คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
แปลงหนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 279 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้: หนี้เดิมระงับสิ้นเมื่อทำสัญญากู้ใหม่แทน
หนี้เดิมเป็นการตกลงซื้อขายที่ดินกัน ฝ่ายจำเลยไม่มีเงินพอจะจ่ายได้ครบตามจำนวนเงินที่ได้ตกลงซื้อขาย จึงตกลงทำสัญญากู้ขึ้นเฉพาะจำนวนเงินที่ยังขาด ถือว่าเป็นการแปลงสาระสำคัญแห่งหนี้ หนี้เดิม(จำนวนเงินที่ยังขาด) จึงเป็นอันระงับสิ้นไปด้วย การแปลงหนี้ใหม่ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349
จำเลยจะอาศัยสัญญาซื้อขายที่ดินซึ่งปรากฏว่าโจทก์ได้รับเงินค่าซื้อขายที่ดินไปครบถ้วนแล้ว มาเป็นข้ออ้างให้ไม่ต้องชำระเงินตามสัญญากู้ที่แปลงขึ้นใหม่หาได้ไม่ เพราะหนี้เก่าได้แปลงเป็นหนี้ใหม่แล้ว หนี้เก่าหรือหนี้เดิมเป็นอันระงับสิ้นไปตาม กฎหมายแล้ว แต่มีหนี้ใหม่เข้ามาแทนหาได้ระงับสิ้นไปด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1008/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ด้วยการชำระหนี้ด้วยเรือน การระงับหนี้เดิม
จำเลยตกลงกับโจทก์ เอาเรือนของจำเลยตีใช้หนี้เงินกู้ให้โจทก์เป็นราคา 9,500 บาทโดยให้โจทก์รื้อเอาเรือนไปใน 5 วัน นั้น หาจำต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ป.พ.พ.มาตรา 456 ไม่ข้อตกลงดังกล่าว เป็นการแปลงหนี้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 349 โดยคู่กรณีได้ตกลงเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ คือเอาเรือนของ จำเลยชำระหนี้แทนที่จะต้องนำเงินมาชำระตามสํญญากู้ ฉะนั้นหนี้เงินกู้ระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นอันระงับไป./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1008/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ด้วยการชำระหนี้ด้วยทรัพย์สิน และผลของการระงับหนี้เดิม
จำเลยตกลงกับโจทก์ เอาเรือนของจำเลยตีใช้หนี้เงินกู้ให้โจทก์เป็นราคา 9,500 บาทโดยให้โจทก์รื้อเอาเรือนไปใน 5 วันนั้น หาจำต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ไม่ ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการแปลงหนี้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349 โดยคู่กรณีได้ตกลงเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ คือเอาเรือนของจำเลยชำระหนี้แทนที่จะต้องนำเงินมาชำระตามสัญญากู้ ฉะนั้นหนี้เงินกู้ระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นอันระงับไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้และโอนสิทธิเรียกร้อง: ศาลต้องพิจารณาข้อเท็จจริงก่อนพิพากษา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลย จำเลยต่อสู้ว่ากู้เงินโจทก์ตามที่ฟ้องจริง แต่ภายหลังยืม+โจทก์มาอีกจำนวนหนึ่ง แล้วตกลงทำสัญญากู้กันใหม่ โดยเอาจำนวนเงินที่กู้เดิมบวกกับราคาข้าวที่ยืมมาลงเงินเป็นจำนวนกู้ในสัญญากู้ใหม่นี้ และในสัญญากู้ใหม่นี้ตกลงกันให้ลงชื่อพ่อตาโจทก์เป็นผู้ให้กู้ จำเลยเป็นผู้กู้ แล้วจำเลยได้ชำระเงินเท่าจำนวนตามสัญญาใหม่ให้แก่พ่อตาโจทก์แล้วดังนี้เป็นเรื่องต่อสู้ว่าได้ตกลงแปลงหนี้ใหม่และโอนสิทธิเรียกร้องให้พ่อตาโจทก์ซึ่งถ้าเป็นจริงหนี้เดิมก็ระงับสิ้นไป จึ่งต้องให้จำเลยสืบตามข้อต่อสู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้และโอนสิทธิเรียกร้อง: จำเลยต่อสู้ว่ามีการตกลงแปลงหนี้เดิมเป็นหนี้ใหม่และโอนสิทธิเรียกร้องให้พ่อตาโจทก์
