พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,884 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1262/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับชดใช้ค่าเสียหายในคดีลักทรัพย์: การจัดการเมื่อจำเลยไม่สามารถชดใช้
มาตรา 18 กฎหมายลักษณะอาญา นั้นจะมาใช้กับกรณีที่ศาลพิพากษา ให้จำเลยซึ่งทำการลักทรัพย์ คืน หรือใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าทรัพย์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249-1250/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีอาญาเมื่อจำเลยไม่สามารถอยู่ในอำนาจศาลได้ แม้ทนายจำเลยจะได้รับสำเนาคำอุทธรณ์
คดีอาญา เมื่อศาลส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ทนายจำเลยรับไป ภายหลังทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่าตัวจำเลยไม่ได้รับทราบสำเนาอุทธรณ์เพราะหาตัวไม่พบ ศาลขอให้ทางอำเภอส่งหมายให้จำเลยก็ส่งไม่ได้ ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ก็ต้องจำหน่ายคดีเพราะในการพิจารณาคดีทั้งปวง หลักสำคัญมีอยู่ว่า จำเลยต้องมีตัวอยู่ให้ศาลเรียกมาได้ เมื่อต้องการไม่ว่าเวลาใด ๆ.
(อ้างฎีกาที่ 410/2488)
(อ้างฎีกาที่ 410/2488)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249-1250/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญา จำเลยต้องมีตัวอยู่เพื่อให้ศาลเรียกมาได้เสมอ แม้จำเลยฎีกาเอง
คดีอาญา เมื่อศาลส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ทนายจำเลยรับไป ภายหลังทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่าตัวจำเลยไม่ได้รับทราบสำเนาอุทธรณ์เพราะหาตัวไม่พบ ศาลขอให้ทางอำเภอส่งหมายให้จำเลยก็ส่งไม่ได้ ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ก็ต้องจำหน่ายคดีเพราะในการพิจารณาคดีอาญาทั้งปวง หลักสำคัญมีอยู่ว่าจำเลยต้องมีตัวอยู่ให้ศาลเรียกมาได้ เมื่อต้องการไม่ว่าเวลาใดๆ (อ้างฎีกาที่ 410/2488)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่นำสืบพยาน แม้จำเลยไม่คัดค้านการดำเนินกระบวนพิจารณา
คดีแพ่ง โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ครั้นถึงวันนัด โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าทนายไปกิจธุระยังไม่กลับ และทั้งปรากฎว่าโจทก์ยังไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพะยานต่อศาล จำเลยคัดค้านในการเลื่อน ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อน และพิพากษายกฟ้อง โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพะยานมาสืบ ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการทิ้งฟ้องตาม มาตรา 174 ป.ม.วิ.แพ่ง ทั้งไม่ใช่การขาดนัดพิจารณาตามมาตรา 201 คดีได้มีการดำเนินกระบวนพิจารณาหากแต่พะยานหลักฐานของโจทก์ ต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังตามมาตรา 87(2) คำฟ้องของโจทก์จึงไม่มีพะยานหลักฐานสนับสนุน ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง และจะสั่งจำหน่ายคดีไม่ได้ แม้จะถือว่าโจทก์ขาดนัด เมื่อจำเลยร้องขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาไป ศาลก็ต้องตัดสินคดีไปเช่นเดียวกัน ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 201 วรรค 2.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้การของผู้จำเลยในคดีแพ่งต้องชัดเจน หากไม่ปฏิเสธข้อกล่าวหา ศาลย่อมถือว่าจำเลยรับ
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง จำเลยต้องให้การโดยชัดแจ้งรวมทั้งเหตุแห่งการนั้นด้วยข้อที่โจทก์กล่าวหาข้อใด จำเลยไม่ปฏิเสธโดยชัดแจ้ง ถือว่าจำเลยให้การรับ (อ้างฎีกาที่ 218/2488)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาเพราะไม่ยอมรับฟืนที่โจทก์ส่งแล้วโดยถูกต้อง จำเลยที่ 1,2 ให้การลอยๆ ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาหาได้กล่าวไม่ว่า โจทก์ผิดสัญญาด้วยประการใดจึงไม่เป็นการให้การโดยชัดแจ้ง และไม่ได้แสดงเหตุแห่งการนั้นตามมาตรา 177 ส่วนคำให้การของจำเลยที่ 3 เป็นแต่เพียงจำเลยที่ 3 เข้าใจ จำเลยที่ 3 ไม่ได้ต่อสู้โดยชัดแจ้งว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงต้องถือว่าจำเลยทั้ง 3 ไม่ได้เถียงและประเด็นว่า โจทก์ผิดสัญญาหรือไม่ จึงไม่เกิดขึ้น ต้องฟังว่าโจทก์ส่งคืนถูกต้องตามสัญญาแล้วอนึ่งการที่จำเลยที่ 3 ปฏิเสธสัญญาโดยอ้างการตรวจของคณะกรรมการ ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นการไม่ชอบนี้ หากจำเลยจะโต้เถียงคำของโจทก์ว่าการตรวจและความเห็นของคณะกรรมการชอบแล้วจำเลยก็มีหน้าที่ตามมาตรา 177 ที่จะต้องกล่าวโดยชัดแจ้ง และแสดงเหตุดังได้กล่าวแล้ว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาเพราะไม่ยอมรับฟืนที่โจทก์ส่งแล้วโดยถูกต้อง จำเลยที่ 1,2 ให้การลอยๆ ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาหาได้กล่าวไม่ว่า โจทก์ผิดสัญญาด้วยประการใดจึงไม่เป็นการให้การโดยชัดแจ้ง และไม่ได้แสดงเหตุแห่งการนั้นตามมาตรา 177 ส่วนคำให้การของจำเลยที่ 3 เป็นแต่เพียงจำเลยที่ 3 เข้าใจ จำเลยที่ 3 ไม่ได้ต่อสู้โดยชัดแจ้งว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงต้องถือว่าจำเลยทั้ง 3 ไม่ได้เถียงและประเด็นว่า โจทก์ผิดสัญญาหรือไม่ จึงไม่เกิดขึ้น ต้องฟังว่าโจทก์ส่งคืนถูกต้องตามสัญญาแล้วอนึ่งการที่จำเลยที่ 3 ปฏิเสธสัญญาโดยอ้างการตรวจของคณะกรรมการ ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นการไม่ชอบนี้ หากจำเลยจะโต้เถียงคำของโจทก์ว่าการตรวจและความเห็นของคณะกรรมการชอบแล้วจำเลยก็มีหน้าที่ตามมาตรา 177 ที่จะต้องกล่าวโดยชัดแจ้ง และแสดงเหตุดังได้กล่าวแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์อำนาจกฎหมายของประกาศคณะกรรมการจังหวัด: จำเป็นต่อการลงโทษจำเลย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายข้าวสารเหนียวโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรมการจังหวัดแต่โจทก์ไม่ได้อ้างประกาศดังกล่าวเป็นพยาน ศาลก็ไม่ทราบว่า ประกาศที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องได้ออกโดยอาศัยอำนาจบทกฎหมายฉบับใด แม้จำเลยให้การรับสารภาพ ก็ยังลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาฟ้องก่อนเรียกตัวจำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องเพราะโจทก์มิได้ส่งตัวจำเลยพร้อมกับฟ้อง โจทก์อุทธรณ์และส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจที่จะพิจารณาฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ เพราะปัญหาในชั้นนี้มีเพียงว่า ศาลควรจะรับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาหรือไม่ ยังไม่เกี่ยวถึงตัวจำเลย เพราะยังไม่ได้เรียกตัวจำเลยเข้ามาเป็นคู่คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาฟ้องเมื่อยังมิได้เรียกจำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องเพราะโจทก์มิได้ส่งตัวจำเลยพร้อมกับฟ้องโจทก์อุทธรณ์และส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจที่จะพิจารณาฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ เพราะปัญหาในชั้นนี้มีเพียงว่า ศาลควรจะรับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาหรือไม่ ยังไม่เกี่ยวถึงตัวจำเลยเพราะยังไม่ได้เรียกตัวจำเลยเข้ามาเป็นคู่คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 73 และการหักกลบลบโทษ รวมถึงขอบเขตการสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยต้องโทษมาแล้วหลายครั้ง ๆ สุดท้ายจำเลยได้หลบหนี้ไปในระหว่างต้องโทษ แล้วกลับมากระทำผิดในคดีนี้ภายหลังที่พ้นโทษครั้งที่ 4 ไปยังไม่เกิน 3 ปี ก็เพิ่มโทษตามมาตรา 73 ได้
เมื่อคดีต้องเพิ่มโทษตามมาตรา 73 กึ่งหนึ่ง และลดฐานปราณีตามมาตรา 59 ลงกึ่งหนึ่ง โทษเพิ่มและลดมีกำหนดเสมอกัน ต้องหักกลบลบกันไปตามมาตรา 39
จำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้รับของโจรตามฟ้องไว้จริง แต่ไม่ได้ลักทรัพย์ตามโจทก์ฟ้อง การพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ จึงเกินคำรับของจำเลย
เมื่อคดีต้องเพิ่มโทษตามมาตรา 73 กึ่งหนึ่ง และลดฐานปราณีตามมาตรา 59 ลงกึ่งหนึ่ง โทษเพิ่มและลดมีกำหนดเสมอกัน ต้องหักกลบลบกันไปตามมาตรา 39
จำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้รับของโจรตามฟ้องไว้จริง แต่ไม่ได้ลักทรัพย์ตามโจทก์ฟ้อง การพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ จึงเกินคำรับของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 836/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญา จำเป็นต้องบรรยายฟ้องให้ชัดเจนว่าจำเลยกระทำการตามที่กล่าวอ้างจริง
ฟ้องว่าจำเลยจำหน่ายยาสูบเกินราคาที่อธิบดีกรมสรรพสามิตกำหนดแต่ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยเป็นผู้ทำการจำหน่ายยาสูบ ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตามมาตรา 19 ลงโทษจำเลยไม่ได้ (อ้างฎีกา 1023/2487 และ 1059/2487)