พบผลลัพธ์ทั้งหมด 305 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการให้เนื่องจากประพฤติเนรคุณ และการไถ่ถอนจำนองก่อนการให้เพื่อความสมบูรณ์ของนิติกรรม
มารดายกที่ดินให้แก่บุตรปรากฎว่าที่ดินที่ยกให้นั้น ติดจำนองมาก่อนการจำนองมาแล้ว จึงทำยกให้แก่บุตร และเมื่อทำยกให้แล้ว ในวันเดียวกันนั้นบุตรก็จำนองที่ดินนั้นไว้แก่ผู้มีชื่ออีก ดังนี้ ถือได้ว่า ขณะเมื่อยกให้กัน หนี้จำนองอันติดอยู่กับที่ดินไม่มีแล้วเพราะได้ไถ่ถอนแล้ว ฉะนั้นเมื่อภายหลังบุตรประพฤติเนรคุณมารดาย่อมถอนคืนการให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้หลังการขายทอดตลาด: สิทธิในการไถ่คืนทรัพย์เมื่อยังไม่มีนิติกรรม
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า เจ้าพนักงานศาลขายทอดตลาดฝนกำลังตกหนัก จำเลยมาสายไป 20 นาที จะขอชำระเงินให้โจทก์ตามคำพิพากษา เจ้าพนักงานแจ้งว่า ขายแล้ว จึงขอให้จำเลยวางเงินชำระหนี้โจทก์และคืนทรัพย์ที่ยึดให้จำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์อ้างเหตุว่า ในวันขายทรัพย์ยังไม่หมดเวลาทำงานจำเลยมีความชอบธรรมที่จะนำเงินมาชำระหนี้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า แม้ศาลขายทอดตลาดแล้วแต่ทรัพย์ที่ขายเป็นอสังหาริมทรัพย์ยังมิได้ทำนิติกรรมซื้อขายต่อกรมการอำเภอ จำเลยชอบที่จะขอไถ่คืนทรัพย์ที่ขายได้ ดังนี้วินิจฉัยว่า จำเลยเพิ่งมากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์อ้างเหตุว่า ในวันขายทรัพย์ยังไม่หมดเวลาทำงานจำเลยมีความชอบธรรมที่จะนำเงินมาชำระหนี้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า แม้ศาลขายทอดตลาดแล้วแต่ทรัพย์ที่ขายเป็นอสังหาริมทรัพย์ยังมิได้ทำนิติกรรมซื้อขายต่อกรมการอำเภอ จำเลยชอบที่จะขอไถ่คืนทรัพย์ที่ขายได้ ดังนี้วินิจฉัยว่า จำเลยเพิ่งมากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำนิติกรรมแทนเด็กโดยไม่ชอบ ศาลมีสิทธิเพิกถอนได้
ยื่นคำร้องต่อศาลขอเป็นผู้ปกครองเฉพาะทำนิติกรรมขายที่ดินของเด็ก แทนเด็ก ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งอนุญาต เมื่อปรากฏว่าการซื้อขายนั้นได้กระทำโดยสมยอมกันขายในราคาต่ำและปิดบังความจริงต่อศาลเด็กก็ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายนั้นเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจปกครองบุตรบุญธรรม: สิทธิในการทำนิติกรรมและการผูกพันตามการกระทำของผู้ปกครอง
เมื่อยกบุตรให้เป็นบุตรบุญธรรมแก่เขาแล้ว บิดามารดาโดยกำเนิดก็หมดอำนาจปกครองนับแต่วันเวลาที่เด็กเป็นบุตรบูญธรรมแล้ว และแม้ภายหลังผู้รับบุตรบูญธรรมจะวายชนม์ เด็นนั้นก็ยังคงเป็นบุตรบูญธรรมของผู้วายชนม์นั้นอยู่ ฉะนั้นบิดามารดาเดิมของเด็กนั้น หรือภริยาของผู้รับบุตรบูญธรรมย่อมไม่มีอำนาจปกครองเด็กนั้นตามกฎหมายจึงไม่มีอำนาจทำนิติกรรมแทนเด็กได้ ถ้าขืนทำไป นิติกรรมนั้นๆไม่ผูกพันเด็กให้ต้องรัยผิด
