พบผลลัพธ์ทั้งหมด 436 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3396/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลตรวจเลือดกลุ่มเป็นหลักฐานยืนยันความผิดฐานข่มขืน กระบวนการรับฟังความเห็นผู้ชำนาญการ
การรับฟังความเห็นของผู้ชำนาญการพิเศษตามที่ทางโรงพยาบาลได้ทำการ เจาะเลือดผู้เสียหาย จำเลยและทารก เพื่อตรวจหากลุ่มเลือดแล้ว และระบุผลออกมา เมื่อผู้ตรวจคือผู้ชำนาญในการนี้และทำการตรวจถูกต้องตามหลักวิชาแพทย์แล้ว มีการทำความเห็นแจ้งผลการตรวจมาและมีพนักงานสอบสวนเบิกความรับรองเอกสารย่อมเป็นหลักฐานเพียงพอให้รับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 243 แล้ว ส่วน วรรคสองของมาตรา 243 ที่ว่าศาลจะให้ผู้ชำนาญการพิเศษทำความเห็น เป็นหนังสือก็ได้แต่ต้องให้มาเบิกความประกอบหนังสือด้วยนั้น บทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจที่จะทำหรือไม่ก็ได้ มิใช่เป็นบทบังคับเด็ดขาด เมื่อศาลมิได้สั่งให้ทำความเห็นเป็นหนังสือ ก็ย่อมไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังความเห็นดังกล่าว
เมื่อจำเลยกับผู้เสียหายมีเลือดกลุ่ม บี. ผู้เสียหายคลอดทารก มีเลือดกลุ่ม เอ. ดังนี้ ทารกมิได้เกิดจากจำเลยกับผู้เสียหายจำเลยก็มิได้เป็นผู้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและให้การในชั้นสอบสวนว่าได้ใช้อวัยวะเพศถูไถอวัยวะเพศของผู้เสียหาย 2 ครั้งก็ตาม แต่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล คำให้การดังกล่าว เป็นเพียงพยานบอกเล่า โดยลำพังหามีน้ำหนักให้รับฟังว่าจำเลยกระทำผิดไม่
เมื่อจำเลยกับผู้เสียหายมีเลือดกลุ่ม บี. ผู้เสียหายคลอดทารก มีเลือดกลุ่ม เอ. ดังนี้ ทารกมิได้เกิดจากจำเลยกับผู้เสียหายจำเลยก็มิได้เป็นผู้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและให้การในชั้นสอบสวนว่าได้ใช้อวัยวะเพศถูไถอวัยวะเพศของผู้เสียหาย 2 ครั้งก็ตาม แต่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล คำให้การดังกล่าว เป็นเพียงพยานบอกเล่า โดยลำพังหามีน้ำหนักให้รับฟังว่าจำเลยกระทำผิดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3396/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ผลตรวจเลือดกลุ่มเพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำผิดฐานข่มขืน การรับฟังพยานผู้เชี่ยวชาญ และคำให้การที่ขัดแย้งกัน
การรับฟังความเห็นของผู้ชำนาญการพิเศษตามที่ทางโรงพยาบาลได้ทำการ เจาะเลือดผู้เสียหายจำเลยและทารก เพื่อตรวจหา กลุ่มเลือดแล้ว และระบุผลออกมาเมื่อผู้ตรวจคือผู้ชำนาญในการนี้และทำการตรวจถูกต้อง ตามหลักวิชาแพทย์แล้วมีการทำความเห็นแจ้งผลการตรวจมาและมี พนักงานสอบสวนเบิกความรับรอง เอกสารย่อมเป็นหลักฐานเพียงพอ ให้รับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 243 แล้ว ส่วนวรรคสองของมาตรา 243 ที่ว่าศาลจะให้ผู้ชำนาญการพิเศษทำความเห็น เป็นหนังสือก็ได้แต่ต้องให้มาเบิกความประกอบหนังสือด้วยนั้น บทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจ ที่จะทำหรือไม่ก็ได้ มิใช่เป็น บทบังคับเด็ดขาด เมื่อ ศาลมิได้สั่งให้ทำความเห็นเป็นหนังสือ ก็ย่อมไม่ต้องห้าม มิให้รับฟังความเห็นดังกล่าว
เมื่อจำเลยกับผู้เสียหายมีเลือดกลุ่ม บี.ผู้เสียหายคลอดทารก มีเลือดกลุ่มเอ. ดังนี้ทารกมิได้เกิดจากจำเลยกับผู้เสียหายจำเลยก็มิได้ เป็นผู้ข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหาย แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพชั้นจับกุม และให้การ ในชั้นสอบสวนว่าได้ใช้อวัยวะเพศถูไถอวัยวะเพศของผู้เสียหาย2 ครั้งก็ตาม แต่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล คำให้การดังกล่าว เป็นเพียงพยานบอกเล่าโดยลำพังหามีน้ำหนักให้รับฟังว่าจำเลยกระทำผิดไม่
