คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การครอบครอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 883 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2079/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินจากการครอบครองปรปักษ์ แม้การโอนไม่เป็นไปตามฟอร์ม
การที่ อ.ยกที่ดินมีโฉนดให้แก่โจทก์และ ก. การยกให้นั้นมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ได้มอบโฉนดที่ดินและใบนำสำรวจพื้นที่ดินเพื่อเสียภาษีบำรุงท้องที่ให้แก่โจทก์ โจทก์กับ ก.ต่างครอบครองที่ดินที่ได้รับการยกให้นั้นตามส่วนของตน เมื่อโจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทมาเกินกว่า10 ปี โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382
คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่มีคำสั่งว่า ก.ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้งแปลงนั้น ศาลไม่อาจบังคับได้เพราะคำสั่งดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว แต่โจทก์เป็นบุคคลนอกคดีสามารถพิสูจน์ได้ว่าที่ดินพิพาทส่วนหนึ่งเป็นของโจทก์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2079/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินจากการครอบครองปรปักษ์และการพิสูจน์การครอบครองโดยสงบและเปิดเผย
การที่ อ. ยกที่ดินมีโฉนดให้แก่โจทก์และ ก.การยกให้นั้นมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ได้มอบโฉนดที่ดินและใบนำสำรวจพื้นที่ดินเพื่อเสียภาษีบำรุงท้องที่ให้แก่โจทก์ โจทก์กับ ก.ต่างครอบครองที่ดินที่ได้รับการยกให้นั้นตามส่วนของตน เมื่อโจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทมาเกินกว่า 10 ปี โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่มีคำสั่งว่า ก.ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้งแปลงนั้นศาลไม่อาจบังคับได้เพราะคำสั่งดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว แต่โจทก์เป็นบุคคลนอกคดีสามารถพิสูจน์ได้ว่าที่ดินพิพาทส่วนหนึ่งเป็นของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: ข้อสันนิษฐานตามกฎหมายเมื่อมีการโต้แย้งเรื่องการซื้อขายและการเข้าครอบครอง
ที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ซึ่งมีเพียงสิทธิครอบครอง การซื้อขายย่อมกระทำได้โดยส่งมอบการครอบครองให้ เมื่อมีข้อโต้เถียงว่าการที่จำเลยเข้าอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยโจทก์หรือโดยการซื้อแล้วเข้าครอบครองอย่างเป็นเจ้าของ จำเลยย่อมได้ประโยชน์จากข้อสันนิษฐานของกฎหมายตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1369 โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานตามกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดิน: ความผิดสำเร็จเมื่อเริ่มรบกวนการครอบครอง ไม่ใช่ความผิดต่อเนื่อง
ความผิดฐานบุกรุกเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่จำเลยเข้าไปรบกวนการครอบครองที่ดินพิพาท ส่วนการที่จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาเป็นเพียงผลของการบุกรุกเท่านั้นหาใช่ความผิดต่อเนื่อง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 362 บทเดียวหาเป็นความผิดตามมาตรา 365(3) อีกบทหนึ่งไม่ ปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้แม้จำเลยจะไม่ฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิยึดทรัพย์ในบ้านเช่าร่วมและการกระทำเพื่อรักษาสภาพทรัพย์หลังยึด
การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของสามีโจทก์กับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นสามีจำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสียในหนี้สินที่สามีโจทก์มีต่อจำเลยที่ 1 ไปตามช่างกุญแจมาไขประตูบ้านที่โจทก์เช่าเพื่อยึดทรัพย์ของสามีโจทก์ โดยความรู้เห็นยินยอมของเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่ง ป.วิ.พ. มาตรา279 วรรคสอง บัญญัติให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจกระทำการตามสมควร เพื่อเปิดสถานที่หรือบ้านที่อยู่ของลูกหนี้หรือที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ปกครองอยู่ได้ดังนี้แม้สามีโจทก์จะไม่ได้เป็นผู้เช่า แต่เมื่ออยู่ในบ้านที่เช่าด้วยก็เท่ากับปกครองบ้านหลังดังกล่าวร่วมกับโจทก์ด้วย จำเลยทั้งสองย่อมมีสิทธิยึดทรัพย์ของสามีโจทก์ในบ้านดังกล่าวได้ ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก และการที่จำเลยที่ 1 ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เป็นผู้รักษาทรัพย์ที่ถูกยึด นำลูกกุญแจลูกใหม่มาใส่ประตูบ้าน หลังจากที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์ไว้แล้วทำให้โจทก์เข้าบ้านไม่ได้นั้น เมื่อปรากฎว่าโจทก์ไม่ได้อยู่บ้านถึง 7 เดือนแล้ว การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันมิให้ทรัพย์ที่ถูกยึดสูญหาย จึงไม่เป็นการรบกวนการครอบครองของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐ: ใบจอง (น.ส.2) และการครอบครองปรปักษ์