มารดาเดิมของเด็กซึ่งเป็นบุตรบูญธรรมคนอื่นอยู่ได้ตั้งตัวเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็ก ฟ้องเรียกมรดกของผู้รับบุตรบูญธรรม แล้วได้ประนีประนอมยอมความกันต่อศาลให้แบ่งทรัพย์กัน โดยวิธีขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งกัน ศาลก็พิพากษาให้เป็นไปตามยอม ต่อมาได้มีการขอตั้งผู้ปกครองเด็กนั้น ซึ่งศาลได้ตั้งผู้อื่นเป็นผู้ปกครองเด็กผู้ปกครองจึงร้องขอต่อศาลในคดีเดิมให้ดำนเนินการขายทอดตลาดทรัพย์มรดกเอาเงินมาแบ่งกันตามคำพิพากษาท้าย ดังนี้ การกระทำของผู้ปกครอง
ดังกล่าวย่อมเป็นการรับรองกิจการที่มารดาเดิมของเด็กได้กระทำไปในเรื่องนั้นการกระทำของผู้ปกครองจึงย่อมผูกพันเด็กเหมือนเด็กได้ - ทำด้วยตนเอง ฉะนั้นเด็กจึงไม่มีสิทธิจะขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาท้ายยอมดังกล่าวแล้วได้
มารดาเดิมของเด็กซึ่งเป็นบุตรบูญธรรมคนอื่นอยู่ได้ตั้งตัวเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็ก ฟ้องเรียกมรดกของผู้รับบุตรบูญธรรม แล้วได้ประนีประนอมยอมความกันต่อศาลให้แบ่งทรัพย์กัน โดยวิธีขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งกัน ศาลก็พิพากษาให้เป็นไปตามยอม ต่อมาได้มีการขอตั้งผู้ปกครองเด็กนั้น ซึ่งศาลได้ตั้งผู้อื่นเป็นผู้ปกครองเด็กผู้ปกครองจึงร้องขอต่อศาลในคดีเดิมให้ดำนเนินการขายทอดตลาดทรัพย์มรดกเอาเงินมาแบ่งกันตามคำพิพากษาท้าย ดังนี้ การกระทำของผู้ปกครอง
ดังกล่าวย่อมเป็นการรับรองกิจการที่มารดาเดิมของเด็กได้กระทำไปในเรื่องนั้นการกระทำของผู้ปกครองจึงย่อมผูกพันเด็กเหมือนเด็กได้ - ทำด้วยตนเอง ฉะนั้นเด็กจึงไม่มีสิทธิจะขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาท้ายยอมดังกล่าวแล้วได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1192/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้จากการส่งมอบที่ดิน และสิทธิในการเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเมื่อผู้ซื้อรายหลังรู้ถึงข้อเสียเปรียบ
มารดาทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่เขา โดยได้รับเงินค่าที่ดินนั้นไว้บางส่วน และส่งมอบที่ดินให้เขาครอบครองแล้ว ครั้นมารดาถึงแก่กรรมบุตรผู้เป็นทายาทได้ไปขอรับเงินค่าที่ดินนั้นเพิ่มเติมจากผู้ซื้อ และรับว่าจะปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายที่ดินนั้น ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการรับสภาพหนี้
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินให้แก่เขา แล้ว กลับเอาที่ดินนั้นไปขายแก่ญาติของตน โดยไปจดทะเบียนการซื้อขายกันที่อำเภอ เมื่อปรากฏว่าญาติผู้ซื้อรับโอนที่ดินรายนี้ไว้โดยไม่สุจริต ล่วงรู้ถึงพฤติการณ์อันทำให้ผู้ซื้อคนแรกผู้เป็นเจ้าหนี้ผู้ขายต้องเสียเปรียบแล้ว ผู้ซื้อคนแรกก็มีสิทธิที่จะขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายรายหลังนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินให้แก่เขา แล้ว กลับเอาที่ดินนั้นไปขายแก่ญาติของตน โดยไปจดทะเบียนการซื้อขายกันที่อำเภอ เมื่อปรากฏว่าญาติผู้ซื้อรับโอนที่ดินรายนี้ไว้โดยไม่สุจริต ล่วงรู้ถึงพฤติการณ์อันทำให้ผู้ซื้อคนแรกผู้เป็นเจ้าหนี้ผู้ขายต้องเสียเปรียบแล้ว ผู้ซื้อคนแรกก็มีสิทธิที่จะขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายรายหลังนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1672/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสาระสำคัญของนิติกรรม: ผลกระทบต่อโมฆะของสัญญา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าแม้จำเลยจะทำสัญญาลงไปโดยความสำคัญผิด แต่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญอันจะทำให้ตกเป็นโมฆะ แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญโดยเข้าใจผิดในตัวทรัพย์ที่เป็นวัตถุแห่งนิติกรรม ตกเป็นโมฆะ ดังนี้เมื่อโจทก์ฎีกาต่อสู้ในทางข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้มีความสำคัญผิด แต่หาได้ยกข้อ ก.ม.ที่ว่า แม้จะสำคัญผิด ก็หาใช่เป็นข้อสำคัญอันจะทำให้เป็นโมฆะไม่ แล้วเมื่อศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยสำคัญผิดแล้ว ฎีกาโจทก์ก็ฟังไม่ขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1672/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสาระสำคัญของนิติกรรม: การวินิจฉัยความผิดพลาดเกี่ยวกับวัตถุแห่งสัญญา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าแม้จำเลยจะทำสัญญาลงไปโดยความสำคัญผิด แต่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญอันจะทำให้ตกเป็นโมฆะ แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญโดยเข้าใจผิดในตัวทรัพย์ที่เป็นวัตถุแห่งนิติกรรม ตกเป็นโมฆะ ดังนี้เมื่อโจทก์ฎีกาต่อสู้ในทางข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้มีความสำคัญผิด แต่หาได้ยกข้อกฎหมายที่ว่าแม้จะสำคัญผิด ก็หาใช่เป็นข้อสำคัญอันจะทำให้เป็นโมฆะไม่แล้ว เมื่อศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยสำคัญผิดแล้ว ฎีกาโจทก์ก็ฟังไม่ขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำร้องบอกล้างนิติกรรมสัญญาประกันถือเป็นการสัตยาบัน ย่อมมีผลผูกพัน
ภรรยาไปทำสัญญาประกันผู้ต้องหาไว้กับศาล แล้วผิดสัญญาถูกศาลสั่งปรับ สามีจึงยื่นคำร้องบอกล้างนิติกรรมสัญญาประกันโดยว่าเป็นโมฆียกรรม แต่ก่อนศาลจะมีคำสั่งประการใดสามีกลับถอนคำร้องเสีย ดังนี้ ต้องถือว่าเท่ากับไม่ได้ยื่นคำบอกล้างไว้ และถือได้ว่าเป็นการให้สัตยาบันการกระทำของภรรยาไปในตัว ฉะนั้นในภายหลังสามีจะมาบอกล้างอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำบอกล้างนิติกรรมและการสัตยาบันสัญญา
ภรรยาไปทำสัญญาประกันผู้ต้องหาไว้กับศาล แล้วผิดสัญญาถูกศาลสั่งปรับ สามีจึงยื่นคำร้องบอกล้างนิติกรรมสัญญาประกันโดยว่าเป็นโมฆียะกรรม แต่ก่อนศาลจะมีคำสั่งประการใดสามีกลับถอนคำร้องเสีย ดังนี้ ต้องถือว่าเท่ากับไม่ได้ยื่นคำบอกล้างไว้ และถือได้ว่าเป็นการให้สัตยาบันการกระทำของภรรยาไปในตัว ฉะนั้นในภายหลังสามีจะมาบอกล้างอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิไม่สุจริตของสามีในการบอกล้างนิติกรรมขายฝากที่ภรรยาทำโดยไม่ได้รับความยินยอม
สามีเคยให้ภรรยาเอาที่ดินไปจำนองและมอบเงินไปชำระดอกเบี้ย และไถ่ถอนมาหลายครั้งแล้ว ภายหลังภรรยาเอาที่นี้ไปขายฝากไว้แก่ผู้อื่น แล้วสามีมาขอบอกล้างให้ทำลายนิติกรรมโดยอ้างว่าไม่ได้รับความยินยอมจากสามีนั้น เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ตาม ป.พ.พ.ม. 5 การบอกล้างไม่มีผล