คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผลผูกพัน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 804 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3009/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติมีผลผูกพัน แม้ผู้บุกรุกอ้างว่าไม่รู้
เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้ป่าภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงเป็นป่าสงวนแห่งชาติและทางราชการได้ปิดประกาศสำเนากฎกระทรวงและแผนที่ท้ายกฎกระทรวงไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอที่ทำการกำนันท้องที่ และที่เปิดเผยเห็นได้ง่ายในหมู่บ้านท้องที่นั้นตามมาตรา 9 แห่ง พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติพ.ศ. 2507 แล้ว ย่อมมีผลให้ที่ดินในแนวเขตตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวงดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติทันที จำเลยที่ 2 จะอ้างว่าไม่รู้ว่าที่ดินแปลงที่เกิดเหตุเป็นป่าสงวนแห่งชาติหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2559/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษี การยินยอมชำระภาษี และผลผูกพันตามกฎหมาย หากไม่โต้แย้งการประเมิน
เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เห็นว่าการประเมินของ เจ้าพนักงานประเมินชอบแล้ว คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบที่จะยกอุทธรณ์ของบริษัทโจทก์ได้ โดยไม่จำต้องวินิจฉัยหักหรือลดเงินภาษีที่โจทก์ได้ชำระแล้วให้ เพราะว่าคณะกรรมการ พิจารณาอุทธรณ์จะวินิจฉัยหักหรือลดให้เฉพาะแต่ในกรณีที่เห็นว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินไม่ชอบหรือไม่ถูกต้อง เท่านั้น ส่วนเงินที่โจทก์ไม่ได้โต้แย้งและชำระภาษีไปบางส่วนแล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้รับชำระภาษีจากโจทก์ในภายหน้า ที่จะทำการหักและลดให้ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2559/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย และผลผูกพันจากการยินยอมชำระภาษี
เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เห็นว่าการประเมินของเจ้าพนักงานชอบแล้ว คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก็ชอบที่จะยกอุทธรณ์ของโจทก์ได้ โดยไม่จำต้องวินิจฉัยหักลดเงินภาษีที่โจทก์ได้ชำระแล้วให้เพราะว่าคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จะวินิจฉัยหักหรือลดให้เฉพาะแต่ในกรณีที่เห็นว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องเท่านั้น ส่วนเงินที่โจทก์ไม่ได้โต้แย้งและชำระภาษีไปบางส่วนแล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้รับชำระภาษีจากโจทก์ที่จะทำการหักและลดให้ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2164/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ระหว่างฎีกา และอำนาจศาลชั้นต้นในการแก้ไขคำสั่ง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านที่ 1 ส่งเอกสารต่าง ๆเกี่ยวกับทรัพย์มรดกไว้ที่ศาล ผู้คัดค้านที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้คัดค้านที่ 1 ฎีกา คดียังไม่ถึงที่สุด คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คงมีผลผูกพันผู้คัดค้านที่ 1 ที่จะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาศาลฎีกาเปลี่ยนแปลงแก้ไขกลับหรืองดเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา145 วรรคแรก ศาลชั้นต้นจึงไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยอนุญาตให้ผู้คัดค้านที่ 1 ส่งสำเนาเอกสารแทนต้นฉบับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาคดีเดิม: โจทก์ไม่มีอำนาจร้องขอเพิกถอนนิติกรรมหากจำเลยที่ 1 ยังไม่เป็นลูกหนี้
