คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ตัวแทน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,182 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3659/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ว่าจ้างต่อการกระทำละเมิดของตัวแทน
บ. ลูกจ้างของจำเลยร่วมที่ 1 ให้จำเลยที่ 1 ทำงานแทนเมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกซึ่งอยู่ในระหว่างส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าของจำเลยร่วมที่ 1 ด้วยความประมาทเลินเล่อชนโรงภาพยนตร์ของโจทก์เสียหาย การละเมิดนี้ย่อมนับว่าอยู่ในกรอบแห่งการที่จำเลยร่วมที่ 1 จ้าง จำเลยร่วมที่ 1 จะอ้างว่าบ. มิใช่ลูกจ้างและจำเลยที่ 1 บุตร บ. เป็นผู้กระทำละเมิด เพื่อให้ตนพ้นความรับผิดหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3598/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากสัญญาและการแสดงเจตนาของตัวแทน กรณีจำเลยต่างชาติมีสาขาในไทย
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามข้อตกลงในคำร้องขอนำเรือเข้าท่าภายในอาณาบริเวณของโจทก์ที่จำเลยที่ 3 ในฐานะตัวแทนจำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์ โดยคำร้องดังกล่าวมีข้อความว่า ข้าพเจ้ายอมรับผิดในผลแห่งละเมิดซึ่งเรือที่นำเข้าได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์เพื่อนำเรือเข้ามาจอด ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 ที่จะยอมรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่เรือซัมเมอร์เบย์ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ อันเป็นนิติกรรมอย่างหนึ่ง การแสดงเจตนาดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 และกรณีนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้ จึงมีอายุความ10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลต่างประเทศ มีสำนักงานสาขาอยู่ในประเทศไทย ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาในประเทศไทย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการสาขาของจำเลยที่ 1ในประเทศไทย และจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 2 ให้ติดต่อกับโจทก์แทนจำเลยที่ 1 ทำสัญญากับโจทก์แทนจำเลยที่ 1 จึงไม่ใช่กรณีทำแทนตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาในต่างประเทศ อันจะอยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 824 จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัว และการที่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เข้าทำการเกี่ยวข้องกับโจทก์เป็นการทำในฐานะที่เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3229/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งเท็จในการทำประกันชีวิตทำให้สัญญาเป็นโมฆียะ ผู้ชักชวนไม่ใช่ตัวแทนผู้รับประกัน
ผู้เอาประกันชีวิตรู้อยู่แล้วว่าตนเองเป็นโรคความดันโลหิตสูง แต่แจ้งในคำขอเอาประกันชีวิตว่าไม่เคยเป็นโรคดังกล่าว อันเป็นความเท็จสัญญาประกันชีวิตย่อมเป็นโมฆียะตาม ป.พ.พ.มาตรา 865 วรรคหนึ่ง
ส.เป็นผู้ชักชวนให้ ธ. ทำสัญญาประกันชีวิตกับจำเลย แม้ ส.รู้ว่า ธ. เป็นโรคความดันโลหิตสูง ก็จะถือว่าจำเลยรู้เช่นนั้นด้วยไม่ได้เพราะ ส.มิได้เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทน หรือเป็นตัวแทนของจำเลยผู้รับประกันชีวิต แต่เป็นเพียงผู้หาผู้ที่จะเอาประกันชีวิตและดำเนินการทำคำขอเอาประกันชีวิตให้แก่ผู้เอาประกันเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1954/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยผูกพันตามสัญญาจะซื้อขายแม้ไม่ได้เป็นผู้ลงนามโดยตรง หากมอบหมายให้ผู้อื่นดำเนินการและลงนามแทน
จำเลยได้มอบหมายให้ จ. เป็นผู้ดำเนินการทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ โดยจำเลยลงลายมือชื่อเป็นคู่สัญญา ฉะนั้นจำเลยจึงต้องผูกพันตามสัญญาจะซื้อขายที่จำเลยฎีกาว่า สัญญาจะซื้อขายไม่ผูกพันจำเลย เพราะไม่มีกรณีตั้งตัวแทนหรือยินยอมให้ผู้ได้เชิดตนเองกระทำการเป็นตัวแทนจำเลย และที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเรื่องตัวแทนเชิดเป็นเรื่องนอกฟ้องนั้น คดีนี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจากพฤติการณ์ฟังได้ว่าจำเลยได้มอบหมายให้ จ. และ ป. ภริยาเป็นผู้ติดต่อขายที่ดินของจำเลยแทนจำเลยและจำเลยเป็นผู้ลงชื่อในสัญญาด้วยตนเอง ดังนี้ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยเรื่องตัวแทนเชิดดังที่จำเลยฎีกาแต่อย่างใด โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินพิพาทให้โจทก์และโจทก์ได้ว่าจ้างบริษัท