พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,082 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 556/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง, สัญญาเช่าหมดอายุ, และการสืบพยานนอกประเด็น
การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ในคดีมโนสาเร่นั้นต่างกับการรับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงจึงถือว่าศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์เป็นการรับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงด้วยไม่ได้
ฟ้องขับไล่จำเลยจากห้องเช่า เลข 638 ฑ ได้ความว่าจำเลยเช่าห้องเลข 638 ฑ1 ซึ่งจำเลยรับในรายงานพิจารณาว่า ห้องที่จำเลยเช่า คือห้องที่พิพาทกันปัญหาเรื่องนอกฟ้องจึงตกไป
สัญญาเช่าห้อง ซึ่งมีกำหนดเวลาแน่นอนย่อมระงับลงตามสัญญาโดยไม่ต้องบอกเลิก.
ฟ้องขับไล่จำเลยจากห้องเช่า เลข 638 ฑ ได้ความว่าจำเลยเช่าห้องเลข 638 ฑ1 ซึ่งจำเลยรับในรายงานพิจารณาว่า ห้องที่จำเลยเช่า คือห้องที่พิพาทกันปัญหาเรื่องนอกฟ้องจึงตกไป
สัญญาเช่าห้อง ซึ่งมีกำหนดเวลาแน่นอนย่อมระงับลงตามสัญญาโดยไม่ต้องบอกเลิก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำหมิ่นประมาท: ข้อเท็จจริงสำคัญในการพิจารณาความหมายของถ้อยคำ
ศาลล่างฟังว่าถ้อยคำที่โจทก์กล่าวอ้างว่าเป็นคำหมิ่นประมาทโจทก์นั้น ไม่มีความหมายเป็นถ้อยคำที่ใส่ความโจทก์ โจทก์ฎีกาว่า ถ้อยคำนั้นมีความหมายเป็นอีกอย่างซึ่งเป็นความหมาย+เป็นคำหมิ่นประมาทโจทก์เช่นนี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำหมิ่นประมาท: ความหมายพิเศษ vs. ความหมายธรรมดา และอายุความ
ศาลล่างฟังว่าถ้อยคำที่โจทก์กล่าวอ้างว่าเป็นคำหมิ่นประมาทโจทก์นั้น ไม่มีความหมายเป็นถ้อยคำที่ใส่ความโจทก์ โจทก์ฎีกาว่า ถ้อยคำนั้นมีความหมายเป็นอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นความหมายพิเศษเป็นคำหมิ่นประมาทโจทก์เช่นนี้เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 537/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายงานการประชุมกรรมการไม่ผูกมัดข้อเท็จจริง และการบอกเลิกสัญญาจ้างต้องพิสูจน์
รายงานการประชุมกรรมการบริษัทแม้กฎหมายจะให้ข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นการถูกต้องก็ตามก็เป็นความจริงแต่ในเบื้องต้นว่าได้มีการแถลงกันเท่าที่ปรากฏในรายงานการประชุมความจริงและผลจะเป็นอย่างไรนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ในรายงานการประชุมแม้จะปรากฏว่าอดีตผู้อำนวยการแถลงว่าลูกจ้างบริษัทได้ลาออกแล้ว ดังนี้เป็นเพียงรายงานยืนยันว่าได้มีคำแถลงดังนั้นจริงเท่านั้นไม่ผูกมัดลูกจ้างความจริงที่จะเป็นผลให้ลูกจ้างออกแล้วหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งจะต้องพิสูจน์
ในรายงานการประชุมแม้จะปรากฏว่าอดีตผู้อำนวยการแถลงว่าลูกจ้างบริษัทได้ลาออกแล้ว ดังนี้เป็นเพียงรายงานยืนยันว่าได้มีคำแถลงดังนั้นจริงเท่านั้นไม่ผูกมัดลูกจ้างความจริงที่จะเป็นผลให้ลูกจ้างออกแล้วหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งจะต้องพิสูจน์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐาน: คำให้การชั้นสอบสวน, พยานบอกเล่า, และการพิจารณาข้อเท็จจริง
คำให้การพยานในชั้นสอบสวนจะรับฟังดังคำพยานที่เบิกความต่อศาลไม่ได้
พยานบอกเล่า ก.ม.ไม่รับฟังเป็นพยานหลักฐาน ถ้าหากพยานได้รับคำบอกเล่าจากประจักษ์พยานเองก็อาจรับฟังประกอบหรือไม่ประกอบคำประจักษ์พยานนั้นได้แล้วแต่เหตุผล
การที่มีผู้อื่นมานั่งฟังการสอบสวนของเจ้าพนักงานสอบสวนโดยไม่ปรากฎว่าเจ้าพนักงานกระทำผิดหน้าที่อย่างใด หาทำให้การสอบสวนเสียไปไม่
พยานบอกเล่า ก.ม.ไม่รับฟังเป็นพยานหลักฐาน ถ้าหากพยานได้รับคำบอกเล่าจากประจักษ์พยานเองก็อาจรับฟังประกอบหรือไม่ประกอบคำประจักษ์พยานนั้นได้แล้วแต่เหตุผล