คดีเดิมซึ่งโจทก์ฟ้อง ร. เป็นจำเลยที่ 1 และฟ้องจำเลยที่ 1คดีนี้เป็นจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องในส่วนของจำเลยที่ 1 โดยฟังว่าจำเลยที่ 1 รับโอนที่พิพาทมาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน คำพิพากษาดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันคู่ความในคดีเดิม จนกว่าจะถูกเปลี่ยนแปลง แก้ไข กลับหรืองดเสีย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก ดังนั้นในช่วงเวลาที่คดีเดิมอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ การที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนขายที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 2นำไปจดทะเบียนจำนองไว้กับจำเลยที่ 3 ย่อมไม่อาจนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 มาใช้บังคับได้เพราะยังไม่มีหนี้ที่จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจร้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการขายที่พิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และนิติกรรมจำนองระหว่างจำเลยที่ 2กับจำเลยที่ 3 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1489/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองที่ดินโดยผู้ใช้อำนาจปกครอง และผลผูกพันต่อบุตรผู้เยาว์หลังบรรลุนิติภาวะ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 บิดาผู้ใช้อำนาจปกครองของจำเลยที่ 3 ทำนิติกรรมจำนองที่ดินของจำเลยที่ 3 แทนจำเลยที่ 3ผู้เยาว์ได้จำเลยที่ 3 เบิกความในคดีดังกล่าวว่า จำเลยที่ 2และที่ 3 จะสร้างปั๊มน้ำมันจึงจำต้องจำนองที่ดินของจำเลยที่ 3เพื่อหาเงินมาลงทุน เมื่อจำเลยที่ 2 นำที่ดินดังกล่าวไปประกันเงินที่ห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 กู้จากโจทก์ จำเลยที่ 3 ซึ่งขณะนั้นบรรลุนิติภาวะแล้วก็ยังเข้าทำสัญญาค้ำประกันเงินกู้หรือเบิกเงินเกินบัญชี และทำบันทึกข้อตกลงขึ้นเงินจำนองเป็นครั้งที่ 2ต่อโจทก์ เพื่อเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 อีก แสดงว่าจำเลยที่ 3รู้ว่าห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 เป็นกิจการที่จำเลยที่ 2 และ อ.บิดามารดาของจำเลยที่ 3 ร่วมกันประกอบธุรกิจโดยตรง ดังนั้นการที่จำเลยที่ 2 ทำนิติกรรมจำนองที่ดินของจำเลยที่ 3 เพื่อเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่าเป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตย่อมมีผลผูกพันจำเลยที่ 3 แม้ อ. มารดาจำเลยที่ 3 จะร่วมลงชื่อกับจำเลยที่ 2 เป็นผู้ทำการแทนจำเลยที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้เป็นผู้จำนองที่ดินของจำเลยที่ 3 แทนจำเลยที่ 3 ด้วยก็ตามแต่ อ. ก็เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองตามกฎหมายของจำเลยที่ 3 ด้วยคนหนึ่ง ทั้งสัญญาที่อ. ร่วมลงนามก็ไม่มีการกระทำนอกเหนือไปจากคำสั่งอนุญาตของศาลการกระทำของ อ. ไม่ทำให้นิติกรรมที่จำเลยที่ 2 ทำไว้ต่อโจทก์แทนจำเลยที่ 3 ต้องเสียไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1489/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองที่ดินของผู้เยาว์โดยได้รับอนุญาตจากศาล และผลผูกพันต่อผู้เยาว์เมื่อบรรลุนิติภาวะ
จำเลยที่ 1 เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดมีวัตถุประสงค์ค้าผลิตภัณฑ์น้ำมัน โดยมีจำเลยที่ 2 และนาง อ. บิดามารดาของจำเลยที่ 3เป็นหุ้นส่วนเพียงสองคน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2ผู้ใช้อำนาจปกครองตามกฎหมายของจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้เยาว์อยู่ในขณะนั้นทำนิติกรรมจำนองที่ดินของจำเลยที่ 3 แทนจำเลยที่ 3บุตรผู้เยาว์ได้ ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ทำนิติกรรมจำนองที่ดินของจำเลยที่ 3 เพื่อเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ที่กู้จากโจทก์เพื่อนำเงินไปลงทุนสร้างปั๊มน้ำมัน ถือได้ว่าเป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต เป็นการกระทำแทนจำเลยที่ 