พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,082 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1619/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องการวิวาท หากสืบไม่ได้ว่ามีการต่อสู้จริง โจทก์ต้องเป็นฝ่ายยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าวิวาทต่อสู้กันมีผู้บาดเจ็บถึงตาย + ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกลุ้มรุมทำร้ายผู้ตายฝ่ายเดียว ดังนี้จึงเป็นเรื่องที่โจทก์สืบฟังไม่ได้ว่ามีการวิวาทต่อสู้กันดังฟ้อง ย่อมถือว่าโจทก์สืบไม่สมฟ้อง ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1619/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ข้อเท็จจริง 'วิวาทต่อสู้' ในคดีอาญา หากโจทก์สืบมิได้ ย่อมเป็นเหตุให้ยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าวิวาทต่อสู้กันมีผู้บาดเจ็บถึงตายดังมาตรา 253,335ข้อ3,14 ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกลุ้มรุมทำร้ายผู้ตายฝ่ายเดียว ดังนี้จึงเป็นเรื่องที่โจทก์สืบฟังไม่ได้ว่ามีการวิวาทต่อสู้กันดังฟ้อง ย่อมถือว่าโจทก์สืบไม่สมฟ้อง ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เพียงเล็กน้อย ทำให้จำเลยไม่สามารถฎีกาได้ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.248
โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดิน 2 ตอน ตอนที่ 1 ราคา 50 บาท ตอนที่ 2 ราคา 400 บาท ต่างเถียงกันในเรื่องกรรมสิทธิ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าที่ตอนที่ 1 ราคา 50 บาทเป็นของโจทก์ นอกนั้นยืนเช่นนี้เป็นการแก้ไขน้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.แพ่ง ม. 248
(ฎีกาที่ 181/2492)
(ฎีกาที่ 181/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เล็กน้อยในข้อเท็จจริงและขอบเขตของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ทำให้จำเลยฎีกาไม่ได้
โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดิน 2 ตอน ตอนที่ 1 ราคา 50 บาท ตอนที่ 2 ราคา 400 บาท ต่างเถียงกันในเรื่องกรรมสิทธิ์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าที่ตอนที่ 1 ราคา 50 บาทเป็นของโจทก์ นอกนั้นยืนเช่นนี้เป็นการแก้ไขน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 (ฎีกาที่ 181/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ถือเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดิน 2 ตอน ตอนที่ 1 ราคา 50 บาท ตอนที่ 2 ราคา 400 บาท ต่างเถียงกันในเรื่องกรรมสิทธิ์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าที่ตอนที่ 1 ราคา 50 บาทเป็นของโจทก์ นอกนั้นยืนเช่นนี้เป็นการแก้ไขน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 (ฎีกาที่ 181/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1481/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจลดโทษมาตรา 59 เป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่ข้อกฎหมาย
การลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 นั้นเป็นการใช้ดุลพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่องมิใช่เป็นข้อกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือนฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บตาม มาตรา 254-63 ลดฐานปราณีตามมาตรา 59 กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 3 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี 6 เดือน โดยบทมาตราเดียวกัน และไม่ลดฐานปราณีให้ เพราะถือว่าจำเลยจำนนแก่พยาน ดังนี้ถือว่าการลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตาม มาตรา 59เป็นการใช้ดุลพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่อง ไม่ใช่เป็นข้อกฎหมายจึงฎีกาไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือนฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บตาม มาตรา 254-63 ลดฐานปราณีตามมาตรา 59 กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 3 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี 6 เดือน โดยบทมาตราเดียวกัน และไม่ลดฐานปราณีให้ เพราะถือว่าจำเลยจำนนแก่พยาน ดังนี้ถือว่าการลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตาม มาตรา 59เป็นการใช้ดุลพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่อง ไม่ใช่เป็นข้อกฎหมายจึงฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1481/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษตามมาตรา 59 เป็นดุลพินิจข้อเท็จจริง ไม่ใช่ข้อกฎหมาย จึงไม่อุทธรณ์ฎีกาได้
การลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 นั้นเป็นการใช้ดุลพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่องมิใช่เป็นข้อกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือนฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บตาม มาตรา 254-63 ลดฐานปราณีตามมาตรา 59 กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 3 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี 6 เดือน โดยบทมาตราเดียวกัน และไม่ลดฐานปราณีให้ เพราะถือว่าจำเลยจำนนแก่พยาน ดังนี้ถือว่าการลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตาม มาตรา 59เป็นการใช้ดุลพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่อง ไม่ใช่เป็นข้อกฎหมายจึงฎีกาไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือนฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บตาม มาตรา 254-63 ลดฐานปราณีตามมาตรา 59 กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 3 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี 6 เดือน โดยบทมาตราเดียวกัน และไม่ลดฐานปราณีให้ เพราะถือว่าจำเลยจำนนแก่พยาน ดังนี้ถือว่าการลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตาม มาตรา 59เป็นการใช้ดุลพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่อง ไม่ใช่เป็นข้อกฎหมายจึงฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี
โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม มาตรา 218 นั้นหมายถึงโทษแต่ละกะทง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 298,299,63 และตาม มาตรา 243 อีก 2 ปี รวม 2 กะทง 7 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 298,299,63 และตาม มาตรา 243 อีก 2 ปี รวม 2 กะทง 7 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี
โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม มาตรา 218 นั้นหมายถึงโทษแต่ละกะทง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 298,299,63 และตาม มาตรา 243 อีก 2 ปี รวม 2 กะทง 7 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 298,299,63 และตาม มาตรา 243 อีก 2 ปี รวม 2 กะทง 7 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงเดิมหลังศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ตาม ม. 300 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับลงโทษจำเลยเพียงทำร้ายร่างกายตาม ม. 254 เช่นนี้ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริง แม้จะอ้างเหตุผลไปคนละนัย แต่ในที่สุดก็เห็นต้องกันว่าจำเลยไม่ผิดฐานลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ดังข้อหาของโจทก์จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ฐานชิงทรัพย์โดยอาศัยข้อเท็จจริง ดังนี้ โจทก์จะฎีกาข้อเท็จจริงขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์หาได้ไม่ เป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญา ม. 219
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 21/249+)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 21/249+)