พบผลลัพธ์ทั้งหมด 431 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1425/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการลักทรัพย์: การกระทำด้วยความโกรธ ไม่ถือเป็นการลักทรัพย์
จำเลยทะเลาะกับ ท. ภริยาซึ่งเป็นหลานของผู้เสียหาย ท. หนีไปอยู่บ้านผู้เสียหายจำเลยไปตาม ท. และจะทำร้าย ท. ผู้เสียหายตบจำเลยบอกให้จำเลยกลับบ้าน และรับปากว่าจะพา ท. ไปส่งที่บ้านจำเลยแต่แล้วก็ไม่พาไปส่ง จำเลยไปบ้านผู้เสียหายอีกพบแต่ภริยาของผู้เสียหายจำเลยโกรธจึงหยิบเอาเครื่องรับวิทยุของผู้เสียหายไปต่อหน้า โดยบอกแก่ภริยาผู้เสียหายว่า ถ้าจะเอาคืน ก็ให้พา ท. ไปเอาคืนที่บ้าน จำเลยเปิดวิทยุฟังจนถึงบ้าน พอได้ยินเพลงเมียหายต้องตามหา ก็เกิดโมโหเลยทุ่มและกระทืบเครื่องรับวิทยุเสีย ที่จำเลยเอาเครื่องรับวิทยุของผู้เสียหายไปเช่นนี้มิได้มีเจตนาทุจริตลักเอาเครื่องรับวิทยุนั้น หากแต่เอาไปเพราะความโกรธ จึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1425/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการลักทรัพย์: การกระทำด้วยความโกรธ ไม่ถือเป็นการลักทรัพย์
จำเลยทะเลาะกับ ท. ภริยาซึ่งเป็นหลานของผู้เสียหายท.หนีไปอยู่บ้านผู้เสียหายจำเลยไปตาม ท. และจะทำร้าย ท. ผู้เสียหายตบจำเลยบอกให้จำเลยกลับบ้าน และรับปากว่าจะพา ท. ไปส่งที่บ้านจำเลยแต่แล้วก็ไม่พาไปส่ง จำเลยไปบ้านผู้เสียหายอีกพบแต่ภริยาของผู้เสียหายจำเลยโกรธจึงหยิบเอาเครื่องรับวิทยุของผู้เสียหายไปต่อหน้า โดยบอกแก่ภริยาผู้เสียหายว่า ถ้าจะเอาคืน ก็ให้พา ท. ไปเอาคืนที่บ้าน จำเลยเปิดวิทยุฟังจนถึงบ้าน พอได้ยินเพลงเมียหายต้องตามหา ก็เกิดโมโหเลยทุ่มและกระทืบเครื่องรับวิทยุเสีย ที่จำเลยเอาเครื่องรับวิทยุของผู้เสียหายไปเช่นนี้มิได้มีเจตนาทุจริตลักเอาเครื่องรับวิทยุนั้น หากแต่เอาไปเพราะความโกรธ จึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1046/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ที่ดินมือเปล่า และเจตนาทุจริตในการซื้อขาย
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เดิมเป็นของ ว. แต่จำเลยได้ครอบครองมาจนเกินเวลาที่ ว. จะได้คืนซึ่งการครอบครองแล้ว ว. ย่อมไม่มีสิทธิจะโอนขายที่พิพาทให้โจทก์ โจทก์รู้เห็นว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของมาตั้งแต่ก่อนโจทก์และ ว. จะตกลงซื้อขายที่พิพาทกันและพฤติการณ์ที่จำเลยคัดค้านไม่ให้ ว. ขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ถึงสองครั้ง แม้จำเลยมิได้ฟ้องคดีต่อศาลภายใน 30 วันตามคำสั่งของอำเภอ แต่การที่เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอทำสัญญาซื้อขายที่พิพาทให้โจทก์และ ว. แล้วออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่พิพาทให้โจทก์ในวันเดียวกันย่อมส่อแสดงว่าโจทก์รับซื้อที่พิพาทโดยไม่สุจริตทั้งหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่พิพาทที่โจทก์ได้มา ก็มิใช่หลักฐานกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนเช่นโฉนด จึงจะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299, 1300, มาปรับแก่กรณีหาได้ไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1758/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2952/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกเช็คโดยเจตนาทุจริตเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้จากการซื้อขายเบียร์
จำเลยบอกแก่พนักงานขายของบริษัทผู้เสียหายว่าเป็นผู้จัดการห้าง ท. ขอสั่งซื้อเบียร์และว่าจะออกเช็คให้ใช้เงินภายใน 1 เดือน พนักงานขายนำเบียร์ไปส่งให้ จำเลยเป็นผู้รับของและหยิบเช็คซึ่งมีลายมือชื่อของ ส. (ผู้สั่งจ่าย) อยู่ก่อนแล้ว มาลงวันที่กรอกข้อความและประทับตราของห้าง ท. แล้วมอบอำนาจให้พนักงานขาย โดยมอบเช็คให้ในห้องผู้จัดการ ฟังได้ว่า จำเลยร่วม ส.ออกเช็คให้บริษัทผู้เสียหาย เมื่อบริษัทผู้เสียหายนำเช็คไปเบิกเงินไม่ได้ ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เพราะบัญชีเงินฝากของห้าง ท.ที่ธนาคารหนึ่งปิดแล้ว และอีกธนาคารหนึ่งเงินในบัญชีเงินฝากของห้าง ท.มีไม่พอ จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฝากเงินและใช้เงินส่วนตัวโดยไม่มีเจตนาทุจริต ถือเป็นผิดสัญญา ไม่ใช่ยักยอกทรัพย์
