พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2101/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสอบสวนของพนักงานสอบสวนและการยกข้อต่อสู้ในชั้นฎีกา
การที่จะพิจารณาว่าเจ้าพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนหรือไม่นั้นเป็นข้อเท็จจริง. เพราะจะต้องพิจารณาข้อบังคับทั้งหลายซึ่งว่าด้วยอำนาจและหน้าที่ของตำรวจเป็นข้อประกอบด้วย. ดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 16 ได้บัญญัติไว้. ดังนั้น เมื่อจำเลยมิได้ยกข้อนี้ขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้น. จำเลยจะยกปัญหาข้อนี้ขึ้นฎีกาไม่ได้.ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสอง ประกอบด้วย มาตรา 225.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1982/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการยกข้อต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดิน การวินิจฉัยประเด็นโดยศาล
โจทก์นำยึดที่ดินมีโฉนดเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษามีผู้ร้องขัดทรัพย์โจทก์ยื่นคำให้การต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย จำเลยได้ครอบครองเป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผยนั้น เป็นที่เข้าใจได้ว่า โจทก์ยกข้อต่อสู้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 แล้ว คดีย่อมมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยจริงหรือไม่
การที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทโดยเปิดเผยอย่างเป็นเจ้าของหลังจากเจ้ามรดกตายมาเป็นเวลากว่า 10 ปีนั้น เป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งการเป็นเจ้าของ ซึ่งอยู่ในประเด็นข้อต่อสู้ของโจทก์ที่ว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่พิพาทหรือไม่
การที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทโดยเปิดเผยอย่างเป็นเจ้าของหลังจากเจ้ามรดกตายมาเป็นเวลากว่า 10 ปีนั้น เป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งการเป็นเจ้าของ ซึ่งอยู่ในประเด็นข้อต่อสู้ของโจทก์ที่ว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่พิพาทหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1982/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการยกข้อต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ศาลฎีกาเห็นควรให้วินิจฉัยประเด็นนี้
โจทก์นำยึดที่ดินมีโฉนดเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา.มีผู้ร้องขัดทรัพย์โจทก์ยื่นคำให้การต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย จำเลยได้ครอบครองเป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผยนั้น. เป็นที่เข้าใจได้ว่า โจทก์ยกข้อต่อสู้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 แล้ว. คดีย่อมมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยจริงหรือไม่.
การที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทโดยเปิดเผยอย่างเป็นเจ้าของหลังจากเจ้ามรดกตายมาเป็นเวลากว่า 10 ปีนั้น. เป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งการเป็นเจ้าของ ซึ่งอยู่ในประเด็นข้อต่อสู้ของโจทก์ที่ว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่พิพาทหรือไม่.
การที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทโดยเปิดเผยอย่างเป็นเจ้าของหลังจากเจ้ามรดกตายมาเป็นเวลากว่า 10 ปีนั้น. เป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งการเป็นเจ้าของ ซึ่งอยู่ในประเด็นข้อต่อสู้ของโจทก์ที่ว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่พิพาทหรือไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1812/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักกลบลบหนี้ต้องไม่มีข้อต่อสู้: แม้จำเลยอ้างหนี้ค่าเช่า แต่เมื่อโจทก์ยังโต้แย้งสิทธิเรียกร้องนั้น ยังไม่สามารถหักกลบลบหนี้ได้
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย จำเลยให้การต่อสู้ว่า หากจำเลยจะต้องรับผิดบ้างก็ขอหักกลบลบหนี้กับค่าเช่าซึ่งโจทก์ยังเป็นหนี้จำเลยอยู่ แม้โจทก์จะมิได้แถลงโต้แย้งเกี่ยวกับข้อที่จำเลยขอหักกลบลบหนี้ แต่ในชั้นพิจารณาโจทก์เบิกความเป็นพยานว่า การชำระค่าเช่าโจทก์ชำระล่วงหน้า 6 เดือน ต่อจากนั้นโจทก์ก็ชำระบ้างไม่ชำระบ้าง ส่วนใบรับเงินโจทก์ได้รับบ้างไม่ได้รับบ้าง แสดงว่าโจทก์ยังมีข้อต่อสู้ในเรื่องหนี้ค่าเช่าที่จำเลยขอหักกลบลบหนี้นั้นอยู่ จำเลยจึงจะนำหนี้ค่าเช่ามาขอหักกลบลบหนี้กับค่าเสียหายที่ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระแก่โจทก์ในคดีนี้หาได้ไม่ ศาลไม่จำต้องพิจารณาต่อไปว่าโจทก์เป็นหนี้ค่าเช่าจำเลยอยู่จริงดังจำเลยกล่าวอ้างหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1812/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักกลบลบหนี้ต้องไม่มีข้อต่อสู้ แม้โจทก์ไม่โต้แย้ง แต่หากมีข้อต่อสู้ในเรื่องหนี้เดิม ก็ไม่อาจหักกลบลบหนี้ได้
