คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อเท็จจริง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,082 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อยในคดีกรรมสิทธิ์ที่ดิน ไม่ถือเป็นเหตุฎีกาในข้อเท็จจริง
ฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน 2 แปลง คือที่นาและที่สวนราคาแปลงละ 300 บาทและเรียกค่าเสียหาย 420 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่สวนเป็นของโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 30 บาท แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าที่นาก็เป็นของโจทก์ด้วย กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอีก 300 บาท ดังนี้ถือว่า เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเรือของกลางในคดีฝิ่น: ศาลฎีกายกฎีกาโจทก์ เหตุข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าเรือเป็นของใช้ในการกระทำผิด
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า จำเลยมีฝิ่นไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ให้จำคุกจำเลยไว้ 1 ปี 6 เดือนและปรับ 4,662,000 บาท ฝิ่นของกลางให้ริบ ส่วนเรือของกลาง ไม่ใช่ของใช้ในการกระทำผิดคือมีไว้ซึ่งฝิ่นโดยตรง ไม่ใช่ของควรริบ ให้คืนให้จำเลยไป ดังนี้ โจทก์จะฎีกาโต้เถียงว่า เรือเป็นของที่ใช้ในการกระทำผิดไม่ได้ ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของผู้เยาว์และการฎีกาเฉพาะประเด็นข้อเท็จจริง
ในคดีที่ผู้เยาว์เป็นโจทก์ฟ้องคดีเอง ฟ้องหาว่าจำเลยบังอาจฉุดคร่าห์อนาจาร ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 276 นั้น แม้จำเลยจะให้การตัดฟ้องไว้ว่าโจทก์มีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์แม้บิดาจะให้ความยินยอมแล้วก็ยังใช้ไม่ได้ บิดาจะต้องเป็นผู้ฟ้องแทนโจทก์จึงจะสมบูรณ์ก็ดีแต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยไม่เชื่อข้อเท็จจริง จำเลยจึงไม่ได้อุทธรณ์ คงมีแต่โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียว และเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลย จำเลยก็ฎีกาเพียงข้อเท็จจริงไม่ได้ยกข้อตัดฟ้องขึ้นฎีกาด้วย ดังนี้ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัยข้อตัดฟ้องนั้นก็ได้คงวินิจฉัยเฉพาะข้อเท็จจริงที่ฎีกาขึ้นมาเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ข้อเท็จจริงในสัญญา: จำเลยต้องนำสืบเมื่ออ้างว่าถูกหลอกลวงเฉพาะบางส่วนของสัญญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำหนังสือให้ไว้แก่โจทก์ว่าจะรื้อถอนอาคารออกไปจากที่ดินของโจทก์ภายในกำหนด โดยจำเลยยินยอมรับเงินค่ารื้อถอนเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ครั้นเมื่อโจทก์ให้เงินจำเลยแล้ว และถึงกำหนดเวลาแล้ว จำเลยก็ไม่รื้อจึงขอให้ศาลบังคับ จำเลยรับว่าได้ลงชื่อในสัญญาที่โจทก์อ้างจริง แต่เป็นเพราะถูกโจทก์หลอกลวงให้ลงชื่อโดยความจริงโจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยรื้ออาคารเพียงส่วนน้อยเพื่อให้ได้ระดับกับห้องแถวที่ปลูกอยู่ข้างเคียง แล้วโจทก์ให้จำเลยลงนามในเอกสารโดยไม่อ่านข้อความให้จำเลยฟัง ดังนี้เป็นเรื่องจำเลยมิได้ปฏิเสธสัญญาที่โจทก์ฟ้องเสียทั้งหมด เป็นแต่กล่าวอ้างว่าไม่ถูกต้องเพียงบางส่วน เช่นนี้จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายนำสืบก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1132/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ จำเลยต้องพิสูจน์ว่าเข้าข่ายได้รับการคุ้มครอง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเช่าอยู่อาศัย ย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า จำเลยได้เข้าอยู่ในห้องพิพาทโดยมีทะเบียนสำมะโนครัว จำเลยได้ทำการค้าขายอยู่ในห้องพิพาทตั้งแต่ พ.ศ.2489 ได้เสียภาษีร้านค้าและภาษีป้าย ก่อนนั้นจำเลยไม่ได้เสียภาษีร้านค้าและไม่มีป้าย จำเลยไม่มีที่อยู่อาศัยแห่งอื่นอีก นอกจากห้องพิพาท ของในร้านของจำเลยมีผ้า เครื่องสำอางค์และของเบ็ดเตล็ดต่างๆ ราคารวมทั้งสิ้นประมาณสองหมื่นบาท