3 โดยชอบย่อมมีผลผูกพันจำเลยที่ 3 แม้ในการทำนิติกรรมจำนองที่ดินดังกล่าวนาง อ. มารดาจำเลยที่ 3 จะได้ลงนามร่วมกับจำเลยที่ 2 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้เป็นผู้จำนองที่ดินของจำเลยที่ 3 แทนจำเลยที่ 3 ได้ก็ตาม แต่นาง อ. ก็ได้เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองตามกฎหมายของจำเลยที่ 3 ด้วยคนหนึ่ง ทั้งสัญญาที่ นาง อ. ร่วมลงนามก็ไม่มีการกระทำนอกเหนือไปจากคำสั่งอนุญาตของศาล การกระทำของนาง อ. ดังกล่าวจึงไม่ทำให้นิติกรรมที่จำเลยที่ 2 ทำไว้ต่อโจทก์แทนจำเลยที่ 3 ต้องเสียไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1014/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเงินกู้ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายภาษีอากร ทำให้ไม่มีผลผูกพันทางแพ่ง
ในคดีที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลจะพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยอาศัยเหตุแต่เพียงว่า จำเลยขาดนัดไม่ได้ จะต้องพิจารณาให้ได้ความว่าข้ออ้างของโจทก์มีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมายด้วย การกู้ยืมเงินเกินกว่าห้าสิบบาท ต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมและหนังสือสัญญากู้ยืมจะต้องปิดแสตมป์ตามอัตราที่ประมวลรัษฎากรกำหนดและขีดฆ่าแล้วหากไม่มีการขีดฆ่าแสตมป์ ถือว่าไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ซึ่งห้ามมิให้ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่ง ผู้กู้จึงไม่ต้องรับผิดและผู้ค้ำประกันก็ไม่ต้องรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 973/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำสั่งศาลกรณีครอบครองปรปักษ์: การที่โจทก์ไม่ทราบเรื่องและไม่ได้คัดค้านทำให้คำสั่งศาลไม่ผูกพัน
แม้จำเลยจะมิได้ให้การเรื่องอำนาจฟ้องไว้โดยชัดแจ้ง แต่จำเลยก็ได้ให้การและอุทธรณ์ต่อมาถึงการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในอีกคดีหนึ่งว่า ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ไว้แล้ว ทั้งอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนจำเลยจึงฎีกาในปัญหานี้ได้
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคดีก่อนว่า ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์นั้น แม้โจทก์ทั้งหกในคดีนี้จะมิได้เป็นคู่ความในคดีก่อน แต่ถ้าโจทก์ทั้งหกทราบเรื่องที่จำเลยยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์แล้ว โจทก์ทั้งหกไม่โต้แย้งคัดค้านภายในเวลาที่ศาลกำหนด โจทก์ทั้งหกก็ย่อมหมดสิทธิที่จะโต้แย้งคัดค้านอีกต่อไป เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ทั้งหกไม่ทราบเรื่องที่จำเลยยื่นคำร้องขอและการดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีดังกล่าวจึงถือว่าโจทก์ทั้งหกเป็นบุคคลภายนอกคำสั่งศาลชั้นต้นในคดีก่อนไม่ผูกพันโจทก์ทั้งหก
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นเพียงผู้อาศัยในที่ดินพิพาท จำเลยไม่ฎีกาโต้แย้งคำวินิจฉัยนี้ ข้อเท็จจริงจึงยุติตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าว ที่จำเลยฎีกาว่า ขอถือเอาอุทธรณ์ของจำเลยเป็นส่วนหนึ่งของฎีกาด้วยนั้น เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อในคดีอาญา: การรับสารภาพของผู้ต้องหาต่อหน้าศาลชั้นต้นมีผลผูกพันในการนับโทษ
เมื่อปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 3 รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ 5463/2532,5524/2532 และคดีดำที่ 2497/2532,3145/2532 และ 5904/2532ของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นจึงพิพากษาให้นับโทษจำเลยที่ 3 ต่อจากโทษในคดีหมายเลขแดงที่ 5463/2532,5524/2532,6066/2532(ดำที่ 3145/2532),6100/2532(ดำที่ 2497/2532) และ 1752/2532(ดำที่ 5904/2532) ของศาลชั้นต้นได้.
of 81