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย. จำเลยให้การต่อสู้ว่า หากจำเลยจะต้องรับผิดบ้างก็ขอหักกลบลบหนี้กับค่าเช่าซึ่งโจทก์ยังเป็นหนี้จำเลยอยู่. แม้โจทก์จะมิได้แถลงโต้แย้งเกี่ยวกับข้อที่จำเลยขอหักกลบลบหนี้. แต่ในชั้นพิจารณาโจทก์เบิกความเป็นพยานว่า การชำระค่าเช่าโจทก์ชำระล่วงหน้า 6เดือน. ต่อจากนั้นโจทก์ก็ชำระบ้างไม่ชำระบ้าง. ส่วนใบรับเงินโจทก์ได้รับบ้างไม่ได้รับบ้าง. แสดงว่าโจทก์ยังมีข้อต่อสู้ในเรื่องหนี้ค่าเช่าที่จำเลยขอหักกลบลบหนี้นั้นอยู่. จำเลยจึงจะนำหนี้ค่าเช่ามาขอหักกลบลบหนี้กับค่าเสียหายที่ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระแก่โจทก์ในคดีนี้หาได้ไม่. ศาลไม่จำต้องพิจารณาต่อไปว่าโจทก์เป็นหนี้ค่าเช่าจำเลยอยู่จริงดังจำเลยกล่าวอ้างหรือไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763-764/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อต่อสู้เรื่องโมฆะของสัญญาจำนอง และสิทธิในการนำสืบข้อเท็จจริงเพื่อพิสูจน์การชำระหนี้
โจทก์ฟ้องขอบังคับจำนอง จำเลยต่อสู้ว่าสัญญาจำนองทำกันหลอก ๆไม่มีการชำระเงินกันจริง เท่ากับปฏิเสธว่าไม่มีมูลหนี้ต่อกัน ชอบที่จำเลยจะนำสืบให้ได้ความจริงตามข้อต่อสู้ของตน ไม่มีความจำเป็นที่ศาลจะต้องสอบถามโจทก์เกี่ยวกับรายละเอียดที่โจทก์อ้างว่าได้จ่ายเงินให้ไปล่วงหน้าครบถ้วนแล้ว เพราะเป็นเรื่องที่คู่ความมีสิทธิที่จะนำสืบกันต่อไป
การนำคดีมาฟ้องศาลขอให้บังคับผู้จำนองใช้หนี้ตามสัญญาจำนอง เป็นสิทธิอันชอบธรรมของผู้รับจำนองที่จะกระทำได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้รับจำนองใช้สิทธินี้โดยไม่สุจริต หรือโดยประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้จำนองโดยมิชอบแต่อย่างใด ผู้รับจำนองก็ไม่ต้องรับผิด
การนำคดีมาฟ้องศาลขอให้บังคับผู้จำนองใช้หนี้ตามสัญญาจำนอง เป็นสิทธิอันชอบธรรมของผู้รับจำนองที่จะกระทำได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้รับจำนองใช้สิทธินี้โดยไม่สุจริต หรือโดยประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้จำนองโดยมิชอบแต่อย่างใด ผู้รับจำนองก็ไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักล้างสัญญากู้ด้วยข้อต่อสู้เรื่องเอกสารปลอมและการใช้เอกสารสัญญากู้เป็นหลักฐานหนี้พนัน
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามสัญญากู้ จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธการกู้เงินและปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญากู้ให้โจทก์ลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นลายมือชื่อที่จำเลยที่ 1 ลงไว้ในแบบพิมพ์สัญญากู้มอบให้จำเลยที่ 2เป็นหลักฐานแห่งหนี้การพนันที่จำเลยที่ 1 เสียแก่จำเลยที่ 2 โดยไม่ได้กรอกข้อความอื่นลงในแบบพิมพ์นั้นสัญญากู้ที่โจทก์อ้างเป็นเอกสารปลอม ดังนี้ จำเลยที่ 1 ย่อมนำสืบหักล้างตามข้อต่อสู้ได้เพราะมิใช่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1373/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานนอกประเด็นข้อต่อสู้ในคำให้การ และอำนาจฟ้องกรณีไม่มีนิติสัมพันธ์เช่า
ตามคำให้การของจำเลย จำเลยได้ยอมรับถึงการบอกกล่าวเลิกสัญญาจากโจทก์แล้ว แต่จำเลยมีข้อต่อสู้บางประการ จึงไม่มีประเด็นว่าจำเลยไม่เคยได้รับคำบอกกล่าวหรือไม่ ครั้นเวลาพิจารณา จำเลยกลับเบิกความว่าไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่า ดังนี้ เป็นการสืบนอกประเด็นข้อต่อสู้ ขัดกับจำเลยได้ยื่นคำให้การไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1373/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานขัดแย้งกับข้อต่อสู้เดิมในคำให้การ ถือเป็นการสืบนอกประเด็น ศาลไม่ต้องวินิจฉัยซ้ำ
ตามคำให้การของจำเลย จำเลยได้ยอมรับถึงการบอกกล่าวเลิกสัญญาจากโจทก์แล้ว แต่จำเลยมีข้อต่อสู้บางประการ จึงไม่มีประเด็นว่าจำเลยไม่เคยได้รับคำบอกกล่าวหรือไม่ ครั้นเวลาพิจารณา จำเลยกลับเบิกความว่าไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่า ดังนี้ เป็นการสืบนอกประเด็นข้อต่อสู้ ขัดกับที่จำเลยได้ยื่นคำให้การไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมเนื่องจากใบมอบอำนาจปลอม ฟ้องไม่เคลือบคลุม ข้อต่อสู้ใหม่ไม่อาจยกได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันทำใบมอบอำนาจปลอมใช้ชื่อจำเลยที่ 1 รับมอบอำนาจจากโจทก์ โดยบรรยายฟ้องว่าความจริงโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในใบมอบอำนาจ เป็นข้ออ้างว่าลายมือชื่อในใบมอบอำนาจมิใช่ลายมือชื่อที่โจทก์ลงชื่อไว้แจ่มแจ้งแล้ว ไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด
จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นว่าพฤติการณ์ของโจทก์เป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้จำเลยเสียหาย จึงไม่เป็นข้อที่จะยกขึ้นฎีกาได้.
จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นว่าพฤติการณ์ของโจทก์เป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้จำเลยเสียหาย จึงไม่เป็นข้อที่จะยกขึ้นฎีกาได้.