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลย จำเลยต่อสู้ว่ากู้เงินโจทก์ตามที่ฟ้องจริง แต่ภายหลังยืมข้าวโจทก์มาอีกจำนวนหนึ่ง แล้วตกลงทำสัญญากู้กันใหม่ โดยเอาจำนวนเงินที่กู้เดิมบวกกับราคาข้าวที่ยืมมาลงเงินเป็นจำนวนกู้ในสัญญากู้ใหม่นี้ และในสัญญากู้ใหม่นี้ตกลงกันให้ลงชื่อพ่อตาโจทก์เป็นผู้ให้กู้ จำเลยเป็นผู้กู้ แล้วจำเลยได้ชำระเงินเท่าจำนวนตามสัญญาใหม่ให้แก่พ่อตาโจทก์แล้ว โจทก์กับพ่อตาสมคบกันเอาสัญญากู้ฉบับเก่ามาฟ้องดังนี้เป็นเรื่องต่อสู้ว่าได้ตกลงแปลงหนี้ใหม่และโอนสิทธิเรียกร้องให้พ่อตาโจทก์ซึ่งถ้าเป็นจริงหนี้เดิมก็ระงับสิ้นไปได้จึงต้องให้จำเลยสืบตามข้อต่อสู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้สัญญาเดิมนอกศาล และการนำสืบพยานที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้โจทก์แพ้คดี
การที่คู่ความทำสัญญายอมความกันใหม่นอกศาล แปลงหนี้จากสัญญายอมความเดิมที่ทำไว้ต่อศาล แต่ต่างไม่แสดงสัญญายอมใหม่ต่อศาล โจทก์ฟ้องอ้างว่าตามสัญญายอมใหม่จำเลยยอมขยายเวลาให้โจทก์ไถ่นาคืน ในพ.ศ. 2492 จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยอมมอบให้นาพิพาทเป็นสิทธิแก่จำเลยดังนี้โจทก์ต้องนำสืบให้ได้ตามข้ออ้าง ไม่จำต้องวินิจฉัยข้อต่อสู้ของจำเลยเพราะจำเลยมิได้ฟ้องแย้งหากโจกท์นำสืบไมสมฟ้องโจทก์ต้องแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้จากสัญญายอมความเดิมและการนำสืบพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ข้อตกลงใหม่
การที่คู่ความทำสัญญายอมความกันใหม่นอกศาล แปลงหนี้จากสัญญายอมความเดิมที่ทำไว้ต่อศาล แต่ต่างไม่แสดงสัญญายอมใหม่ต่อศาล โจทก์ฟ้องอ้างว่าตามสัญญายอมใหม่จำเลยยอมขยายเวลาให้โจทก์ไถ่นาคืนใน พ.ศ.2492 จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยอมมอบให้นาพิพาทเป็นสิทธิแก่จำเลย ดังนี้โจทก์ต้องนำสืบให้ได้ตามข้ออ้าง ไม่จำต้องวินิจฉัยข้อต่อสู้ของจำเลยเพราะจำเลยมิได้ฟ้องแย้ง หากโจทก์นำสืบไม่สมฟ้องโจทก์ต้องแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ให้บุคคลภายนอกไม่ใช่การแปลงหนี้ใหม่ ศาลต้องพิจารณาประเด็นอื่นเพิ่มเติม
การที่เจ้าหนี้กับลูกหนี้ตกลงกันให้ลูกหนี้ชำระหนี้แก่บุคคลภายนอก ไม่ใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ โดยเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ กรณีต้องตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 374
หากคดียังมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไปอีกแต่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานเสียศาลสูงย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ให้บุคคลภายนอกไม่ใช่การแปลงหนี้ใหม่ ศาลต้องพิจารณาพยานหลักฐานเพิ่มเติม
การที่เจ้าหนี้กับลูกหนี้ตกลงกันให้ลูกหนี้ชำระหนี้แก่บุคคลภายนอก ไม่ใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ โดยเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ กรณีต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374
หากคดียังมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไปอีกแต่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานเสีย ศาลสูงย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1366/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงวิธีการชำระหนี้ไม่ถือเป็นการแปลงหนี้ หากราคารวมยังคงเดิม สัญญาจะซื้อขายเดิมยังใช้บังคับ
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินบ้านและที่สวนรวม 2 แปลง ราคา 3000 บาท วันโอนกันที่อำเภอผู้ซื้อมีเงินไม่ถึง 3000 บาท จึงตกลงขายที่บ้านแปลงเดียวก่อนตีราคา 2600 บาท ส่วนที่สวนตีราคา 400 บาท นัดโอนกันภายหลัง ดังนี้ย่อมถือได้ว่าคู่กรณีมิได้ตกลงกันเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญแห่งหนี้ให้ผิดแผกไปจากเดิมเลยที่ให้โอนที่บ้านก่อนแล้วจึงมาโอนที่สวนภายหลัง ก็เพื่อความสะดวกของผู้ซื้อในเรื่องเงิน จำนวนราคาเมื่อรวมกันก็เป็น 3000 บาทเท่าเดิมจึงไม่ใช่เรื่องแปลงหนี้สัญญาจะซื้อขายฉบับเดิมหาได้ระงับไปไม่ ผู้ขายยังมีสิทธิฟ้องบังคับให้ผู้ซื้อซื้อที่สวนในราคา 400 บาทได้
of 28