คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1822/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งระหว่างพิจารณาคดีอาญาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสิ้น ยังไม่สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาได้
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมศาลชั้นต้นสั่งว่าไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ให้ยกคำร้องของจำเลยเช่นนี้ คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน, ยังอุทธรณ์คำสั่งไม่ได้ตามมาตรา 196 แห่ง ป.ม.วิ.อาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1800/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจดุลพินิจศาลในการเลื่อนคดีอาญา: การไม่มาศาลของโจทก์และพยาน
คดีอาญาวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง มีแต่ทนายโจทก์ไปศาลแต่โจทก์ไม่ไปศาล พยานก็ไม่ไปศาลเช่นนี้ ถ้าทนายโจทก์ขอเลื่อน ก็อยู่ในดุลพินิจของศาลที่ให้เลื่อนหรือไม่
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นไม่สมควรให้เลื่อน จึงเป็นอันยุติตามที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ชี้ไว้ เพราะเป็นดุลพินิจ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งและอาญาปนกัน ศาลฎีกาต้องใช้ข้อเท็จจริงเดิมจากคดีอาญาที่ยุติแล้วในการพิจารณาคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ ขอให้ลงโทษทางอาญาและเรียกทรัพย์คืนมีราคาเกิน 2,000 บาท ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยผิดสัญญาทางแพ่งไม่ผิดฐานยักยอก จึงพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้คดีส่วนอาญาย่อมถือว่ายุติ คู่ความคงฎีกาได้เฉพาะคดีส่วนทางแพ่งเท่านั้น และในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งในชั้นฎีกานี้ ศาลฎีกาย่อมต้องฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลล่างที่ได้ฟังไว้ในคดีส่วนอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาและแพ่งปนกัน ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงสอดคล้องกับศาลล่างในส่วนอาญา แม้ฎีกาเฉพาะแพ่ง
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยยักยอกทรัพย์ ขอให้ลงโทษทางอาญาและเรียกทรัพย์คืนมีราคา เกิน 2,000 บาท ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยผิดสัญญาทางแพ่งไม่ผิดฐานยักยอก จึงพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้คดีส่วนอาญาย่อมถือว่ายุติ คู่ความคงฎีกาได้เฉพาะคดีส่วนทางแพ่งเท่านั้น และในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งในชั้นฎีกานี้ ศาลฎีกาย่อมต้องฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลล่างที่ได้ฟังไว้ในคดีส่วนอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1675/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจหน้าที่พนักงานสอบสวน: กรมตำรวจไม่มีสิทธิร้องแทนพนักงานสอบสวนในคดีอาญา
บรรดาอำนาจหน้าที่ต่าง ๆ ของพนักงานสอบสวนที่บัญญัติไว้ใน ป.ม.วิ.อาญานั้น เป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานสอบสวนโดยเฉพาะ และไม่มีบทกฎหมายแห่งใดให้บุคคลอื่นใช้อำนาจและหน้าที่นี้แทน ฉะนั้นกรมตำรวจซึ่งมิใช่พนักงานสอบสวน จึงหามีสิทธิที่มีร้องต่อศาลแทนพนักงานสอบสวน ขอให้ปล่อยทรัพย์ของกลางซึ่งพนักงานสอบสวนได้ยึดไว้เป็นของกลางได้ไม่
(ประชุมใหญ่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1653/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดสืบพยานประเด็นและการยกฟ้องคดีอาญา: ศาลต้องพิจารณาเหตุผลก่อนยกฟ้อง
โจทก์ขาดนัดในชั้นสืบพยานประเด็น เมื่อปรากฏว่าได้สืบพยานโจทก์ไปแล้ว 2 ปากรวมทั้งตัวโจทก์ และโจทก์ก็ได้ยื่นคำร้องก่อนในวันเดียวกับที่ศาลพิพากษาเรื่องโจทก์ขาดนัดว่าโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานต่อไป ขอให้นัดสืบพยานจำเลยเช่นนี้ยังไม่สมควรจะยกฟ้องโจทก์
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 181 บัญญัติให้นำเอามาตรา 166 อันเป็นบทบัญญัติในชั้นไต่สวนมูลฟ้องมาใช้บังคับในชั้นพิจารณาได้โดยอนุโลม ซึ่งหมายความว่า ให้ใช้ได้ตามควรแก่กรณี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618-1619/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีอาญาเมื่อศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงเดียวกัน
แม้ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์จะฟังข้อเท็จจริงต่างกัน แต่ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์ก็คงพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงนั่นเองนั้นโจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้าม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219 และจำเลยจะฎีกาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงอีกก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1566/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอาญาที่ขาดหลักฐานยืนยันการกระทำผิด ศาลฎีกายกฟ้องจำเลยเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายกระทงหนึ่งจำคุก 2 เดือน และฐานบุกรุกสถานที่ราชการอีกกระทงหนึ่งจำคุก 1 เดือน ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มิได้สืบว่ารถการ์ดที่จำเลยขึ้นไปนั้นเป็นสถานที่สำหรับใช้ในราชการซึ่งผู้หนึ่งผู้ใดจะเข้าไปมิได้ ฉะนั้นจำเลยยังไม่ผิดฐานนี้ พิพากษาแก้ว่าจำเลยไม่ผิดฐานบุกรุกนอกจากนี้ยืน โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกตามศาลชั้นต้น ดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยมิได้ขึ้นไปบนรถการ์ด ฉะนั้นความผิดในเรื่องบุกรุกจึงไม่ต้องวินิจฉัย และเมื่อฟังไม่ได้ว่าขึ้นไปรถการ์ดข้อหาโจทก์ที่ว่าจำเลยขึ้นไปทำร้ายเขาบนรถการ์ดก็ย่อมตกไปด้วย แม้โจทก์ฝ่ายเดียวจะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกฐานเดียวก็ดี เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีความผิด ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ศาลฎีกาต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1473/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดสิทธิฎีกาในคดีอาญาเมื่อโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 243 กะทงหนึ่งมีกำหนด 3 ปี และตามมาตรา 299 อีกกะทงหนึ่ง มีกำหนด 3 ปี รวมโทษ 2 กะทง 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ความผิดของจำเลยแต่ละกะทงไม่เกิน 5 ปี จำเลยจะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 842/2482)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1473/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดสิทธิฎีกาในคดีอาญาที่โทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา243 กระทงหนึ่งมีกำหนด 3 ปี และตามมาตรา 299 อีกกระทงหนึ่ง มีกำหนด 3 ปี รวมโทษ 2 กะทง 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ ความผิดของจำเลยแต่ละกะทงไม่เกิน 5 ปี จำเลยจะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้(อ้างฎีกาที่ 842/2482)
of 312