ม. ปลูกสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก3 ชั้น ลงบนที่ดินดังกล่าวขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ หากไม่สามารถโอนที่ดินพิพาทให้ได้ให้ใช้ราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยโอนสิ่งปลูกสร้างด้วย จึงไม่เกินคำขอ และโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้ว่าจ้างบริษัท ม. ปลูกสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก3 ชั้น บนที่ดินพิพาท การก่อสร้างดังกล่าวย่อมทำให้ที่ดินพิพาทราคาสูงขึ้น เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ยอมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้โจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในส่วนที่เกี่ยวกับราคาที่ดินที่สูงขึ้นเพราะการก่อสร้างด้วยและราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์ขอให้ชดใช้ย่อมหมายถึงราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในขณะฟ้อง ฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยต้องรับผิดสำหรับค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่สูงขึ้นในขณะฟ้องตามที่โจทก์ขอมาท้ายฟ้อง จึงไม่เป็นการนอกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1892/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพัน & การระงับข้อพิพาท, ตัวแทน, และความสุจริต
จำเลยและว.ต่างขับรถยนต์โดยประมาทและต่างถูกร้อยตำรวจโทอ.พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับการที่ร้อยตำรวจโทอ.เปรียบเทียบปรับจำเลยและว. และค่าเสียหายของรถยนต์ทั้งสองคันได้มีการตกลงกันให้ต่างคนต่างซ่อมโดยขณะนั้นช. เจ้าของรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยและเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงเกี่ยวกับรถยนต์ที่มีการชนกันไม่ได้คัดค้านแสดงว่าเหตุที่รถยนต์ทั้งสองคันชนกันเกิดจากความประมาทของจำเลยและว. ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันจึงได้มีการตกลงกันเพื่อระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันโดยการสละสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่จะพึงมีต่อกันข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความและเป็นผลให้มูลละเมิดซึ่งมีอยู่ระงับสิ้นไป การที่ช. ยินยอมให้ว. ตกลงระงับข้อพิพาทในมูลละเมิดโดยการทำสัญญาประนีประนอมยอมความเท่ากับช.แสดงออกหรือยอมให้ว. แสดงออกว่าว. เป็นตัวแทนของช. ในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความช. จึงต้องผูกพันและรับเอาผลของการที่ว. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตที่มีเหตุควรเชื่อว่าว.เป็นตัวแทนของช.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา821โจทก์จะอ้างว่าการตั้งตัวแทนไม่ได้ทำเป็นหนังสือตามมาตรา789ไม่ได้ แม้ร้อยตำรวจโทอ. พนักงานสอบสวนเป็นผู้ทำบันทึกรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเพื่อเปรียบเทียบปรับจำเลยและว.แต่เมื่อเอกสารดังกล่าวมีข้อตกลงระหว่างคู่กรณีที่มุ่งจะระงับข้อพิพาททางแพ่งที่เกิดขึ้นแล้วซึ่งมีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าฉาง: จำเลยผูกพันตามสัญญาในฐานะส่วนตัว แม้ไม่ได้ระบุเป็นตัวแทน, อายุความฝากทรัพย์ 10 ปี
ข้อความในสัญญาเช่าฉางระบุว่าจำเลยเป็นผู้ให้เช่าฉางของจำเลยแต่ผู้เดียวโดยมิได้ระบุว่าเป็นตัวแทนผู้ใดต้องถือว่าจำเลยยอมผูกพันตนเองเข้ารับผิดตามสัญญาเป็นการส่วนตัวการที่จำเลยนำพยานบุคคลเข้าสืบว่าตนกระทำในฐานะเป็นตัวแทนโดยไม่ยอมรับผิดเป็นส่วนตัวจึงเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา94 โจทก์เช่าฉางจากจำเลยแล้วนำข้าวเปลือกเก็บไว้โดยจำเลยเป็นผู้รับและจ่ายข้าวเปลือกคืนโจทก์เข้าลักษณะฝากทรัพย์เมื่อข้าวเปลือกที่ฝากขาดหายไปจากการครอบครองของจำเลยผู้รับฝากการที่โจทก์ผู้ฝากฟ้องเรียกราคาข้าวเปลือกที่ฝากคืนจากจำเลยซึ่งมิได้มีบทกฎหมายบัญญัติเกี่ยวกับอายุความในเรื่องนี้ไว้จึงต้องใช้อายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา164เดิมซึ่งมีอายุความสิบปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 128/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนซื้อที่ดิน: สิทธิและหน้าที่ของตัวการและตัวแทนในการโอนกรรมสิทธิ์
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทแล้วให้จำเลยลงชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินแทน ต่อมาโจทก์ตกลงขายที่ดินพิพาทให้ผู้มีชื่อและได้แจ้งให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนให้ผู้มีชื่อ แต่จำเลยเพิกเฉยและอ้างว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทโจทก์จึงไม่ประสงค์ให้จำเลยถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแทนโจทก์ต่อไป ขอบังคับให้จำเลยถอนชื่อจำเลยออกและใส่ชื่อโจทก์ เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ไม่เคลือบคลุม