เมื่อจำเลยกับผู้เสียหายมีเลือดกลุ่ม บี.ผู้เสียหายคลอดทารก มีเลือดกลุ่มเอ. ดังนี้ทารกมิได้เกิดจากจำเลยกับผู้เสียหายจำเลยก็มิได้ เป็นผู้ข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหาย แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพชั้นจับกุม และให้การ ในชั้นสอบสวนว่าได้ใช้อวัยวะเพศถูไถอวัยวะเพศของผู้เสียหาย2 ครั้งก็ตาม แต่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล คำให้การดังกล่าว เป็นเพียงพยานบอกเล่าโดยลำพังหามีน้ำหนักให้รับฟังว่าจำเลยกระทำผิดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3279/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการพรากผู้เยาว์, ข่มขืน, และฆ่าเพื่อปกปิดความผิด การลงโทษผู้กระทำผิดและผู้สนับสนุน
โจทก์มีพยานเห็นเพียงจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และพวกฉุดผู้ตายลงจากรถจักรยานพาเข้าไปข้างทาง แต่เมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 พรากผู้เยาว์ ข่มขืนกระทำชำเราและฆ่าผู้ตายเพื่อปกปิดความผิด และสถานที่ซึ่งผู้ตายถูกข่มขืนกระทำชำเราอยู่ต่อเนื่องกับสถานที่ซึ่งจำเลยที่ 2 กับพวกฉุดผู้ตายลงจากรถเช่นนี้แม้หลังจากนั้นโจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยที่ 2 เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำของจำเลยที่ 1 กับพวกอีกมีแต่คำรับของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคำซัดทอดของผู้กระทำผิดด้วยกันและจำเลยที่ 2 ปฏิเสธข้อหาตามฟ้องโจทก์มาแต่แรกก็ตามพยานหลักฐานโจทก์ก็ยังคง ฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 พรากผู้ตาย ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร และสนับสนุนการกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราแล้ว
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้วจะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 93 อีกไม่ได้
จำเลยมีความผิด 3 กระทงตามมาตรา 318 วรรคสาม, 276 วรรคสองและ 289 (7) ถูกจำคุก 4 ปี, 33 ปี 4 เดือน และตลอดชีวิตตามลำดับเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขแล้ว
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้วจะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 93 อีกไม่ได้
จำเลยมีความผิด 3 กระทงตามมาตรา 318 วรรคสาม, 276 วรรคสองและ 289 (7) ถูกจำคุก 4 ปี, 33 ปี 4 เดือน และตลอดชีวิตตามลำดับเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3279/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพรากผู้เยาว์, ข่มขืนกระทำชำเรา, ฆ่าเพื่อปกปิดความผิด และการสนับสนุนความผิด
โจทก์มีพยานเห็นเพียงจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่1 และพวกฉุดผู้ตายลงจากรถจักรยานพาเข้าไปข้างทางแต่เมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 พรากผู้เยาว์ข่มขืนกระทำชำเราและฆ่าผู้ตายเพื่อปกปิดความผิดและสถานที่ซึ่งผู้ตายถูกข่มขืนกระทำชำเราอยู่ต่อเนื่องกับสถานที่ซึ่งจำเลยที่ 2 กับพวกฉุดผู้ตายลงจากรถเช่นนี้แม้หลังจากนั้นโจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยที่ 2เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำของจำเลยที่1กับพวกอีก มีแต่คำรับของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคำซัดทอดของผู้กระทำผิดด้วยกัน และจำเลยที่ 2 ปฏิเสธข้อหาตามฟ้องโจทก์มาแต่แรกก็ตาม พยานหลักฐานโจทก์ก็ยังคง ฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 พรากผู้ตาย ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร และสนับสนุนการกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราแล้ว
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้วจะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 อีกไม่ได้
จำเลยมีความผิด 3 กระทงตามมาตรา 318 วรรคสาม,276 วรรคสอง และ 289(7) ถูกจำคุก 4 ปี,33 ปี 4เดือน และตลอดชีวิตตามลำดับ เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91ที่แก้ไขแล้ว
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้วจะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 อีกไม่ได้