คู่ความต่างไม่สืบพยาน ดังนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยอ้างความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯอันเป็นกฎหมายพิเศษ จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบว่า ตนมีเหตุอันควรได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัตินั้น เพราะข้อเท็จจริงที่รับกันดังกล่าว ยังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองจึงต้องพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาข้อเท็จจริง: การต่อสู้สมัครใจ ไม่เป็นการป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยและผู้ตายสมัครใจต่อสู้กัน ไม่ใช่เป็นการป้องกัน ฉะนั้นการที่จำเลยขอให้วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันหรือไม่ จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง และที่จำเลยอ้างว่าความตายของผู้ตายไม่ใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยโดยตรงแต่ตายเพราะเหตุอื่นนั้น ก็เป็นฎีกาเถียงข้อเท็จจริงดุจกัน เพราะศาลทั้งสองฟังแล้ว ว่าผู้ตายตายเพราะการกระทำของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานรวม ไม่ยึดเพียงวันที่เบิกความไม่ตรงตามฟ้อง
การที่วินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดหรือเกิดเหตุวันใดนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องพิจารณา จากคำพยานหลักฐาน ทั้งหมดรวมกันแล้ว จึงจะชี้ขาดฟังเป็นข้อเท็จจริงว่าเหตุเกิดหรือจำเลยกระทำผิดวันใดแน่ หาใช่ว่าถ้าพยานโจทก์ คนหนึ่งหรือสองคนเบิกความถึงวันเกิดเหตุแตกต่างไปจากวันที่กล่าวในฟ้องแล้ว จะปรับเอาว่าข้อเท็จจริงตามทาง พิจารณาต่างกับฟ้องหรือว่าฟ้องผิดวันหาได้ไม่.
แม้พยานบุคคลถึง 2 คนเบิกความถึงวันเกิดเหตุผิดจากวันที่กล่าวในฟ้อง แต่ก็เป็นข้อถ้อยคำที่เลื่อนลอยไม่มีหลัก ฐานประกอบ และเบิกหลังจากวันเกิดเหตุนานซึ่งย่อมพลั้งเผลอผิดพลาด แต่โจทก์มีพยานหลักฐานอีกมากที่จะ
พิศูจน์ให้เป็นยุติได้ว่าวันเกิดเหตุตรงตามที่กล่าวในฟ้อง เช่นนี้ศาลก็ย่อมฟังว่าวันเกิดเหตุตรงตามฟ้อง./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์คดีเด็กและเยาวชน: การโต้แย้งข้อเท็จจริงและการใช้ดุลพินิจของศาล
คดีอาญาที่ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยประมาทตาม ก.ม.ลักษณะ อาญามาตรา 252 แต่จำเลยเป็นเด็ก จึงเห็นสมควรให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวไปยังสถานพินิจและคุ้มครอง เด็กกลางตามมาตรา 31 (2) พ.ร.บ.จัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง นั้น จำเลยย่อมอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงว่าจำเลย มิได้ประมาทได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์คดีเด็กและเยาวชน: การโต้แย้งข้อเท็จจริงและการไม่เข้าข้อยกเว้นการอุทธรณ์
คดีอาญาที่ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยประมาทตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 252 แต่จำเลยเป็นเด็ก จึงเห็นสมควรให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางตามมาตรา 31(2) พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง นั้น จำเลยย่อมอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้ประมาทได้ ไม่ต้องห้ามตาม มาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ.2494

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้คำฟ้องไม่ระบุที่ตั้งชัดเจน แต่หากรายละเอียดในคำฟ้องและข้อเท็จจริงอื่นบ่งชี้ชัดเจน ศาลไม่ถือว่าฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์โดยมิได้กล่าวว่าที่พิพาทอยู่ที่ตำบลใด ครั้นจำเลยให้การต่อสู้คดี ได้ให้การตัดฟ้องด้วยว่า ฟ้องโจทก์มิได้กล่าวให้แจ้งชัดว่า ที่พิพาทอยู่ตำบลอำเภอใด เป็นฟ้องเคลือบคลุม โจทก์จึงยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องว่าที่พิพาทอยู่ ตำบลอำเภอและจังหวัดใด ดังนี้เมื่อปรากฎว่าฟ้องของโจทก์ได้กล่าวไว้แล้วว่าที่พิพาท โจทก์ได้มาตามสัญญายอมความ ในคดีหนึ่งของศาลนั้น ซึ่งในคดีนั้นก็ปรากฎชัดว่า ที่พิพาทแปลงนี้อยู่ที่ตำบลอำเภอจังหวัดใด และจำเลยซึ่งเป็นบุตรจำเลยในคดีก่อน ก็รู้ดีว่าที่ซึ่งโจทก์ฟ้อง อยู่ที่ตำบลใด ดังปรากฎตามคำให้การแล้ว ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้ขอเพิ่มเติมฟ้อง ฟ้องของโจทก์ก็ไม่เคลือบคลุม
of 309