การที่มีผู้อื่นมานั่งฟังการสอบสวนของเจ้าพนักงานสอบสวนโดยไม่ปรากฎว่าเจ้าพนักงานกระทำผิดหน้าที่อย่างใด หาทำให้การสอบสวนเสียไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐาน: คำให้การชั้นสอบสวน, พยานบอกเล่า, และการพิจารณาข้อเท็จจริง
คำให้การพยานในชั้นสอบสวนจะรับฟังดังคำพยานที่เบิกความต่อศาลไม่ได้
พยานบอกเล่ากฎหมายไม่รับฟังเป็นพยานหลักฐานถ้าหากพยานได้รับคำบอกเล่าจากประจักษ์พยานเองก็อาจรับฟังประกอบหรือไม่ประกอบคำประจักษ์พยานนั้นได้แล้วแต่เหตุผล
การที่มีผู้อื่นมานั่งฟังการสอบสวนของเจ้าพนักงานสอบสวนโดยไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานกระทำผิดหน้าที่อย่างใด หาทำให้การสอบสวนเสียไปไม่
พยานบอกเล่ากฎหมายไม่รับฟังเป็นพยานหลักฐานถ้าหากพยานได้รับคำบอกเล่าจากประจักษ์พยานเองก็อาจรับฟังประกอบหรือไม่ประกอบคำประจักษ์พยานนั้นได้แล้วแต่เหตุผล
การที่มีผู้อื่นมานั่งฟังการสอบสวนของเจ้าพนักงานสอบสวนโดยไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานกระทำผิดหน้าที่อย่างใด หาทำให้การสอบสวนเสียไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2496 กับฟ้องที่ยื่นก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้ และผลของการที่ข้อเท็จจริงในฟ้องต่างกับข้อเท็จจริงตามการพิจารณา
โจทก์ฟ้องจำเลยว่าทำร้ายเจ้าพนักงานและฆ่าคนตายโดยเจตนาฟ้องก่อน พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร(ฉบับที่ 5) พ.ศ.2496 ออกใช้บังคับ
ศาลมณฑลทหารบกที่ 7 ยกฟ้องโดยเห็นว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง(ฟ้องว่าเหตุเกิดเวลากลางวัน ทางพิจารณาได้ความว่าเวลากลางคืน) ศาลทหารกลางเห็นว่าข้อต่อสู้และการนำสือของจำเลยแสดงได้ชัดว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ซึ่งตาม พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2496 มาตรา 100 มิให้ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้อง พิพากษายกคำพิพากษาศาลทหารบกที่ 7 ให้พิจารณาพิพากษาใหม่
ดังนี้แม้จำเลยจะมิได้ค้านคำพิพากษาของศาลทหารกลางแต่อย่างใดในชั้นนั้น เมื่อศาลมณฑลทหารบกที่ 7 พิจารณาใหม่แล้วพิพากษาลงโทษจำเลยและศาลทหารกลางพิพากษายืนดังนี้ จำเลยจะคัดค้านขึ้นมาในชั้นฎีกาว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องก็ได้เ เพราะปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและเมื่อศาลทหารกลางพิพากษาให้ยกคำพิพากษาของศาลมณฑลทหารบกที่ 7 ให้พิจารณาพิพากษาใหม่นั้น คดีก็ยังไม่ถึงที่สุดคู่ความหรือศาลย่อมยกขึ้นกล่าวอ้าง+
พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2496 มาตรา 100ใช้บังคับแก่ฟ้องที่ไม่ถูกต้องซึ่งเกิดขึ้นภายหลังวันใช้บังคับเท่านั้นจะนำเอากฎหมายที่ออกใช้ภายหลังมาลงโทษจำเลยไม่ได้ และกฎหมายใหม่ในกรณีเช่นนี้หาอาจไปแก้ไขฟ้องที่ไม่ถูกต้องให้เป็นการถูกต้องขึ้นได้ไม่
ศาลมณฑลทหารบกที่ 7 ยกฟ้องโดยเห็นว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง(ฟ้องว่าเหตุเกิดเวลากลางวัน ทางพิจารณาได้ความว่าเวลากลางคืน) ศาลทหารกลางเห็นว่าข้อต่อสู้และการนำสือของจำเลยแสดงได้ชัดว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ซึ่งตาม พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2496 มาตรา 100 มิให้ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้อง พิพากษายกคำพิพากษาศาลทหารบกที่ 7 ให้พิจารณาพิพากษาใหม่
ดังนี้แม้จำเลยจะมิได้ค้านคำพิพากษาของศาลทหารกลางแต่อย่างใดในชั้นนั้น เมื่อศาลมณฑลทหารบกที่ 7 พิจารณาใหม่แล้วพิพากษาลงโทษจำเลยและศาลทหารกลางพิพากษายืนดังนี้ จำเลยจะคัดค้านขึ้นมาในชั้นฎีกาว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องก็ได้เ เพราะปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและเมื่อศาลทหารกลางพิพากษาให้ยกคำพิพากษาของศาลมณฑลทหารบกที่ 7 ให้พิจารณาพิพากษาใหม่นั้น คดีก็ยังไม่ถึงที่สุดคู่ความหรือศาลย่อมยกขึ้นกล่าวอ้าง+
พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2496 มาตรา 100ใช้บังคับแก่ฟ้องที่ไม่ถูกต้องซึ่งเกิดขึ้นภายหลังวันใช้บังคับเท่านั้นจะนำเอากฎหมายที่ออกใช้ภายหลังมาลงโทษจำเลยไม่ได้ และกฎหมายใหม่ในกรณีเช่นนี้หาอาจไปแก้ไขฟ้องที่ไม่ถูกต้องให้เป็นการถูกต้องขึ้นได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษทางอาญาเนื่องจากถูกยั่วยุให้เข้าต่อสู้ และการพิจารณาข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์แก้ไข
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี ตาม ม. 251,+ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้ลดโทษจำเลยฐานยั่วโทษะตาม ม.55 ด้วย คงจำคุก 1 ปี 6 เดิอน ดังนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้มาก คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
การที่ฝ่ายหนึ่งยั่วโทษะอีกฝ่ายหนึ่งให้เข้าต่อสู้ทำร้ายกันก็อาจลดโทษฐานยั่วโทษะตาม ม.55 ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2498)
การที่ฝ่ายหนึ่งยั่วโทษะอีกฝ่ายหนึ่งให้เข้าต่อสู้ทำร้ายกันก็อาจลดโทษฐานยั่วโทษะตาม ม.55 ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะบทลงโทษโดยคงโทษเดิม ทำให้ฎีกาต้องห้ามในข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษว่าจำเลย ผิดก.ม.อาญา ม. 251,59 จำคุก 1 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิด ม.249,47,59 แต่คงลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี6 เดือน เท่าเดิม คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและหน้าที่นำสืบ: การที่จำเลยไม่ให้การตัดฟ้องและไม่ปฏิเสธข้อเท็จจริงในฟ้องทำให้ไม่มีประเด็นต้องสืบ
จำเลยกล่าวไว้ในตอนท้ายคำให้การว่า "อย่างไรก็ดีโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องข้าพเจ้าเป็นจำเลย" เหตุใดจึงกล่าวว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหาได้แสดงข้ออ้างอิงแต่ประการใดไม่ ทั้งจำเลยมิได้ให้การตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ดังนี้ศาลได้แต่เพียงแปลความหมายว่าคำกล่าวที่ว่าไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องมาจากคำให้การของจำเลยในตอนต้นๆเช่นที่กล่าวว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ๆ จึงไม่มีอำนาจฟ้องหาใช่เรื่องตัดฟ้องไม่ จึงไม่มีประเด็น และมิจำเป็นที่ศาลจะวินิจฉัยเลยไปถึงว่า โจทก์จะเป็นผู้มีอำนาจฟ้องคดีหรือไม่
ข้อเท็จจริงใดที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยจะต้องให้การปฏิเสธหรือคัดค้านหรือจะแก้ว่าอย่างใดก็ได้ หากจำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้าน หรือแก้ว่าอย่างใดเลยถือว่าข้อเท็จจริงนั้น ไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบ
ในเรื่องการบอกกล่าวล่วงหน้าการทวงหนี้โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้จำเลยจัดการชำระเงินที่ค้าง จำเลยไม่ชำระ ซึ่งในข้อนี้จำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลย จึงไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบด้วย
ข้อเท็จจริงใดที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยจะต้องให้การปฏิเสธหรือคัดค้านหรือจะแก้ว่าอย่างใดก็ได้ หากจำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้าน หรือแก้ว่าอย่างใดเลยถือว่าข้อเท็จจริงนั้น ไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบ
ในเรื่องการบอกกล่าวล่วงหน้าการทวงหนี้โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้จำเลยจัดการชำระเงินที่ค้าง จำเลยไม่ชำระ ซึ่งในข้อนี้จำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลย จึงไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบด้วย