พบผลลัพธ์ทั้งหมด 329 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 91/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีหลังประนีประนอมนอกศาล: สัญญาข่มขู่และผลกระทบต่อการบังคับคดี
เมื่อจำเลยแพ้คดีโจทก์ แล้วยังมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีตามคำบังคับที่ศาลมีไว้ต่อจำเลยในกำหนด ต่อมาจำเลยจะมายื่นคำร้องว่าโจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมกันนอกศาลแล้ว ขอมิให้มีการบังคับคดีไม่ได้ ในเมื่อการประนีประนอมยอมความนั้นโจทก์อ้างว่าเกิดขึ้นโดยถูกข่มขู่ เพราะคู่ความชอบที่จะมาทำประนีประนอมกันในศาลๆ จะได้รู้เห็น และได้พิจารณาว่าการประนีประนอมนั้นถูกต้องหรือไม่ ถ้าถูกจะได้พิพากษาให้เป็นไปตามที่ตกลง และถือว่าเป็นการที่ให้ศาลได้รับรู้เกี่ยวกับการบังคับคดี เมื่อทำกันนอกศาลๆ ก็ไม่รู้ และถ้ายอมรับฟัง การบังคับคดีก็จะไม่อาจเป็นไปได้โดยราบรื่น เพราะฝ่ายที่ถูกบังคับย่อมจะมีข้ออ้างมาร้องต่าง ๆ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1256/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การข่มขู่เพื่อเอาทรัพย์สินไม่ถือเป็นชิงทรัพย์หากไม่มีการใช้กำลังหรือข่มขู่ทำร้ายร่างกายโดยตรง
การที่จำเลยกับพวกลักทรัพย์ โดยพวกขึ้นไปบนเรือนถีบประตูแล้วเข้าห้องไปเก็บเอาทรัพย์ และปลดของที่ตัวเจ้าทรัพย์ไปแล้ว จำเลยซึ่งอยู่ใต้ถุนได้ร้องบอกนางลีเมาะเจ้าทรัพย์ว่า "ลีเมาะ มึงต้องบอกทรัพย์ ๆ ของมึงต้องบอกให้หมดว่าเอาไว้ไหน" เท่านี้ยังไม่เป็นการใช้กำลังทำร้ายหรือขู่เข็ญ ยังไม่ผิดฐานชิงทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1256/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ข่มขู่เพื่อลักทรัพย์: การร้องบอกให้บอกที่ซ่อนทรัพย์ ไม่ถึงขั้นเป็นชิงทรัพย์
การที่จำเลยกับพวกลักทรัพย์ โดยพวกขึ้นไปบนเรือนถีบประตูพังแล้วเข้าห้องไปเก็บเอาทรัพย์ และปลดของที่ตัวเจ้าทรัพย์ไปแล้วจำเลยซึ่งอยู่ใต้ถุนได้ร้องบอกนางลีเมาะเจ้าทรัพย์ว่า'ลีเมาะ มึงต้องบอกทรัพย์ๆ ของมึงต้องบอกให้หมดว่าเอาไว้ไหน' เท่านี้ยังไม่เป็นการใช้กำลังทำร้ายหรือขู่เข็ญยังไม่ผิดฐานชิงทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขู่ด้วยอาวุธเพื่อเรียกทรัพย์และการทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพ ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเข้าไปหาเจ้าทุกแล้วพูดขอเงินเจ้าทุกข์ตอบว่าไม่มี จำเลยชักมีดปลายแหลมออกจากเอวเงื้อง่าทำท่าจะแทงแล้วพูดว่าให้หรือไม่ให้แล้วจำเลยก็แทงไป เจ้าทุกข์หลบเสียทันแล้วรวบแขนจำเลยกอดตัวไว้เรียกให้คนช่วย มีตำรวจมาช่วยจำเลยจึงถูกจับถือว่าจำเลยให้ศา-ตราวุธขู่ให้เจ้าทุกข์ส่งเงินให้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพเมื่อโจทก์บรรยายในข้อหาฐานนี้ด้วยก็ลงโทษจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขู่ด้วยอาวุธเพื่อเรียกทรัพย์: การกระทำเข้าข่ายทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพ แม้จะมีการต่อสู้
ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเข้าไปทำเจ้าทุกข์แล้วพูดขอเงินเจ้าทุกข์ตอบว่าไม่มี จำเลยชักมีดปลายแหลมออกจากเอวเงื้อง่าทำท่าจะแทงแล้วพูดว่าให้หรือไม่ให้แล้วจำเลยก็แทงไปเจ้าทุกข์หลบเสียทันแล้วรวบแขนจำเลยกอดตัวไว้เรียกให้คนช่วยมีตำรวจมาช่วยจำเลยจึงถูกจับถือว่าจำเลยใช้สาตราวุธขู่ให้เจ้าทุกข์ส่งเงินให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพเมื่อโจทก์บรรยายในข้อหาฐานนี้ด้วยก็ลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1166/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเงื้อมีดข่มขู่เจ้าพนักงาน ถือเป็นการขู่เข็ญต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ แม้ไม่ได้ลงมือทำร้าย