ผู้เสียหายฝากเงินไว้กับจำเลย ต่อมาขอคืน จำเลยคืนให้ไม่ได้อ้างว่าเอาไปใช้หมดแล้ว หลังจากนั้นผู้เสียหายไปทวงอีกหลายครั้งจำเลยขอผัดผ่อน และไม่เคยปฏิเสธ ว่าไม่ได้รับฝากเงิน จนกระทั่งผู้เสียหายไปแจ้งความ พนักงานสอบสวน เรียกไปสอบถาม จำเลยจึงปฏิเสธว่าไม่เคยรับฝากเงินจากผู้เสียหาย ดังนี้ แสดงว่าขณะที่จำเลยเอาเงินไปใช้หมด. จำเลยไม่มีเจตนาทุจริตยักยอกเงินนั้น จึงเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง การที่จำเลยปฏิเสธต่อพนักงานสอบสวนในตอนหลัง ไม่ทำให้จำเลยมีความผิดฐานทุจริตยักยอกเงินที่รับฝาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฝากเงินแล้วนำไปใช้โดยไม่มีเจตนาทุจริต ถือเป็นผิดสัญญา ไม่ใช่ยักยอก
ผู้เสียหายฝากเงินไว้กับจำเลย ต่อมาขอคืน จำเลยคืนให้ไม่ได้อ้างว่าเอาไปใช้หมดแล้ว หลังจากนั้นผู้เสียหายไปทวงอีกหลายครั้ง จำเลยขอผัดผ่อน และไม่เคยปฏิเสธ ว่าไม่ได้รับฝากเงิน จนกระทั่งผู้เสียหายไปแจ้งความ พนักงานสอบสวน เรียกไปสอบถาม จำเลยจึงปฏิเสธว่าไม่เคยรับฝากเงินจากผู้เสียหาย ดังนี้ แสดงว่าขณะที่จำเลยเอาเงินไปใช้หมด. จำเลยไม่มีเจตนาทุจริตยักยอกเงินนั้น จึงเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง การที่จำเลยปฏิเสธต่อพนักงานสอบสวนในตอนหลัง ไม่ทำให้จำเลยมีความผิดฐานทุจริตยักยอกเงินที่รับฝาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฉ้อโกงเจ้าหนี้ต้องระบุเจตนาทุจริตและองค์ประกอบความรู้เกี่ยวกับการใช้สิทธิเรียกร้องทางศาล
คำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ที่บรรยายแต่เพียงว่าโจทก์มีสิทธิที่จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลเท่านั้น กับทั้งมิได้บรรยายว่าจำเลยได้กระทำไปโดยรู้ว่าเจ้าหนี้ของตน หรือของผู้อื่นได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ย่อมเป็นฟ้องที่ขาดสารสำคัญแห่งองค์ประกอบความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องคดีฉ้อโกงเนื่องจากศาลอุทธรณ์ไม่พบเจตนาทุจริต แม้โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาไม่วินิจฉัย
ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงโจทก์ฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาไม่มีทางเอาผิดแก่จำเลยได้แล้วปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกาขึ้นมา ก็ไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย (อ้างฎีกาที่ 321/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตเป็นสาระสำคัญในการพิพากษาคดีฉ้อโกง หากไม่มีเจตนาทุจริต แม้จะบรรยายฟ้องครบองค์ประกอบ ก็ไม่มีความผิด
ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงโจทก์ฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาไม่มีทางเอาผิดแก่จำเลยได้แล้วปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกาขึ้นมา ก็ไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย (อ้างฎีกาที่ 321/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้: การกระทำโดยไม่มีเจตนาร้ายจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
น. ค้างชำระค่าเช่านาจำเลยอยู่ 29,400 บาท จำเลยเคยทวง น. ก็ยังไม่ชำระให้ จำเลยเคยขอให้ผู้ใหญ่บ้านไปยึดทรัพย์ของ น. ให้ ผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ยอมไปวันเกิดเหตุจำเลยกับพวกไปถามหา น. ที่บ้าน คนเฝ้าบ้านของ น. บอกว่าไม่อยู่ จำเลยเข้าตรวจค้นในเรือนไม่พบ จำเลยกับพวกจึงแก้เอากระบือของ น. กับเกวียนของม. ซึ่งจำเลยเข้าใจว่าเป็นของ น. ไป รวมราคา 7,500 บาท ดังนี้ เห็นได้ว่าเป็นการเอาทรัพย์ของ น. และม. ไปเพื่อหักใช้หนี้กัน และทรัพย์นั้นก็ไม่เกินกว่าจำนวนหนี้ ถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริต ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์