พบผลลัพธ์ทั้งหมด 567 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2599/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐาน: เอกสารที่ไม่ซักค้านในชั้นสืบพยานย่อมไม่รับฟัง
จำเลยเป็นฝ่ายนำสืบก่อน ขณะจำเลยเบิกความโจทก์มิได้นำเอกสารซึ่งโจทก์อ้างว่าจำเลยเป็นผู้ทำขึ้นเองมาถามค้านจำเลยไว้เลย เมื่อตัวโจทก์เบิกความถึงและอ้างส่งเอกสารจำเลยก็คัดค้านว่าศาลไม่ควรรับฟังเอกสารฉบับนี้ เพราะโจทก์ไม่ได้ซักค้านในขณะที่จำเลยเข้าเบิกความ จำเลยไม่มีโอกาสอธิบาย ดังนี้ศาลไม่รับฟังเอกสารดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2021/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการชำระหนี้ต้องลงลายมือชื่อผู้ให้ยืม เอกสารการคิดบัญชีระหว่างคู่สมรสไม่ผูกมัดผู้ให้ยืม
เอกสารที่จำเลยอ้างว่าเป็นหลักฐานการใช้เงิน โจทก์มิได้ทำขึ้นและมิได้ลงลายมือชื่อรับรู้ จำนวนเงินก็ไม่ตรงตามที่โจทก์ฟ้องทั้งไม่มีข้อความตอนใด กล่าวพาดพิง ถึงตัวโจทก์ เอกสารดังกล่าวเป็นเพียงเอกสารการคิดบัญชีระหว่างภริยาโจทก์กับจำเลยเท่านั้น ไม่มีความตอนใด ที่แสดงว่าภริยาโจทก์กระทำในนามของโจทก์หรือเป็นตัวแทนของโจทก์ เอกสารดังกล่าวจึงไม่เป็นหลักฐานการชำระหนี้ที่ลงลายมือชื่อโจทก์ผู้ให้ยืมตามความหมายแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 653วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นข้อกฎหมายที่มิได้ว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์, การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ, และการเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร
จำเลยให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม แต่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้และจำเลยก็มิได้โต้แย้ง จึงถือว่าจำเลยยินยอมดำเนินกระบวนพิจารณาเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นไว้เท่านั้น เมื่อจำเลยยกข้อต่อสู้นี้ขึ้นในชั้นฎีกาจึงเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 สัญญาจะซื้อขายระบุชัด ว่าโจทก์วางมัดจำเป็นเงิน 400,000 บาทจำเลยจะนำสืบโต้เถียง เพื่อให้ศาลฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นอันมีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความที่ปรากฏในเอกสารหาได้ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 249 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความแพ่ง, การเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร, และการพิสูจน์สภาพอาคาร
จำเลยให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม แต่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้และจำเลยก็มิได้โต้แย้ง จึงถือว่าจำเลยยินยอมดำเนินกระบวนพิจารณาเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นไว้เท่านั้น เมื่อจำเลยยกข้อต่อสู้นี้ขึ้นในชั้นฎีกาจึงเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249
สัญญาจะซื้อขายระบุชัดว่าโจทก์วางมัดจำเป็นเงิน 400,000บาทจำเลยจะนำสืบโต้เถียงเพื่อให้ศาลฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นอันมีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความที่ปรากฏในเอกสารหาได้ไม่ ต้องห้ามตามป.วิ.พ. มาตรา 94.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
สัญญาจะซื้อขายระบุชัดว่าโจทก์วางมัดจำเป็นเงิน 400,000บาทจำเลยจะนำสืบโต้เถียงเพื่อให้ศาลฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นอันมีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความที่ปรากฏในเอกสารหาได้ไม่ ต้องห้ามตามป.วิ.พ. มาตรา 94.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารประกอบคำเบิกความที่ไม่ใช่ประเด็นข้อพิพาท ไม่ต้องส่งสำเนาให้คู่ความ
โจทก์อ้างเอกสารเป็นพยานโดยไม่ได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลย แต่ข้อเท็จจริงตามเอกสารนั้นโจทก์เพียงใช้ประกอบคำเบิกความของพยานซึ่งมิได้เป็นประเด็นโต้เถียงกันในคดี ทั้งคำพิพากษาศาลแรงงานกลางที่วินิจฉัยข้อเท็จจริงก็ไม่ได้อ้างถึงหรือนำเอกสารนั้นมาใช้ในการวินิจฉัย ส่วนเอกสารฉบับที่ศาลใช้ในการวินิจฉัยคดี จำเลยก็ยอมรับข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในเอกสารนั้นแล้ว ดังนั้น โจทก์จึงไม่จำต้องส่งสำเนาเอกสารให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารที่ไม่ส่งสำเนาให้คู่ความ ศาลไม่ถือว่าผิด หากไม่ได้ใช้ประกอบการวินิจฉัย
