พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,432 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเคลือบคลุมของฟ้อง: สิทธิจำนอง vs. ประนีประนอมยอมความ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องไม่เคลือบคลุมเพราะเสนอสิทธิทั้งสอง
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่? ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เสนอสิทธิทั้งสัญญาจำนองและประนีประนอมได้ ไม่เคลือบคลุม
คำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ แม้พยานให้การไม่สอดคล้องกัน ศาลฎีกาพิเคราะห์จากคำรับสารภาพของจำเลยและคำเบิกความของพยาน
(1)การที่ผู้ใหญ่บ้านร่วมกับตำรวจไปทำการจับกุมภริยาจำเลยและจำเลย จำเลยกล่าวว่า "เจ้าพนักงานจับกุมไม่เสียใจ ทำไมต้องเอาอ้ายผู้ใหญ่บ้านหัวควยยังงี้มาด้วยละ กูไม่ไว้ใจประเดี๋ยวจะลักของกู มึงออกจากบ้านกูไปเดี๋ยวนี้ มึงล่อลวงประชาชน หากินเล็กหากินน้อยอย่างของกูมึงไม่ได้กินหรอก กูไม่ไว้ใจมึง เดี๋ยวมึงจะเอาของผิดกฎหมายมาใส่ให้กู"นั้น เป็นการดูหมิ่นผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นเจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่ (2)แม้เพียงถ้อยคำที่จำเลยรับว่าได้กล่าวว่า "อั๊วไม่ไว้ใจลื้อเดี๋ยวลื้อจะเอาของผิดกฎหมายมาใส่อั๊ว" ก็เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่อยู่แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1662/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยสภาพไม้เป็นสิ่งปลูกสร้างเป็นข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับฎีกาในประเด็นนี้
การที่ศาลฟังว่า ไม้ของกลางใดมีสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือไม่ใช่เป็นสิ่งปลูกสร้างนั้นเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นในเรื่องไม้แปรรูปที่จำเลยมีไว้อยู่ด้วยกันบางรายการว่าเป็นไม้ผิดกฎหมายเพิ่มจำนวนขึ้น แม้จะลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งก็เป็นการแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเล็กน้อย ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นในเรื่องไม้แปรรูปที่จำเลยมีไว้อยู่ด้วยกันบางรายการว่าเป็นไม้ผิดกฎหมายเพิ่มจำนวนขึ้น แม้จะลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งก็เป็นการแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเล็กน้อย ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 152/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลฎีกาแก้ไขจำนวนค่าเสียหายและกำหนดดอกเบี้ยในคดีละเมิด แม้มีการฎีกาฝ่ายเดียว
คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้น แม้โจทก์ฎีกาขึ้นมาฝ่ายเดียว และศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ก็ตาม แต่ปรากฏแก่ศาลฎีกาว่า ศาลชั้นต้นได้รวมจำนวนค่าเสียหายตามรายการที่กำหนดให้แก่โจทก์ผิดพลาดเกินจำนวนอันแท้จริงไป 1,000 บาท ศาลฎีกาอาศัยอำนาจตามมาตรา 143 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งพิพากษาแก้จำนวนค่าเสียหายให้ถูกต้องได้ และที่ศาลชั้นต้นมิได้กล่าวในคำพิพากษาให้ชัดแจ้งว่าดอกเบี้ยในจำนวนเงินค่าเสียหายที่ให้โจทก์ได้รับด้วยนั้น ให้คิดในอัตราเท่าใดและเริ่มแต่เมื่อใด ศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดให้ชัดแจ้งด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้และการใช้สัญญาที่ไม่สมบูรณ์เป็นหลักฐาน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการรับสภาพหนี้ทำให้ไม่ต้องใช้สัญญาเป็นหลักฐาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินของสามีโจทก์ไปปรากฏตามสำเนาหนังสือสัญญากู้ท้ายฟ้อง