พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำและการวินิจฉัยข้อฎีกาของผู้ให้เช่าในคดีพิพาทการเช่าห้อง
โจทก์จำเลยต่างร่วมกันเช่าห้องอยู่อาศัยและค้าขายร่วมกันรวม 2 ห้อง อยู่มาโจทก์ไม่อยู่ จำเลยกั้นห้องเช่าแบ่งให้คนอื่นเช่าแทนเสีย 1 ห้อง โจทก์กลับมาจึงฟ้องจำเลยขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าที่ยังเหลือ และเรียกค่าเสียหาย คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษายกฟ้อง โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยใหม่โดยฟ้องผู้ให้เช่าและผู้เช่าห้องพิพาทแทนเป็นจำเลยด้วย โดยโจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าห้องที่จำเลยให้ผู้เช่าเช่าแทนไปนั้น โจทก์มีสิทธิการเช่าอยู่ ขอให้จำเลยกับผู้ให้เช่าผู้เช่าแทนร่วมใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้คดีเฉพาะเดิมย่อมเป็นฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยเป็นผู้เช่าห้องพิพาทร่วมกัน แต่การที่จำเลยเอาห้องพิพาทไปให้ผู้อื่นเช่าแทนต่อไปนั้น ผู้ให้เช่าไม่ต้องรับผิด ดังนี้ผู้ให้เช่าซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยด้วยจะฎีกาว่าความจริงจำเลยเป็นผู้เช่าแต่ฝ่ายเดียว โจทก์ไม่ได้เป็นผู้เช่าร่วมด้วย ดังนี้ข้อโต้เถียงดังกล่าวย่อมไม่ทำให้ผู้ให้เช่ากลับแพ้คดีนี้ได้ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวให้
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยเป็นผู้เช่าห้องพิพาทร่วมกัน แต่การที่จำเลยเอาห้องพิพาทไปให้ผู้อื่นเช่าแทนต่อไปนั้น ผู้ให้เช่าไม่ต้องรับผิด ดังนี้ผู้ให้เช่าซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยด้วยจะฎีกาว่าความจริงจำเลยเป็นผู้เช่าแต่ฝ่ายเดียว โจทก์ไม่ได้เป็นผู้เช่าร่วมด้วย ดังนี้ข้อโต้เถียงดังกล่าวย่อมไม่ทำให้ผู้ให้เช่ากลับแพ้คดีนี้ได้ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อุทธรณ์ฎีกาในคดีส่งตัวเด็กไปสถานฝึกอบรมตามกฎหมายเฉพาะ
การอนุญาตให้ฎีกาหรือรับรองฎีกาตาม ป.วิ.อาญามาตรา 221 นั้นจะต้องเป็นคดีที่มีปัญหาข้อเท็จจริงดั่งที่บัญญัติไว้ ในมาตรา 218, 219 และ 220
ฉะนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปยังโรงเรียนหรือสถานฝึกและอบรม ซึ่งต้อง ห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาในเรื่องเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวไปยังโรงเรียนหรือสถานฝึกและอบรมนี้ ตาม พ.ร.บ.จัดตั้ง ศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 27 - 29 จำเลยย่อมฎีกาในปัญหาดังกล่าวไม่ได้ และแม้อธิบดีศาลคดี
เด็กและเยาวชนกลางจะอนุญาตให้ฎีกาได้ ก็ไม่เป็นฎีกาที่ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยให้.
ฉะนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปยังโรงเรียนหรือสถานฝึกและอบรม ซึ่งต้อง ห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาในเรื่องเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวไปยังโรงเรียนหรือสถานฝึกและอบรมนี้ ตาม พ.ร.บ.จัดตั้ง ศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 27 - 29 จำเลยย่อมฎีกาในปัญหาดังกล่าวไม่ได้ และแม้อธิบดีศาลคดี
เด็กและเยาวชนกลางจะอนุญาตให้ฎีกาได้ ก็ไม่เป็นฎีกาที่ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1184/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์และฎีกาต้องมีเหตุผลรองรับตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องตั้งราคาทรัพย์สินที่พิพาทเพียง 1,000 บาท จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านในเรื่องราคาทรัพย์ที่พิพาทประการใด ในชั้นอุทธรณ์จำเลยขอตีราคาทรัพย์สินที่พิพาทเพิ่มขึ้นเป็น 2,100 บาท แต่มิได้ยกเหตุผลให้เห็นว่าทุนทรัพย์ที่พิพาทมีราคาเพิ่มสูงขึ้นเพราะเหตุหนึ่งเหตุใดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 150 วรรคสาม ทั้งโจทก์ก็ได้คัดค้านไว้แล้ว และศาลก็ยังหาได้อนุญาตให้ราคาทรัพย์ที่พิพาทเพิ่มขึ้น ฉะนั้น จึงต้องถือว่าคดีมีทุนทรัพย์เท่าเดิม เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคู่ความย่อมฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาข้อเท็จจริง: การต่อสู้สมัครใจ ไม่เป็นการป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยและผู้ตายสมัครใจต่อสู้กัน ไม่ใช่เป็นการป้องกัน ฉะนั้นการที่จำเลยขอให้วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันหรือไม่ จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง และที่จำเลยอ้างว่าความตายของผู้ตายไม่ใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยโดยตรงแต่ตายเพราะเหตุอื่นนั้น ก็เป็นฎีกาเถียงข้อเท็จจริงดุจกัน เพราะศาลทั้งสองฟังแล้ว ว่าผู้ตายตายเพราะการกระทำของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่เป็นไปตามกระบวนการ เนื่องจากจำเลยไม่สามารถติดตามตัวได้ ศาลสั่งจำหน่ายคดี
ในคดีอาญา เมื่อโจทก์ฎีกา แม้ได้ส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยรับไปแล้ว ถ้าต่อมาไม่ทราบว่าจำเลยอยู่ที่ใด ตามตัวไม่พบ ส่งหมายนัดแถลงการณ์ให้จำเลยไม่ได้ และโจทก์ไม่สามารถจะนำส่งหมายนัดให้จำเลยได้ ย่อมถือว่าไม่ได้ตัวจำเลยมาทำการพิจารณา ศาลฎีกาต้องสั่งจำหน่ายฎีกาของโจทก์./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษอาญาในชั้นอุทธรณ์และการฎีกาในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดสมคบทำร้ายร่างกาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 256 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี เพิ่มโทษ 1 ใน 3 เป็นโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 2 จำคุก 2 ปี 6 เดือน ลดฐานเป็นเด็ก 1 ใน 3 คงจำคุก 1 ปี 8 เดือน.
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 ผิดตามมาตรา 254 จำคุก 15 วัน ปรับ 120 บาท เพิ่มโทษ 1 ใน 3 เป็นจำคุก 20 วัน ปรับ 160 บาท โทษจำให้ยกเสีย ส่วนจำเลยที่ 2 ผิดตามมาตรา 256 จำคุก 2 ปี ลดฐานเป็นเด็กกึ่งหนึ่งคงจำ คุก 1 ปี และให้รอการลงอาญาไว้ ดังนี้ คดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์แก้ทั้งบทและทั้งกำหนดโทษ ถือว่า เป็นการ แก้ไขมาก โจทก์ย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้และคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 แม้ศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขกำหนดโทษ เท่านั้น แต่ก็ให้รอการลงอาญาแก่จำเลยไว้ จึงเป็นการแก้ไขมาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้เช่นเดียวกัน./
