คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จำเลย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,884 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อจากคดีอื่น ต้องมีหลักฐานแสดงว่าจำเลยต้องรับโทษในคดีนั้นจริง
โจทก์ขอให้ศาลนับโทษจำเลยต่อคดีดำคดี+นั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยต้องรับโทษอยู่ในคดีดังกล่าวนั้นหรือไม่ ดังนี้ศาล+นับโทษต่อให้มิได้
การขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่น จะต้องระบุคดีนั้นในใบระบุพะยานด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงอาญาและการเปิดเผยประวัติโทษจำเลย การเบิกความต่อศาลถือเป็นหลักฐาน
ในฟ้องโจทก์และคำให้การของจำเลยไม่มีปรากฏว่า จำเลยเคยต้องโทษมาแล้วหรือไม่ ต่อเมื่อจำเลยเบิกความเป็นพะยานตนเอง จำเลยเบิกความว่าเคยต้องโทษมาแล้ว เช่นนี้ศาลย่อมฟังว่าจำเลยเคยต้องโทษมาแล้วคดีจึงรอการลงอาญาจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดในคดีอาญา จำเลยต่อสู้ว่าทำร้ายเพื่อป้องกันตัว โจทก์ต้องพิสูจน์ความผิดเอง
คำรับของจำเลยที่รับว่า ได้ทำร้ายผู้เสียหายจริงแต่ได้ทำไปโดยการป้องกันตัวนั้น ถือว่าไม่ใช่คำรับสารภาพตามฟ้องตามที่กำหนดไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 จะฟังเอาคำรับของจำเลยแต่เพียงบางส่วนไปลงโทษจำเลยหาได้ไม่ โจทก์จึงคงมีหน้าที่ต้องนำสืบตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 174 เพื่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยควรรับโทษถ้าโจทก์ไม่สืบ ก็ต้องยกฟ้อง
ในคดีอาญานั้น แม้โจทก์จำเลยตกลงอ้างและขอให้ศาลวินิจฉัยคดีตามคำให้การของพยานในคดีอาญาอีกคดีหนึ่งซึ่งเกี่ยวเนื่องในกรณีเดียวกันศาลก็ไม่รับฟังคำพยานเหล่านั้นเพื่อลงโทษจำเลย (ประชุมใหญ่ ครั้งที่1/2491 และครั้งที่ 8,9/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ฎีกาต่อจำเลยที่ไม่ฎีกาในคดีอาญา
ในคดีที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยหลายคน จำเลยบางคนฎีกาขอให้ยกฟ้องนั้น เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าพะยานหลักฐานโจทก์ยังเชื่อฟังไม่ได้ว่า ได้มีการทำผิดดังฟ้อง ซึ่งเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยที่มิได้ฎีกาขึ้น มาด้วยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษาศาลฎีกาต่อจำเลยที่ไม่ได้ฎีกา หากพยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอ
ในคดีที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยหลายคน จำเลยบางคนฎีกาขอให้ยกฟ้องนั้น เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังเชื่อฟังไม่ได้ว่าได้มีการทำผิดดังฟ้อง ซึ่งเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยที่มิได้ฎีกาขึ้นมาด้วยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดก: สัญญาต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่จำเลยมีสิทธิสืบพยานบุคคลเพื่อต่อสู้ได้
การฟ้องขอให้แบ่งมฤดกตามสัญญาแบ่งมฤดกนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อผู้รับผิด หรือตัวแทนเป็นสำคัญแล้ว จะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่ แต่ในกรณีที่โจทก์ฟ้องขอแบ่งมฤดกซึ่งมิใช่ฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาแบ่งมฤดกนั้น จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์จำเลยได้แบ่งปันทรัพย์มฤดกเสร็จไปแล้ว ดังนี้ จำเลยชอบที่จะนำสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้ของตนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษในคดีวิวาท: จำเลยต้องลงมือทำร้ายร่างกายผู้ใดโดยเฉพาะ จึงจะลงโทษฐานทำร้ายร่างกายได้
ในกรณีวิวาทศาลจะลงโทษฐานทำร้ายร่างกายก็ต่อเมื่อได้ความชัดว่า จำเลยคนนั้นได้ลงมือทำร้ายคนไหนโดยเฉพาะส่วนคนที่ร่วมมือในการวิวาทมีผิดเพียงฐานวิวาทเท่านั้น
โจทก์ฟ้องบรรยายในเบื้องต้นกล่าวไว้ชัดว่า เป็นเรื่องวิวาท ซึ่งต่างสมัครใจเข้าทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันแล้วไขความต่อไปว่า จำเลยสมคบกับพวก(ระบุชื่อ) ทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายหนึ่งบาดเจ็บ บางคน ขอให้ลงโทษตาม มาตรา 254
ดังนี้ เป็นข้อความที่ขัดกับความที่กล่าวไว้ในเบื้องต้นว่าเป็นกรณีวิวาทแม้จำเลยรับสารภาพ ศาลก็ลงโทษตามมาตรา 254ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาอาญา: จำเลยต้องฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก่อน จึงจะเริ่มนับอายุความฎีกาได้
อายุความฎีกาตามป.วิ.อาญามาตรา 216 นั้น ต้องฎีกาภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง+จำเลยยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธร์ แม้ศาลได้อ่านให้โจทก์ฟังฝ่ายเดียวแล้ว โจทก์ยังไม่มีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาสั่งไม่รับฎีกา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเพียงพอของฟ้องอาญา: การบรรยายฟ้องที่ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหา แม้ไม่มีพฤติการณ์เฉพาะเจาะจง
ฟ้องโจทก์บรรยายในข้อ 1 ว่า มีโจรลักทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไป ข้อ 2 บรรยายว่า จับของกลางบางส่วนได้ที่จำเลยที่ 1-2 กำลังจะนำไปจำหน่ายทั้งนี้โดยจำเลยทั้ง 4 ได้สมคบกันเป็นคนร้ายลักมาตามที่กล่าวในข้อ 1 หรือมิฉะนั้นจำเลยทั้ง 4 บังอาจสมคบกันรับทรัพย์ของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์และรับของโจร ดังนี้ แม้จะมิได้บรรยายข้อเท็จจริงให้ปรากฏว่าจำเลยที่ 3-4 ได้กระทำการเกี่ยวข้องแก่ทรัพย์ของกลางประการใดด้วย ก็ยังถือได้ว่าเป็นฟ้องที่ ที่ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันต่อศาล: สิทธิเรียกร้องและการบังคับชำระหนี้เมื่อจำเลยถึงแก่ความตาย
ผู้เข้าทำสัญญาค้ำประกันไว้ต่อศาล ยอมรับใช้เงินให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา หากบังคับจากจำเลยไม่ได้ ทั้งนี้เพื่อให้ศาลทุเลาการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไว้ในระหว่างอุทธรณ์นั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแพ้คดี ศาลย่อมมีอำนาจออกคำบังคับให้ผู้ค้ำประกันปฎิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ ผู้ค้ำประกันจะเถียงว่าโจทก์ได้บังคับชำระหนี้เสียภายในหนึ่งปี นับแต่วันจำเลยตายและจะนำ ป.พ.พ.ม.1754 มาใช้แก่กรณีก็ไม่ได้ เพราะโจทก์มิใช่คู่สัญญากับผู้ค้ำประกัน แต่เป็นเรื่องระหว่างผู้ค้ำประกันกับศาล
of 289