ตามคำฟ้องและคำให้การคดีมีประเด็นข้อพิพาทตามที่ศาลกำหนดเพียงว่า จำเลยมีความรับผิดต้องชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์หรือไม่ส่วนข้อเท็จจริงตามเอกสารที่โจทก์ใช้ประกอบคำเบิกความของพยานมิได้เป็นประเด็นโต้เถียง กันในคดี ทั้งตามคำพิพากษาของศาลที่วินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงมา ไม่ปรากฏว่าได้อ้างถึงหรือนำเอกสารที่จำเลยคัดค้านว่ามิได้ส่งสำเนาให้จำเลยมาใช้ในการวินิจฉัยคดีแต่อย่างใด ดังนั้น โจทก์จึงไม่จำต้องส่งสำเนาเอกสารนั้นให้แก่จำเลยก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารประกอบคำเบิกความที่ไม่ใช่ประเด็นข้อพิพาท โจทก์ไม่ต้องส่งสำเนาให้จำเลย
โจทก์อ้างเอกสารเป็นพยานโดยไม่ได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลยแต่ข้อเท็จจริงตามเอกสารนั้นโจทก์เพียงใช้ประกอบคำเบิกความของพยานซึ่งมิได้เป็นประเด็นโต้เถียงกันในคดี ทั้งคำพิพากษาศาลแรงงานกลางที่วินิจฉัยข้อเท็จจริงก็ไม่ได้อ้างถึงหรือนำเอกสารนั้นมาใช้ในการวินิจฉัย ส่วนเอกสารฉบับที่ศาลใช้ในการวินิจฉัยคดี จำเลยก็ยอมรับข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในเอกสารนั้นแล้ว ดังนั้น โจทก์จึงไม่จำต้องส่งสำเนาเอกสารให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเรื่องการส่งเอกสาร และสิทธิในการขอคืนของกลางจากการกระทำผิด
คำสั่งศาลไม่ขยายเวลาให้โจทก์คัดสำเนาเอกสารหรือไม่เลื่อนการพิพากษาคดีไปเป็นการตัดพยานโจทก์เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเมื่อโจทก์มีเวลาพอที่จะโต้แย้งคำสั่งแต่มิได้โต้แย้งไว้จึงต้องห้ามอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว โจทก์เป็นผู้โดยสารในรถยนต์คันที่ชนกับรถบรรทุกที่จำเลยที่1ขับโจทก์ฟ้องว่าเหตุละเมิดเกิดจากความประมาทของฝ่ายจำเลยแต่จำเลยให้การปฏิเสธในข้อนี้โจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้างหน้าที่นำสืบตกแก่โจทก์โจทก์จึงต้องนำสืบข้อเท็จจริงให้ศาลเห็นตามข้อกล่าวอ้างของตน.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3833/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำลายเอกสารหลักฐานหนี้สิน แม้ยังอ่านได้ ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188
การที่จำเลยขีดฆ่าและฉีกเอกสารของโจทก์ร่วม แม้เอกสารดังกล่าวยังสามารถอ่านเข้าใจได้ ก็ถือได้ว่าจำเลยทำให้เสียหาย ทำลายซึ่งเอกสารในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วม อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 แล้ว หาจำต้องทำให้เอกสารนั้นสูญสิ้นไปหมดทั้งฉบับไม่
เมื่อจำเลยขีดฆ่าและฉีกเอกสารขาดจากกัน การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วนองค์ความผิดแล้ว หาใช่อยู่ในขั้นเพียงพยายามกระทำความผิดไม่
เมื่อจำเลยขีดฆ่าและฉีกเอกสารขาดจากกัน การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วนองค์ความผิดแล้ว หาใช่อยู่ในขั้นเพียงพยายามกระทำความผิดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3833/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำให้เสียหายหรือทำลายเอกสารของผู้อื่น แม้ยังอ่านได้ ก็ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188
การที่จำเลยขีดฆ่าและฉีกเอกสารของโจทก์ร่วม แม้เอกสารดังกล่าวยังสามารถอ่านเข้าใจได้ ก็ถือได้ว่าจำเลยทำให้ เสียหาย ทำลายซึ่งเอกสารในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วม อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188แล้ว หาจำต้องทำให้เอกสารนั้นสูญสิ้นไปหมดทั้งฉบับไม่
เมื่อจำเลยขีดฆ่าและฉีกเอกสารขาดจากกัน การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วนองค์ความผิดแล้ว หาใช่อยู่ในขั้นเพียง พยายามกระทำความผิดไม่
เมื่อจำเลยขีดฆ่าและฉีกเอกสารขาดจากกัน การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วนองค์ความผิดแล้ว หาใช่อยู่ในขั้นเพียง พยายามกระทำความผิดไม่