แม้คดีนี้กับคดีก่อนคู่ความจะเป็นคู่ความเดียวกัน แต่คดีก่อนศาลยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาททื่เป็นเนื้อหาแห่งคดีว่าจำเลยเป็นตัวแทนโจทก์หรือไม่ ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีดังกล่าว
สามีโจทก์เป็นคนต่างด้าว ขณะซื้อที่ดินพิพาท แม้จะหย่ากับสามีแล้วยังอยู่ด้วยกัน แต่โจทก์เป็นคนไทย จึงไม่อยู่ในบังคับมาตรา 86 แห่งประมวล-กฎหมายที่ดิน สัญญาซื้อขายที่ดินไม่เป็นโมฆะ
กิจการใดที่ตัวแทนจะไปทำกับบุคคลภายนอกแทนตัวการ กฎหมายบังคับไว้ว่าต้องทำเป็นหนังสือหรือต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนไปทำกิจการนั้นจะต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย มิฉะนั้นกิจการที่ตัวแทนกระทำไปกับบุคคลภายนอกจะไม่สมบูรณ์ แต่ในระหว่างตัวแทนกับตัวการด้วยกัน ตัวแทนจะอ้าง ป.พ.พ. มาตรา 798 มาใช้บังคับไม่ได้
เมื่อที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินที่จำเลยลงชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในฐานะตัวแทน โจทก์ซึ่งเป็นตัวการเรียกร้องเอาคืน จำเลยมีหน้าที่ต้องคืนแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 128/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนซื้อที่ดิน: สิทธิในการขอคืนกรรมสิทธิ์เมื่อตัวการต้องการเปลี่ยนแปลง
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทแล้วให้จำเลยลงชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินแทนต่อมาโจทก์ตกลงขายที่ดินพิพาทให้ผู้มีชื่อและได้แจ้งให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนให้ผู้มีชื่อแต่จำเลยเพิกเฉยและอ้างว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทโจทก์จึงไม่ประสงค์ให้จำเลยถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแทนโจทก์ต่อไปขอบังคับให้จำเลยถอนชื่อจำเลยออกและใส่ชื่อโจทก์เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ไม่เคลือบคลุม แม้คดีนี้กับคดีก่อนคู่ความจะเป็นคู่ความเดียวกันแต่คดีก่อนศาลยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาทที่เป็นเนื้อหาแห่งคดีว่าจำเลยเป็นตัวแทนโจทก์หรือไม่ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีดังกล่าว สามีโจทก์เป็นคนต่างด้าวขณะซื้อที่ดินพิพาทแม้จะหย่ากับสามีแล้วยังอยู่ด้วยกันแต่โจทก์เป็นคนไทยจึงไม่อยู่ในบังคับมาตรา86แห่งประมวลกฎหมายที่ดินสัญญาซื้อขายที่ดินไม่เป็นโมฆะ กิจการใดที่ตัวแทนจะไปทำกับบุคคลภายนอกแทนตัวการกฎหมายบังคับไว้ว่าต้องทำเป็นหนังสือหรือต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือการตั้งตัวแทนไปทำกิจการนั้นจะต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วยมิฉะนั้นกิจการที่ตัวแทนกระทำไปกับบุคคลภายนอกจะไม่สมบูรณ์แต่ในระหว่างตัวแทนกับตัวการด้วยกันตัวแทนจะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา798มาใช้บังคับไม่ได้ เมื่อที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินที่จำเลยลงชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในฐานะตัวแทนโจทก์ซึ่งเป็นตัวการเรียกร้องเอาคืนจำเลยมีหน้าที่ต้องคืนแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7501/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายหุ้น, หนังสือรับสภาพหนี้, และการตั้งตัวแทนตามกฎหมายหลักทรัพย์
ตาม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 มาตรา 44 วรรคแรก การตั้งบุคคลใดเป็นตัวแทนหรือนายหน้าของบริษัทหลักทรัพย์ต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน หมายความถึงเฉพาะการตั้งตัวแทนหรือนายหน้าเพื่อให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์เท่านั้นที่จะต้องขออนุญาตต่อธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน ส่วนการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแม้จะถือว่าเป็นการตั้งตัวแทนก็ไม่ต้องขอนุญาตต่อธนาคารแห่งประเทศไทยเพราะการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเป็นอำนาจทั่วไปที่บุคคลมีอยู่ตามกฎหมาย
การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ใช่เรื่องซื้อขายหุ้นตามปกติแต่เป็นการซื้อขายหุ้นในกรณีพิเศษจึงไม่จำต้องปฏิบัติตาม ป.พ.พ. มาตรา 1129แต่อย่างใด และตาม พ.ร.บ. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ.2517มาตรา 20 บัญญัติว่า การซื้อหรือขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ให้กระทำได้เฉพาะหลักทรัพย์จดทะเบียนหรือหลักทรัพย์อนุญาตและโดยสมาชิกเท่านั้น แสดงว่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์กระทำได้เฉพาะสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์เท่านั้นซึ่งจำเลยก็ทราบดี แต่ก็ยังยินยอมแต่งตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทนซื้อหรือขายหลักทรัพย์เมื่อจำเลยสมัครใจเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด จะอ้างว่าถูกเอาเปรียบไม่ได้
ตามบันทึกข้อตกลงมีการคิดคำนวณหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์และมีการนำเงินที่จำเลยวางไว้เป็นประกันพร้อมดอกเบี้ยกับมูลค่าหุ้นที่จำเลยมีอยู่มาตีราคานำมาหักชำระหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์และมีการตกลงผ่อนชำระกันไว้ แสดงให้เห็นว่าโจทก์จำเลยมีเจตนาให้เอกสารดังกล่าวเป็นหนังสือรับสภาพหนี้มีผลผูกพันใช้บังคับได้ตามกฎหมาย จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีว่า เอกสารท้ายฟ้องไม่ใช่หนังสือรับสภาพหนี้ตามกฎหมาย จำเลยไม่เป็นหนี้โจทก์จำเลยไม่ต้องรับผิดแสดงว่าจำเลยปฏิเสธไม่ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ทั้งหมด ถือได้ว่าจำเลยไม่ถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาตามหนังสือรับสภาพหนี้ โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมดได้ และเมื่อจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัดในการชำระหนี้ โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยตามหนังสือรับสภาพหนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7501/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจซื้อขายหุ้นและการบังคับชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้
ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟ้องซิเอร์ พ.ศ. 2522 มาตรา 44 วรรคแรก การตั้งบุคคลใดเป็นตัวแทนหรือนายหน้าของบริษัทหลักทรัพย์ต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน หมายความถึงเฉพาะการตั้งตัวแทนหรือนายหน้าเพื่อให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์เท่านั้นที่จะต้องขออนุญาตต่อธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน ส่วนการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแม้จะถือว่าเป็นการตั้งตัวแทนก็ไม่ต้องขออนุญาตต่อธนาคารแห่งประเทศไทยเพราะการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเป็นอำนาจทั่วไปที่บุคคลมีอยู่ตามกฎหมาย การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ใช่เรื่องซื้อขายหุ้นตามปกติแต่เป็นการซื้อขายหุ้นในกรณีพิเศษจึงไม่จำต้องปฏิบัติตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 แต่อย่างใดและตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517มาตรา 20 บัญญัติว่า การซื้อหรือขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ให้กระทำได้เฉพาะหลักทรัพย์จดทะเบียนหรือหลักทรัพย์อนุญาตและโดยสมาชิกเท่านั้น แสดงว่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์กระทำได้เฉพาะสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์เท่านั้นซึ่งจำเลยก็ทราบดีแต่ก็ยังยินยอมแต่งตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทนซื้อหรือขายหลักทรัพย์เมื่อจำเลยสมัครใจเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด จะอ้างว่าถูกเอาเปรียบไม่ได้ ตามบันทึกข้อตกลงมีการคิดคำนวณหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์และมีการนำเงินที่จำเลยวางไว้เป็นประกันพร้อมดอกเบี้ยกับมูลค่าหุ้นที่จำเลยมีอยู่มาตีราคานำมาหักชำระหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์และมีการตกลงผ่อนชำระกันไว้ แสดงให้เห็นว่าโจทก์จำเลยมีเจตนาให้เอกสารดังกล่าวเป็นหนังสือรับสภาพหนี้รับสภาพหนี้มีผลผูกพันใช้บังคับได้ตามกฎหมาย จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีว่า เอกสารท้ายฟ้องไม่ใช่หนังสือรับสภาพหนี้ตามกฎหมาย จำเลยไม่เป็นหนี้โจทก์จำเลยไม่ต้องรับผิดแสดงว่าจำเลยปฏิเสธไม่ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ทั้งหมดถือได้ว่าจำเลยไม่ถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาตามหนังสือรับสภาพหนี้ โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมดได้ และเมื่อจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัดในการชำระหนี้โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยตามหนังสือรับสภาพหนี้ได้
of 119