จำเลยมีความผิด 3 กระทงตามมาตรา 318 วรรคสาม,276 วรรคสอง และ 289(7) ถูกจำคุก 4 ปี,33 ปี 4เดือน และตลอดชีวิตตามลำดับ เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91ที่แก้ไขแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2804/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามข่มขืนกระทำชำเรา: การกระทำทางเพศที่ไม่ได้มีการสอดใส่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยพาผู้เสียหายอายุ 8 ปีไปที่สวนไม่มีบ้านคนอาศัยจัดการถอดเสื้อกางเกงของผู้เสียหายออกแล้วให้นอนลงแล้วจำเลยนอนทับ เอาอวัยวะเพศของจำเลยดันอวัยวะเพศของผู้เสียหายหลายครั้งจนผู้เสียหาย รู้สึกเจ็บและมีโลหิตออกแพทย์ ตรวจผู้เสียหายแล้วพบว่าเยื่อพรหมจารีขาด ไม่พบอสุจิ และมีรอยฝีเย็บขาดเล็กน้อยแต่ให้ความเห็นว่าไม่มีการร่วมเพศ คือไม่ได้ใช้อวัยวะเพศใส่ไปในช่องคลอดของผู้เสียหายดังนี้การกระทำของ จำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราเท่านั้น และไม่ผิดฐานกระทำอนาจารด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการข่มขืนกระทำชำเรา: การกระทำที่สนับสนุนและถือว่าเป็นการร่วมกระทำผิด
ก่อนเกิดเหตุจำเลยอยู่ในกลุ่มของพวกที่ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย และขณะเกิดเหตุจำเลยนั่งอยู่กับพวกที่โต๊ะใกล้ห้องน้ำที่เกิดเหตุถือเสื้อให้เพื่อนที่เข้าไปข่มขืนกระทำชำเรา และเพื่อดูเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วแจ้งเหตุร้ายแก่ผู้กระทำผิด ถือได้ว่าจำเลยร่วมกระทำผิดแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการข่มขืนกระทำชำเรา: การสนับสนุนและรู้เห็นการกระทำผิด
ก่อนเกิดเหตุจำเลยอยู่ในกลุ่มของพวกที่ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายและขณะเกิดเหตุจำเลยนั่งอยู่กับพวกที่โต๊ะใกล้ห้องน้ำที่เกิดเหตุถือเสื้อให้เพื่อนที่เข้าไปข่มขืนกระทำชำเราและเพื่อดูเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วแจ้งเหตุร้ายแก่ผู้กระทำผิดถือได้ว่าจำเลยร่วมกระทำผิดแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2882/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีข่มขืน: ผู้ร้องทุกข์ต้องมีอำนาจตามกฎหมาย หากไม่มีถือว่าไม่มีคำร้องทุกข์
บิดาของผู้เยาว์ซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรสกับมารดาของผู้เยาว์ทั้งไม่ปรากฏว่าได้จดทะเบียนว่าผู้เยาว์เป็นบุตรหรือศาลพิพากษาว่าผู้เยาว์เป็นบุตร ไม่เป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ และไม่มีอำนาจจัดการร้องทุกข์แทนผู้เยาว์ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276วรรคแรก จึงถือได้ว่าไม่มีคำร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนและพนักงานอัยการไม่มีอำนาจยื่นฟ้องคดีต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2449/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนโทรมหญิงด้วยอาวุธ: ความผิดฐานร่วมกันกระทำชำเราและพาทรัพย์ไปเพื่ออนาจาร
จำเลยทั้งสองได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยมีพฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองใช้มีดปลายแหลมขู่เข็ญบังคับลากพาผู้เสียหายไปที่ป่าละเมาะแล้วผลัดกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ถือได้ว่ามีลักษณะเป็นการโทรมหญิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2238/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์ฉันชู้สาวและการแจ้งความล่าช้า ชวนสงสัยเจตนาฟ้องข่มขืน
ความสัมพันธ์ของผู้เสียหายกับจำเลยเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมในลักษณะของคนที่รักกันระหว่างไปทำงานที่โรงสีข้าวจำเลยเข้าไปในห้องพักข่มขืนกระทำชำเราต่างวันและเวลากันถึง 2 ครั้งผู้เสียหายก็มิได้เอะอะหรือแพร่งพรายให้ผู้ใดทราบ แม้แต่มารดาของตนซึ่งไปทำงานแห่งเดียวกันเพิ่งบอกเมื่อออกจากงานและกลับถึงบ้านแล้วหลายวันบิดามารดาผู้เสียหายเรียกจำเลยไปสอบถามทำนองบังคับให้ยอมรับผู้เสียหายเป็นภรรยาเมื่อจำเลยไม่ยอมทำตาม จึงกล่าวหาดำเนินคดีแก่จำเลยดังนี้ พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้