งสามวิ่งตามผู้ตาย และยืนล้อมผู้ตายในลักษณะคุมเชิงอยู่มีพยานเห็นมือใครผลักผู้ตายด้วย เมื่อจำเลยที่ 1 ผละออกจากผู้ตายจำเลยทั้งสามก็ตามไป แต่ก็ไม่ได้ความชัดว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันทำร้ายผู้ตายอย่างใดอีก ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามมีอาวุธมาด้วยหรือมีสาเหตุโกรธเคืองร้ายแรงประการใดมาก่อนกับผู้ตายการที่จำเลยที่ 1 ใช้เหล็กแหลมแทงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า จึงเป็นการกระทำของจำเลยที่ 1 แต่โดยลำพัง พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามเป็นเพียงแต่ร่วมกับจำเลยที่ 1 เพื่อไปทำร้ายผู้ตายเท่านั้นแต่การร่วมทำร้ายมีผลให้ผู้ตายถึงแก่ความตายจำเลยทั้งสามจึงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
of 78