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 ผิดตามมาตรา 254 จำคุก 15 วัน ปรับ 120 บาท เพิ่มโทษ 1 ใน 3 เป็นจำคุก 20 วัน ปรับ 160 บาท โทษจำให้ยกเสีย ส่วนจำเลยที่ 2 ผิดตามมาตรา 256 จำคุก 2 ปี ลดฐานเป็นเด็กกึ่งหนึ่งคงจำ คุก 1 ปี และให้รอการลงอาญาไว้ ดังนี้ คดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์แก้ทั้งบทและทั้งกำหนดโทษ ถือว่า เป็นการ แก้ไขมาก โจทก์ย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้และคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 แม้ศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขกำหนดโทษ เท่านั้น แต่ก็ให้รอการลงอาญาแก่จำเลยไว้ จึงเป็นการแก้ไขมาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้เช่นเดียวกัน./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีฎีกาเนื่องจากไม่สามารถตัวจำเลยมาพิจารณาได้ แม้ส่งหมายนัดแล้ว
ในคดีอาญา เมื่อโจทก์ฎีกาแม้ได้ส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยรับไปแล้วถ้าต่อมาไม่ทราบว่าจำเลยอยู่ที่ใดตามตัวไม่พบ ส่งหมายนัดแถลงการณ์ให้จำเลยไม่ได้และโจทก์ไม่สามารถจะนำส่งหมายนัดให้จำเลยได้ย่อมถือว่าไม่ได้ตัวจำเลยมาทำการพิจารณาศาลฎีกาต้องสั่งจำหน่ายฎีกาของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอไถ่คืนทรัพย์หลังขายทอดตลาด: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นใหม่ที่ยกขึ้นในชั้นฎีกา
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า เจ้าพนักงานศาลขายทอดตลาดฝนกำลังตกหนัก จำเลยมาสายไป 20 นาที จะขอชำระเงินให้โจทก์ตามคำพิพากษา เจ้าพนักงานแจ้งว่า ขายแล้ว จึงขอให้จำเลยวางเงินชำระหนี้ โจทก์และคืนทรัพย์ที่ยึดให้จำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์อ้างเหตุว่า ในวันขายทรัพย์ยังไม่หมดเวลาทำงาน จำเลยมีความชอบธรรมที่จะนำเงินมาชำนะหนี้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า แม้ศาลขายทอดตลาดแล้ว แต่ทรัพย์ที่ขายเป็นอสังหาริมทรัพย์ ยังมิได้ทำนิติกรรมซื้อขายต่อกรมการอำเภอ จำเลยชอบที่จะขอไถ่คืนทรัพย์ที่ขายได้ ดังนี้ วินิจฉัยว่า จำเลยเพิ่งมากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์อ้างเหตุว่า ในวันขายทรัพย์ยังไม่หมดเวลาทำงาน จำเลยมีความชอบธรรมที่จะนำเงินมาชำนะหนี้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า แม้ศาลขายทอดตลาดแล้ว แต่ทรัพย์ที่ขายเป็นอสังหาริมทรัพย์ ยังมิได้ทำนิติกรรมซื้อขายต่อกรมการอำเภอ จำเลยชอบที่จะขอไถ่คืนทรัพย์ที่ขายได้ ดังนี้ วินิจฉัยว่า จำเลยเพิ่งมากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับคำโต้แย้งเรื่องฟ้องเคลือบคลุมหลังศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว และการระบุพยานไม่ทันตามกำหนด
ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ ดังนี้ จำเลยชอบที่จะฎีกาต่อไปว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมถ้าจำเลยมิได้ฎีกาปล่อยให้ขาดอายุความฎีกาแล้ว เมื่อศาลชั้นต้น พิจารณาพิพากษาใหม่ ให้จำเลยแพ้คดี และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา แล้วยกข้อฟ้องเคลือบคลุมขึ้นโต้แย้งอีกไม่ได้ เพราะปัญหาข้อนี้ถึงที่สุดไปแล้ว
ยื่นระบุพยานวันที่ 1 ซึ่งนัดพิจารณาสืบพยานไว้ในวันที่ 4 ดังนี้ ถือว่า ระบุพยานไม่ก่อนวันสืบพยาน 3 วันเต็ม ศาลไม่รับระบุพยานดังกล่าว ได้
ยื่นระบุพยานวันที่ 1 ซึ่งนัดพิจารณาสืบพยานไว้ในวันที่ 4 ดังนี้ ถือว่า ระบุพยานไม่ก่อนวันสืบพยาน 3 วันเต็ม ศาลไม่รับระบุพยานดังกล่าว ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฎีกาจำกัดเฉพาะประเด็นข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย และการรับรองข้อเท็จจริงไม่ถือเป็นการรับรองให้ฎีกา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า ศาลชั้นต้น พิพากษาให้ยกฟ้อง โดยอ้างว่าโจทก์ยังมิได้บอกเลิกสัญญาเช่า ศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้ยกคำ พิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณา พิพากษาใหม่ ดังนี้ คู่ความจะฎีกาได้แต่เฉพาะผัญหาข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้เท่านั้น
ผู้พิพากษาพิจารณาในศาลชั้นต้นบันทึกไว้ว่า "ขอรับรองว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้มีเหตุสมควรจะอ้างประกอบฎีกาได้" ดังนี้ คำบันทึกเช่นนี้ มีความหมายไปในทางอื่น มิใช่รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ผู้พิพากษาพิจารณาในศาลชั้นต้นบันทึกไว้ว่า "ขอรับรองว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้มีเหตุสมควรจะอ้างประกอบฎีกาได้" ดังนี้ คำบันทึกเช่นนี้ มีความหมายไปในทางอื่น มิใช่รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง