คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประมาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 560 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดในละเมิดจากการขับรถประมาทเลินเล่อ และการพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่กับเจ้าของรถ
คดีนี้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า นายบุญหยกหรือนายไพเป็นฝ่ายขับรถโดยประมาทเลินเล่อ และจำเลยทั้งสองกับนายไพมีนิติสัมพันธ์กันหรือไม่ แล้วฟังว่าเหตุที่รถยนต์ชนกันเกิดจากนายไพขับรถของจำเลยที่ 1โดยประมาทเลินเล่อฝ่ายเดียว แต่จำเลยทั้งสองกันนายไพไม่มีนิติสัมพันธ์กันจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยทั้งสองกับนายไพมีนิติสัมพันธ์กันต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยทั้งสองมิได้แก้อุทธรณ์ว่าความจริงขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์ชอบที่วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยทั้งสองกับนายไพมีนิติสัมพันธ์กันหรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ของจำเลยที่1 โดยประมาทชนรถยนต์ของนายบุญหยกและพิพากษาให้จำเลยที่2 รับผิดต่อโจทก์นั้น เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3768/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: การประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาตและประมาทเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
จำเลยเป็นผู้ไม่มีสิทธิขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ทำการตรวจบำบัดโรคโดยได้ทำการฉีดยาและให้ น.กินยาโดยประมาท เป็นเหตุให้ น. ถึงแก่ความตายการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3435/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดชอบเจ้าของช้าง: ประมาทเลินเล่อในการควบคุมช้างตกมัน ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายและทรัพย์สินเสียหาย
ช้างเป็นสัตว์ใหญ่เมื่อกำลังตกมันย่อมเป็นสัตว์ดุ จำเลยไม่คอยควบคุมดูแลโดยใกล้ชิด เพียงแต่ใช้เชือกผูก ไว้ จึงเป็นการกระทำโดยประมาทและเป็นเหตุโดยตรงให้ฟ.ผู้เสียหายถูกช้างของจำเลยแทงด้วยงาได้รับอันตรายสาหัสแล้วช้างของจำเลยวิ่งไปพังบ้านของด. เสียหายอีกจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 และการ กระทำของจำเลยดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยปล่อยปละละเลยให้ ช้างเที่ยวไปโดยลำพัง ในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ได้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 377 อีกบทหนึ่งด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยไม่มีความผิดฐานขับรถโดยประมาท และไม่มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุจากอุบัติเหตุที่ตนไม่ได้เป็นผู้ก่อ
ขณะเกิดเหตุ จำเลย (มีใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว) ใช้รถยนต์รับจ้างในกิจการส่วนตัวมิได้ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ
จำเลยมิได้เป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น จึงไม่มีหน้าที่จะต้องหยุดช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยไม่มีความผิดฐานขับรถโดยประมาทและไม่มีใบอนุญาตสาธารณะ เนื่องจากไม่ได้เป็นฝ่ายก่อเหตุและไม่ได้ใช้รถรับจ้าง
ขณะเกิดเหตุ จำเลย(มีใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว)ใช้รถยนต์รับจ้างในกิจการส่วนตัวมิได้ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ จำเลยมิได้เป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นจึงไม่มีหน้าที่จะต้องหยุดช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3088/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถตัดหน้าจนเกิดอุบัติเหตุและบาดเจ็บสาหัส ถือเป็นอันตรายร้ายแรงตามกฎหมาย
จำเลยที่ 1 ขับรถตัดหน้ารถยนต์ผู้อื่นในระยะกระชั้นชิดอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ มาตรา 52 วรรคแรกและไม่ให้สัญญาณก่อนเลี้ยว ฝ่าฝืนมาตรา 36 จนรถที่จำเลยที่ 2ขับมาในเส้นทางของตนตามปกติชนกับรถของจำเลยที่ 1ดังนี้ เป็นความประมาทของจำเลยที่ 1 โดยตรงหาใช่เพราะเหตุสุดวิสัยหรือเป็นอุบัติเหตุไม่
ผู้เสียหายมีบาดแผลฉีกขาดบนใบหน้าหลายแห่งต้องเย็บตามคิ้วเปลือกตาบนและที่แก้ม เมื่อแผลหายจะมีแผลเป็นติดใบหน้า มองเห็นได้ชัดเจนในระยะ 15 เมตร ถือได้ว่าหน้าเสียโฉมอย่างติดตัวอันเป็นอันตรายสาหัสแล้ว จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ลงโทษตามมาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนัก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจอดรถเสียบนถนน การแสดงเครื่องหมายเตือน และความรับผิดในคดีประมาท
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกสินค้าล้อบรรทุกหินมาเต็มคันรถ คลัตช์รถเสียจะต้องจอดรถ แม้ถนนบริเวณนั้นมีไหล่ทางแต่ปรากฏว่าไหล่ทางกว้างเพียง 1.40 เมตร หากจอดรถบนไหล่ทางไหล่ทางอาจทรุดได้ จึงเป็นกรณีจำเป็นที่จำเลยต้องจอดรถในทางเดินรถจำเลยจอดรถไว้บนถนนด้านซ้าย ล้อรถด้านซ้ายอยู่บนขอบผิวจราจรพอดีผิวจราจรถนนกว้าง 6 เมตรตัวรถกว้าง 2.40 เมตร ทางด้านขวาของรถยังมีผิวจราจรเหลืออีก 3.60 เมตร เห็นว่าจำเลยได้จอดรถในลักษณะที่ไม่กีดขวางการจราจร ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522 มาตรา56 แล้ว แต่การที่จำเลยได้นำก้อนหินและกิ่งไม้มาวางไว้ด้านหลังรถและเมื่อถึงเวลากลางคืนจำเลยได้เปิดไฟหรี่หน้ารถและไฟท้ายรถไว้ มิใช่เป็นการแสดงเครื่องหมายหรือสัญญาณตามลักษณะที่ระบุในข้อ 1 (1) และเงื่อนไขในข้อ 2 ข้อ 5 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ.2522 จำเลยต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 56 อันมีบทลงโทษตามมาตรา 152
ขณะเกิดเหตุจำเลยเปิดไฟไว้ท้ายรถ 3 ดวง สว่างมากมองเห็นได้ในระยะ 100 เมตร ย่อมทำให้ผู้ขับรถมาทางด้านหลังสามารถมองเห็นรถยนต์บรรทุกที่จำเลยจอดไว้ในระยะห่างเพียงพอที่ผู้นั้นจะหยุดรถหรือหลบหลีกไปได้แล้ว เป็นการ ป้องกันมิให้เกิดอันตรายขึ้นแก่บุคคลอื่นได้ไม่น้อยกว่าการแสดงเครื่องหมายตามลักษณะและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522 ทั้งไม่ปรากฏว่าปกติในกรณีนี้ผู้ขับรถจะแสดงกันแต่เครื่องหมายตามลักษณะและเงื่อนไขในกฎกระทรวงเท่านั้น ถือว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์แล้ว การที่มีคนขับรถจักรยานยนต์พุ่งเข้าชนรถยนต์บรรทุกที่จำเลยจอดไว้ เป็นเหตุให้คนขับและคนซ้อนท้ายถึงแก่ความตายไม่ได้เกิดจากการละเว้นการกระทำของจำเลย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2101/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประมาทเลินเล่อจากการใช้อาวุธปืน เสี่ยงต่ออันตราย และการแก้ไขโทษตามมาตรา 78
จำเลยถืออาวุธปืนซึ่งบรรจุกระสุนไว้แล้วจ่อไปทาง ส.เป็นการกระทำที่ไม่สมควร เป็นการเสี่ยงต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้น มิใช่วิสัยที่ปกติชนจะพึงกระทำ เมื่อ ส. ตกใจใช้มือปัดเป็นเหตุให้อาวุธปืนลั่น กระสุนปืนถูก ส. บาดเจ็บสาหัส การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสแม้ข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้องเป็นการกระทำผิดโดยเจตนาขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่า แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาเป็นเรื่องประมาทซึ่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 บัญญัติมิให้ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญทั้งจำเลยไม่หลงต่อสู้ดังนี้ ศาลลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1754/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษสำหรับผู้กระทำผิดประมาท ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ และมีอาชีพข้าราชการ
คดีขับรถชนกันโดยประมาทมีผู้รับอันตรายสาหัส เมื่อจำเลยเป็นพนักงานของส่วนราชการ ได้ชดใช้ค่ารักษาพยาบาลและค่าทำขวัญผู้เสียหายเป็นที่พอใจ ไม่ติดใจเอาความ ดังนี้ศาลฎีการอการลงโทษให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยประมาทจากการจุดไฟเผาหญ้า – ปัญหาข้อเท็จจริงที่ห้ามฎีกา
ฎีกาของจำเลยที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นไปตามปกติธรรมดาของชาวสวนชาวไร่ทั่วไปซึ่งบุคคลในขณะจุดไฟเผาย่อมไม่คาดคิดถึงผลการกระทำของตนว่าเพลิงจะลุกลามไปจนน่าจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ผู้อื่น จำเลยจึงยังไม่มีความผิดตามฟ้องเพราะเป็นการกระทำที่ไม่อาจคาดคิดว่าน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่นแต่เหตุที่เกิดเพลิงไม้ทรัพย์โจทก์ร่วมนี้เพราะจำเลยกระทำโดยประมาทนั้นการที่จะคาดคิดว่าการจุดไฟของจำเลยน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินผู้อื่นหรือไม่ เป็นความคิดเห็น เป็นการคาดคะเนเหตุการณ์ข้างหน้าที่ยังไม่เกิด ขึ้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
of 56