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินของรัฐซึ่งโจทก์ได้ขออนุญาตจับจองตามที่กฎหมายกำหนดจนทางราชการอนุญาตให้โจทก์เข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทได้เป็นการชั่วคราวโดยออกใบจอง (น.ส.2) ให้เป็นหลักฐาน โจทก์จึงเป็นผู้มีสิทธิทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยปฏิบัติตาม ประมวลกฎหมายที่ดินฯ แม้จำเลยจะได้เข้ายึดถือครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นการแย่งการครอบครองของโจทก์เกินกว่า 1 ปีก็ตาม ก็เป็นการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิได้รับอนุญาตจำเลยจึงอ้างเอาระยะเวลาการฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสอง มาเป็นข้อต่อสู้โจทก์ไม่ได้ โจทก์บรรยายฟ้องถึงที่ตั้งของที่ดินพิพาทและเวลาที่เข้าครอบครองที่ดินพิพาท ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน แม้ไม่ได้ระบุอาณาเขตกว้างยาวไว้ แต่มีแผนที่สังเขปท้ายฟ้องระบุอาณาเขตกว้างยาวไว้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมายส่วนรายละเอียดนอกจากนี้โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1223/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องมีเจตนาเป็นเจ้าของ การครอบครองโดยไม่มีเจตนาดังกล่าวไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์
คดีนี้ขึ้นมาสู่ศาลฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องถือข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยพยานหลักฐานในสำนวนว่า พยานผู้ร้องยกเว้น ป.และ ศ. ไม่มีผู้ใดยืนยันว่าผู้ร้องอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิอะไรสำหรับ ป.และ ศ. ซึ่งเบิกความว่า ผู้ร้องซื้อที่ดินมาจาก อ. ก็ขัดกับเอกสารและเป็นพยานบอกเล่า มีน้ำหนักน้อย และการที่ผู้ร้องมิได้โต้แย้งคัดค้าน เมื่อมีผู้อื่นมาขอออกโฉนดในนามของคนอื่นก็ดี หรือนำที่ดินไปจำนองต่อธนาคารก็ดี ดูจะเป็นเหตุผิดปกติวิสัย ยกเว้นแต่ผู้ร้องจะทราบดีว่าตนไม่มีสิทธิใด ๆ ในที่ดินพิพาทเท่านั้นเป็นการฟังข้อเท็จจริงแล้วว่าผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทโดยมิได้มีเจตนายึดถือครอบครองอย่างเป็นเจ้าของอันเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาต้องถือตาม
ผู้ร้องมิได้มีเจตนายึดถือครอบครองที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของผู้ร้องย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1223/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องมีเจตนาเป็นเจ้าของ การครอบครองเพื่ออยู่อาศัยโดยไม่แสดงเจตนาเป็นเจ้าของ ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์
คดีนี้ขึ้นมาสู่ศาลฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องถือข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยพยานหลักฐานในสำนวนว่า พยานผู้ร้องยกเว้น ป. และ ศ. ไม่มีผู้ใดยืนยันว่าผู้ร้องอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิอะไรสำหรับ ป. และ ศ.ซึ่งเบิกความว่า ผู้ร้องซื้อที่ดินมาจาก อ. ก็ขัดกับเอกสารและเป็นพยานบอกเล่า มีน้ำหนักน้อย และการที่ผู้ร้องมิได้โต้แย้งคัดค้านเมื่อมีผู้อื่นมาขอออกโฉนดในนามของคนอื่นก็ดี หรือนำที่ดินไปจำนองต่อธนาคารก็ดี ดูจะเป็นเหตุผิดปกติวิสัย ยกเว้นแต่ผู้ร้องจะทราบดีว่าตนไม่มีสิทธิใด ๆ ในที่ดินพิพาทเท่านั้นเป็นการฟังข้อเท็จจริงแล้วว่าผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทโดยมิได้มีเจตนายึดถือครอบครองอย่างเป็นเจ้าของอันเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาต้องถือตาม ผู้ร้องมิได้มีเจตนายึดถือครอบครองที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของผู้ร้องย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้สิทธิครอบครองที่ดินจากการครอบครองตามกฎหมาย แม้สัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์ ศาลไม่อาจบังคับให้โอนชื่อ
สัญญาซื้อขายมีข้อความชัดเจนว่า จำเลยตกลงขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์โดยมีความประสงค์ขายขาดในราคา 60,000 บาท และได้จ่ายเงินถูกต้องตามที่ตกลงในวันทำสัญญาแล้ว แม้การซื้อขายจะไม่ชอบเพราะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคแรก ก็ตาม แต่ที่ดินที่ซื้อขายกันเป็นเพียงที่ดินมี น.ส.3ก. ซึ่งยังไม่เคยมีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์เจ้าของที่ดินจึงมีเพียงสิทธิครอบครองเท่านั้น เมื่อจำเลยส่งมอบที่ดินพิพาทและโจทก์เข้าครอบครองแล้วโจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครองในที่ดินดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377,2378 ซึ่งหาจำต้องทำตามแบบของนิติกรรมไม่ โจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทมาด้วยการครอบครองตามกฎหมายมิใช่เป็นการได้มาตามสัญญาซื้อขาย โจทก์จึงหามีสิทธิที่จะฟ้องบังคับให้จำเลยไปโอนชื่อทางทะเบียนเป็นชื่อโจทก์ได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 969/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้ผู้ขายเดิมมิได้เป็นเจ้าของ
บิดาผู้ร้องและผู้ร้องเข้าครอบครองที่พิพาทโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของโดยเฉพาะผู้ร้องได้ครอบครองที่พิพาทติดต่อกันมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี แม้ผู้ขายที่พิพาทให้แก่บิดาผู้ร้องมิใช่เจ้าของที่พิพาทก็ตามแต่เมื่อผู้ร้องได้ครอบครองที่พิพาทด้วยความสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมากว่า 10 ปี โดยมิได้ครอบครองแทนผู้อื่นผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
of 89