แม้จำเลยไม่ได้ใช้วาจาขู่เข็ญ แต่ได้ใช้มีดเงื้อจะทำร้ายเจ้าพนักงานก็ย่อมถือได้แล้วว่าเป็นการขู่เข็ญจะทำร้ายโดยประสงค์จะต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานกรรโชก: การข่มขู่โดยอ้างเป็นเจ้าพนักงานและเรียกรับเงิน
ในเรื่องความผิดฐานกรรโชก โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยไม่ใช่ตำรวจแต่อ้างว่าเป็นตำรวจใช้วาจาขู่เข็ญว่าไม่รับสัญญาให้เงินจะมีเรื่องเป็นการขู่เข็ญขืนใจให้มีความกลัวตาม มาตรา 303 ดังนี้เป็นฟ้องที่สมบูรณ์
ข้อเท็จจริงที่ได้ความว่าจำเลยไม่ใช่ตำรวจแต่อ้างว่าเป็นตำรวจขู่เข็ญผู้เสียหายให้รับสัญญาจะส่งเงินให้ถ้าไม่ให้จะมีเรื่อง และผู้เสียหายได้สัญญาว่าจะส่งเงินให้โดยจำเลยไม่มีอำนาจทำได้ตาม กฎหมาย ดังนี้เป็นข้อเท็จจริงที่เข้าเกณฑ์ความผิดฐานกรรโชก
แม้โจทก์จะแถลงว่าติดใจสืบพยานเพียงเท่านี้ เมื่อจำเลยอ้างตัวเองเบิกความเป็นพยาน โจทก์ก็ชอบที่จะนำคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่โจทก์ไม่ติดใจสืบยื่นเป็นพยานต่อศาลเพื่อพิสูจน์คำให้การของจำเลยได้เมื่อศาลเห็นว่ามีมูลก็มีอำนาจรับไว้วินิจฉัย
ข้อเท็จจริงที่ได้ความว่าจำเลยไม่ใช่ตำรวจแต่อ้างว่าเป็นตำรวจขู่เข็ญผู้เสียหายให้รับสัญญาจะส่งเงินให้ถ้าไม่ให้จะมีเรื่อง และผู้เสียหายได้สัญญาว่าจะส่งเงินให้โดยจำเลยไม่มีอำนาจทำได้ตาม กฎหมาย ดังนี้เป็นข้อเท็จจริงที่เข้าเกณฑ์ความผิดฐานกรรโชก
แม้โจทก์จะแถลงว่าติดใจสืบพยานเพียงเท่านี้ เมื่อจำเลยอ้างตัวเองเบิกความเป็นพยาน โจทก์ก็ชอบที่จะนำคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่โจทก์ไม่ติดใจสืบยื่นเป็นพยานต่อศาลเพื่อพิสูจน์คำให้การของจำเลยได้เมื่อศาลเห็นว่ามีมูลก็มีอำนาจรับไว้วินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1676/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบคิดฆ่าต้องมีเจตนาและพฤติการณ์บ่งชี้ชัด การข่มขู่ด้วยอาวุธโดยไม่มีเจตนาทำร้ายไม่ถึงขั้นเป็นความผิดสมคบ
นายสุพีจำเลยทำอนาจารบุตรผู้เสียหาย ที่สุดจำเลยกับพวกได้ไปสู่ขอหญิงตามประเพณี เมื่อไม่ตกลงค่าสินสอดกัน จำเลยคนหนึ่งกล่าวว่าไม่ตกลงก็กลับ ฝ่ายหญิงว่านายสุเทพกลับได้แต่ต้องขอตัวนายสุพีไว้ก่อน นายสุเทพว่าอยากได้คนหรือเงินก็ไปฟ้องเอา ฝ่ายหญิงบอกให้ผู้ตายไปคุมตัวนายสุพีไว้พอผู้ตายลุกขึ้นนายสุเทพพูดว่าพวกเราจัดการ จัดการอะไรไม่ได้กล่าว อาจหมายเพียงให้ขัดขวางมิให้จับกุมหรืออย่างใดไม่แน่ทั้งนั้นส่วนนายคลังจำเลยอีกคนควักปืนออกมาขู่ให้นั่งที่สุดยิงไป 1 นัด หันปากกระบอกไปทางไม่มีคน แสดงว่าไม่เจตนายิงใคร ดังนี้แม้พวกของจำเลยอีกคนหนึ่งซึ่งหลบหนีไปจะได้แทงผู้ตายตาย พฤติการณ์เช่นนี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งสองสมคบกับพวกที่หลบหนีไปฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยทั้งสองยังไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 908/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: ผู้ถูกทำร้ายมีสิทธิป้องกันตนเองเมื่อถูกข่มขู่ด้วยอาวุธ
ผู้เสียหายเป็นผู้ก่อเหตุและถือปืนเดินแกว่งเข้าหาจำเลยในระยะใกล้ชิด ห่างกันเพียงประมาณ 1 ศอกส่อแสดงว่าจะทำร้ายจำเลย จำเลยใช้ขวานตีผู้เสียหาย 1 ที การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันชีวิตพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 820/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กำลังทำร้ายและข่มขู่เพื่อชิงทรัพย์ ถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
ให้มือผลักหน้าอกไม่ให้สุกขึ้นและพูกว่า " อย่าลุก " เพื่อจะแย่งเอาทรัพย์เขาดังนี้ ฟังได้ว่าเป็นการใช้กำลังทำร้ายและใช้วาจาขู่เข็ญว่าจะทำร้าย เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์