จำเลยให้การรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินไปตามฟ้องจริงแล้วโจทก์มิได้อ้างหนังสือสัญญากู้มาเป็นพยานหลักฐานในคดี(เพราะศาลงดสืบพยานโจทก์จำเลย) ต่อมาจำเลยเพิ่งมากล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์และฎีกาว่า หนังสือสัญญากู้นี้ปิดอากรแสตมป์ขาดไป จะใช้เป็นหลักฐานฟ้องจำเลยไม่ได้ดังนี้ ย่อมฟังไม่ขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1091/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกานอกประเด็น: การเปลี่ยนแปลงฐานแห่งคดีหลังศาลวินิจฉัยแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องคดีตั้งประเด็นว่า โจทก์เป็นผู้รับมรดกทรัพย์พิพาทจากบิดามารดา โจทก์มอบให้บิดาปกครองแทน บิดาโอนให้จำเลย จึงถือว่าบิดาและจำเลยปกครองแทนโจทก์ เมื่อบิดาตาย จำเลยไม่ส่งทรัพย์พิพาทคืน จึงฟ้องเรียกจากจำเลย ดังนี้ เมื่อศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าทรัพย์พิพาทเป็นของบิดา บิดายกให้จำเลยแล้ว โจทก์จะฎีกาว่าโจทก์ฟ้องเรียกมรดกของบิดาจากจำเลยด้วย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ เป็นฎีกานอกประเด็น โดยโจทก์มิได้ตั้งประเด็นมาแต่ต้นว่า ทรัพย์พิพาทเป็นของบิดาโจทก์ และโจทก์เป็นผู้รับมรดกของบิดาแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 82-83/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการกำหนดระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมหลังยกคำร้องขอความเป็นอนาถา แม้มิได้อ้างอิงมาตรา 23
กรณีที่ศาลสั่งยกคำร้องไม่อนุญาตให้โจทก์ว่าความอย่างคนอนาถา และมีคำสั่ง กำหนดเวลาให้ชำระเงินค่าธรรมเนียมนั้นการกำหนดเวลาหาใช่อาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ไม่แต่เป็นการกระทำเวลาโดยอาศัยอำนาจของศาลที่มีอยู่ทั่วไป ศาลฎีกามีอำนาจกำหนดเวลาให้โจทก์นำค่าธรรมเนียมมาเสียใน ระยะเวลาอันควรได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 40/2504)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 40/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 82-83/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียมฎีกาสำหรับผู้ไม่อนาถา ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาสั่งได้ แม้เวลาเดิมสิ้นสุดแล้ว
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องไม่อนุญาตให้โจทก์ฎีกาอย่างคนอนาถา และมีคำสั่งกำหนดเวลาให้ชำระเงินค่าธรรมเนียมนั้นแต่โจทก์ไม่เสียค่าธรรมเนียมตามกำหนด กลับฎีกาคำสั่งไปศาลฎีกาและศาลฎีกาได้มีคำสั่งยกคำร้องโจทก์ยืนตามศาลล่างโดยไม่ได้กำหนดเวลาให้ชำระค่าธรรมเนียมอีก ทั้งกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ชำระค่าธรรมเนียมก็สิ้นไปแล้ว ดังนี้ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้กำหนดเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมใหม่อีกศาลฎีกามีอำนาจกำหนดเวลาให้โจทก์นำค่าธรรมเนียมมาเสียในระยะเวลาอันสมควรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินการพิจารณาคดีหลังศาลฎีกาให้พิจารณาต่อ การอนุญาตถอนฟ้องซ้ำเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณา
การที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง แต่ศาลฎีกาให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาคดีต่อไปนั้น หาใช่ให้ศาลชั้นต้นฟังจำเลยเสียใหม่ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 แล้วมีคำสั่งไม่ แต่ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาต่อไปตามกระบวนความทีเดียว ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นนัดคู่ความมาสอบถามเกี่ยวกับคำขอถอนฟ้อง เดิมของโจทก์และถือว่าได้ฟังจำเลยถูกต้อง สั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ จึงเป็นการรื้อฟื้นเอาคำขอถอนฟ้องของโจทก์ที่ตกไปแล้วขึ้นมาพิจารณาสั่งซ้ำอีก ย่อมไม่ชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณาความ