พบผลลัพธ์ทั้งหมด 271 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบการใช้เงินกู้ยืมต้องเป็นไปตาม กม. การเวนคืนเอกสารหลักประกันไม่ใช่การใช้เงิน
การนำสืบว่าได้ใช้เงินที่กู้ยืมแล้วนั้น จะนำสืบได้เฉพาะเท่าที่ ก.ม.ได้กำหนดไว้ในมาตรา 653 เท่านั้น การนำสืบว่าได้มีการเวนคืนเอกสารใบสั่งซื้อของ ซึ่งให้ไว้เป็นประกันในการกู้ยืม ส่วนเอกสารสัญญากู้ยังไม่ได้เวนคืนนั้นยังฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบการใช้เงินกู้ยืม ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยหลักฐานการกู้ยืมต้องเป็นเอกสารสัญญา
การนำสืบว่า ได้ใช้เงินที่กู้ยืมแล้วนั้น จะนำสืบได้เฉพาะเท่าที่กฎหมายได้กำหนดไว้ในมาตรา 653 เท่านั้น การนำสืบว่าได้มีการเวนคืนเอกสารใบสั่งซื้อของ ซึ่งให้ไว้เป็นประกันในการกู้ยืม ส่วนเอกสารสัญญากู้ยังไม่ได้เวนคืนนั้นยังฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อาจนำสืบพยานภายหลังหากไม่ซักค้านพยานฝ่ายตรงข้ามตาม ป.ว.พ. ม.89
จำเลยมิได้ถามค้านพยานโจทก์ในประเด็นข้อใดไว้ แล้วนำพยานของตนในประเด็นข้อนั้นมาสืบในภายหลัง เป็นการต้องห้าม ป.ม.วิแพ่งมาตรา 89 ศาลจะไม่ยอมรับฟังคำจำเลยในประเด็นข้อนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 750/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งที่ดินมรดก/ที่ดินร่วม การนำสืบต้องสอดคล้องกับคำฟ้อง ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้ไขคำพิพากษา
โจทก์ฟ้องกล่าวว่า โจทก์กับจำเลยปกครองที่ดินร่วมกันมา บัดนี้จำเลยจะเอาที่ดินเสียผู้เดียว จึงขอให้จำเลยส่งโฉนดมาทำการแบ่งแยกตามส่วนครึ่งหนึ่ง หากแบ่งแยกไม่ตกลง ก็ขอให้ประมูลราคาหรือขายทอดตลาดแบ่งเงินกัน ชั้นพิจารณาโจทก์นำสืบว่า โจทก์จำเลยต่างปกครองเป็นส่วนสัดกัน ดังนี้ ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่พิพาทแต่เพียงครึ่งหนึ่ง ถ้าทางพิจารณาได้ความว่า โจทก์มีกรรมสิทธิอยู่ในที่พิพาทจริง ศาลก็พิพากษาให้ที่ดินพิพาทไม่เกินครึ่งหนึ่งเป็นของโจทก์ได้ ไม่ผิดจากฟ้อง หรือเกินคำขอ
ศาลชั้นต้นพิพากษาชี้ขาดเลยจากคำขอท้ายฟ้องของโจทก์หรืออย่างไรนั้น ศาลอุทธรณ์มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้.
โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่พิพาทแต่เพียงครึ่งหนึ่ง ถ้าทางพิจารณาได้ความว่า โจทก์มีกรรมสิทธิอยู่ในที่พิพาทจริง ศาลก็พิพากษาให้ที่ดินพิพาทไม่เกินครึ่งหนึ่งเป็นของโจทก์ได้ ไม่ผิดจากฟ้อง หรือเกินคำขอ
ศาลชั้นต้นพิพากษาชี้ขาดเลยจากคำขอท้ายฟ้องของโจทก์หรืออย่างไรนั้น ศาลอุทธรณ์มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2064/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบหนี้ที่เคยให้การยอมรับแล้ว แต่ภายหลังอ้างว่าไม่ถูกต้อง ศาลไม่ห้ามโจทก์นำสืบ
โจทก์ให้การไว้ในคดีเรื่องหนึ่งว่า เงินจำนวนหนึ่งได้หักหนี้กันแล้ว และคดีนั้นได้ทำยอมกัน โดยศาลมิได้วินิจฉัยถึงหนี้รายนี้ แล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยเรียกหนี้รายนี้คืนและแถลงว่าการหักหนี้นั้นไม่ถูกต้อง ดังนี้ถือว่าไม่ต้องห้ามในการที่โจทก์จะนำสืบตามข้ออ้าง ศาลจะงดไม่ให้โจทก์สืบไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2064/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบหนี้ที่เคยให้การยอมรับในคดีก่อนหน้า: ศาลไม่ห้ามโจทก์อ้างเหตุผลใหม่ หากคดีก่อนไม่มีวินิจฉัย
โจทก์ให้การไว้ในคดีเรื่องหนึ่งว่า เงินจำนวนหนึ่งได้หักหนี้กันแล้วและคดีนั้นได้ทำยอมกัน โดยศาลมิได้วินิจฉัยถึงหนี้รายนี้ แล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยเรียกหนี้รายนี้คืนและแถลงว่าการหักหนี้นั้นไม่ถูกต้อง ดังนี้ถือว่าไม่ต้องห้ามในการที่โจทก์จะนำสืบตามข้ออ้าง ศาลจะงดไม่ให้โจทก์สืบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิโดยครอบครองปรปักษ์ แม้การซื้อขายจะผิดกฎหมาย โจทก์นำสืบได้
โจทก์ฟ้องอ้างว่าเรือนพิพาทเป็นของโจทก์, จำเลยเป็นผู้อาศัย จำเลยเถียงว่าเรือนเป็นของจำเลย โจทก์เป็นผู้อาศัย ประเด็นจึงมีว่าเรือนเป็นของใคร โจทก์ย่อมนำสืบว่าเรือนเป็นของโจทก์เพราะครอบครองมาเกิน 10 ปีแล้วได้ โจทก์ไม่จำต้องบรรยาย ข้อเท็จจริงในฟ้องถึงการได้มาซึ่งเรือนพิพาท ก็ย่อมนำสืบเพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์มีกรรมสิทธิได้ หากจำเลยเห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ยังไม่ชัดแจ้ง จำเลยก็ชอบที่จะขอร้องต่อศาลในชั้นชี้สองสถานและให้ศาลสอบถามโจทก์ให้ได้ความชัดขึ้นตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 183
โจทก์ได้ซื้อเรือนพิพาทจากบิดามารดาจำเลยและโจทก์ได้ครอบครองมานานกว่า 10 ปีแล้ว แม้การซื้อขายจะขัดกับ ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 456 และ 1299 หรือไม่ก็ตาม แต่โจทก์ได้กรรมสิทธิตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1382 แล้ว
ข้อนำสืบของโจทก์จะหักล้างข้อสันนิษฐานซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง.
โจทก์ได้ซื้อเรือนพิพาทจากบิดามารดาจำเลยและโจทก์ได้ครอบครองมานานกว่า 10 ปีแล้ว แม้การซื้อขายจะขัดกับ ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 456 และ 1299 หรือไม่ก็ตาม แต่โจทก์ได้กรรมสิทธิตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1382 แล้ว
ข้อนำสืบของโจทก์จะหักล้างข้อสันนิษฐานซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1637/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ของกลางต้องนำสืบในศาลจึงเป็นพยานหลักฐานได้ แม้จับกุมได้ก็ไม่ถือเป็นพยานหากมิได้นำมาศาล
คดีอาญา แม้จะปรากฎว่าจับของกลางได้ก็ดี แต่โจทก์มิได้นำของกลางมาอ้างเป็นพะยานในศาล จะเรียกว่าเป็นพะยานวัตถุในศาลไม่ได้ และศาลย่อมไม่ถือว่า สิ่งที่มิได้อ้างมาเป็นพะยานนั้นเป็นพะยานหลักฐานในศาล แม้พะยานบุคคลจะได้เบิกความกล่าวข้อความพาดพิงถึงของกลางเหล่านั้น ก็หาเรียกวัตถุที่ถูกกล่าวอ้างอิงพาดพิงถึงนั้นว่าเป็นวัตถุพะยานไม่
ไม่มีบทบัญญัติในกฎหมายว่า ถ้ามีของกลาง โจทก์จะต้องนำของกลางส่งศาลให้เป็นวัตถุพะยาน ถ้าไม่นำส่งจะต้องถูกยกฟ้อง
ไม่มีบทบัญญัติในกฎหมายว่า ถ้ามีของกลาง โจทก์จะต้องนำของกลางส่งศาลให้เป็นวัตถุพะยาน ถ้าไม่นำส่งจะต้องถูกยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่อัยยการนำพยานสืบในคดีอาญาแผ่นดิน แม้ผู้เสียหายรับปากจะนำพยานมาเอง
ตามกระบวนพิจารณาเป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่อ้างพะยาน จะต้องจัดการเอาพะยานมาให้ศาลสืบตามนัด
คดีอาญาแผ่นดิน ย่อมเป็นหน้าที่ของอัยยการโดยตรงที่จะต้องระวัง จัดการเอาพะยานมาให้ศาลสืบ การที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์ร่วม รับว่าจะนำพะยานมาศาลเอง เมื่อไม่มีพะยานมาศาล หาทำให้อัยยการพ้นหน้าที่ไปไม่.
คดีอาญาแผ่นดิน ย่อมเป็นหน้าที่ของอัยยการโดยตรงที่จะต้องระวัง จัดการเอาพะยานมาให้ศาลสืบ การที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์ร่วม รับว่าจะนำพะยานมาศาลเอง เมื่อไม่มีพะยานมาศาล หาทำให้อัยยการพ้นหน้าที่ไปไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 820/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและการนำสืบตัวแทน - การเปลี่ยนแปลงฐานสัญญาซื้อขายจากโจทก์เป็นนายเดชา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อไม้จากโจทก์แล้วไม่ชำระราคา จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ทำผิดสัญญา จำเลยได้รับซื้อไม้ไว้จากนายเดชา โจทก์เป็นผู้ทำการแทนนายเดชา จำเลยได้ชำระเงินแก่นายเดชาแล้ว ศาลสั่งว่า โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบก่อน โจทก์มิได้คัดค้าน จึงยกขึ้นฎีกาไม่ได้
โจทก์ทำสัญญาซื้อขายไม้กับจำเลย การที่จำเลยนำสืบว่าโจทก์เป็นตัวแทนของนายเดชา นายเดชาเป็นตัวการซึ่งมิได้เปิดเผยชื่อ บัดนี้ แสดงตัวให้ปรากฏ และเข้ารับเอาสัญญาที่โจทก์ทำแทนตน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 806 ย่อมนำสืบได้
โจทก์ทำสัญญาซื้อขายไม้กับจำเลย การที่จำเลยนำสืบว่าโจทก์เป็นตัวแทนของนายเดชา นายเดชาเป็นตัวการซึ่งมิได้เปิดเผยชื่อ บัดนี้ แสดงตัวให้ปรากฏ และเข้ารับเอาสัญญาที่โจทก์ทำแทนตน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 806 ย่อมนำสืบได้